????
สมาชิก
จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 1,238 |  วันที่: 04/04/2006 @ 07:21:18 คุณชอบกระทู้นี้หรือไม่ ผลการโหวต นักลงทุนไล่หุ้น NSM พุ่งกระฉูดหลังมีข่าว GSTEEL เทคโอเวอร์แถมแว่วอีกว่าอาจเป็นกลุ่มทุนจากฮ่องกงที่เข้าเทคฯสวัสดิ์ปฏิเสธข่าว ระบุเล็งหาพันธมิตรใหม่จริง บล.เอเชียพลัสเผย NSM มีคุณสมบัติพร้อมถูกควบรวมกิจการ[/color:0528f766f2">
วานนี้ (3 เม.ย.) ราคาหุ้นบริษัท นครไทยสตริปมิล จำกัด (มหาชน) หรือ NSMพุ่ง 9.72% ทำสถิติสูงสุดในรอบเกือบ 3 เดือน โดยระหว่างวันราคาหุ้นได้ปรับตัวสูงสุดแตะที่ระดับ 0.80 บาท ต่ำสุดที่ระดับ 0.71 บาท ก่อนจะปิดตลาดที่ระดับ 0.79 บาท โดยมีมูลค่าการซื้อขายรวมทั้งสิ้น 748.48 ล้านบาท
ทั้งนี้ เกิดกระแสข่าวว่าบริษัท จีสตีล จำกัด (มหาชน) หรือ GSTEEL เข้าเทคโอเวอร์กิจการ NSM ดังนั้นจึงเป็นสาเหตุที่ทำให้ราคาหุ้นปรับตัวเพิ่มขึ้น
ขณะที่แหล่งข่าววงการธุรกิจเหล็ก เปิดเผยกับ ข่าวหุ้นธุรกิจ ว่า ก่อนหน้านั้นได้มีกระแสข่าว GSTEEL เข้าเทคโอเวอร์ NSM เช่นกัน แต่ทั้งนี้ มองว่าความเป็นไปได้ที่พันธมิตรรายใหม่จะเข้ามานั้นควรเป็นกลุ่มทุนจากฮ่องกงที่ซื้อหนี้ NSM จากบรรษัทบริหารสินทรัพย์ไทยมากกว่า
นายสวัสดิ์ หอรุ่งเรือง ประธานกรรมการ บริษัท นครไทยสตริปมิล จำกัด (มหาชน)หรือ NSM เปิดเผยกับ ข่าวหุ้นธุรกิจ ถึงกระแสข่าว GSTEEL เทคโอเวอร์ NSM นั้นไม่เป็นความจริง เพราะขณะนี้บริษัทยังไม่ได้รับการติดต่อขอซื้อหุ้น NSM อย่างไรก็ดี หากมีผู้สนใจเสนอราคาดีบริษัทก็ยินดีขาย ทั้งนี้ ในอนาคตบริษัทเชื่อว่าพันธมิตรรายใหม่ที่เข้ามาจะส่งผลดีต่อธุรกิจ NSM
ส่วนในปี 2549 บริษัทตั้งเป้ารายได้ไว้ที่ประมาณกว่า 20,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 26.14% จากปี 2548 ที่มีรายได้ 15,856 ล้านบาท ทั้งนี้เป้าหมายดังกล่าวบริษัทได้คำนวณจากกำลังการผลิตทั้งหมด 1.2 ล้านตันต่อปี โดยคิดจากราคาเหล็กเฉลี่ยที่ 18,000 บาทต่อตันอย่างไรก็ดี หากราคาเหล็กดังกล่าวเปลี่ยนแปลงซึ่งอาจทำให้เป้าหมายปีนี้เปลี่ยนตามไปด้วยทั้งนี้ ปัจจุบันสถานการณ์อุตสาหกรรมราคาเหล็กเริ่มฟื้นตัวอีกครั้ง ซึ่งล่าสุดราคาเหล็กได้ปรับตัวเพิ่มขึ้นจาก 350 เหรียญต่อตัน มาอยู่ที่ 450 เหรียญต่อตัน
ด้านนักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ เอเซีย พลัส จำกัด (มหาชน) หรือ ASP ระบุว่าNSM มีคุณสมบัติที่น่าจับตาในฐานะเป้าหมายถูกควบรวมกิจการเพราะ NSM มีเครื่องจักรในการผลิตที่ทันสมัย มีภาระหนี้ระดับสูง และโครงสร้างผู้ถือหุ้นกระจายตัวโดยหุ้นบางส่วนอยู่เป็นของสถาบันการเงินเจ้าหนี้ ซึ่งเมื่อรวบรวมประเด็นดังกล่าวแล้วเห็นว่า NSM เป็นเป้าหมายที่มีโอกาสถูกควบรวมกิจการสูงที่สุด เพราะนอกจากจะมีคุณสมบัติทั้ง 3 ข้อดังกล่าวแล้วราคาหุ้นปัจจุบันของ NSM ยังต่ำกว่ามูลค่าหุ้นตามบัญชี (Book Value) ถึง 60%
ทั้งนี้ แนวโน้มการควบรวมกิจการในธุรกิจเหล็กเกิดขึ้นทั่วโลกไม่ว่าจะเป็นการควบรวมแบบสมัครใจหรือแบบปรปักษ์โดยผู้ผลิตเหล็กรายใหญ่ของโลกเช่น Arcelor ซื้อกิจการDofasco, Mittal แสดงเจตนารมณ์ในการเข้าครอบครอง Arcelor, การรวมตัวของผู้ผลิตเหล็กในญี่ปุ่นในนาม JFE Holdingเพื่อเสริมสร้างความสามารถการแข่งขันในสภาวะที่ราคาเหล็กมีความผันผวนอย่างหนัก รวมถึงการที่กลุ่ม TATA จากอินเดียเข้ามาซื้อหุ้นใน MSจนกลายเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ ทำให้เกิดความน่าสนใจว่าผู้ประกอบการในธุรกิจเหล็กของประเทศไทยอาจตกเป็นเป้าหมายในการควบรวมกิจการหรือเข้าซื้อกิจการโดยบริษัทยักษ์ใหญ่ระดับโลกอีกหรือไม่
ที่มา ข่าวหุ้น[/color:0528f766f2">
|
