กลายเป็นประเด็นที่น่าสนใจขึ้นมาทันทีเมื่อ บริษัท อิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์ (ITD) ยื่นมือ เข้ามาช่วยซื้อหุ้นเพิ่มทุนของ บริษัท เนาวรัตน์พัฒนาการ (NWR) จำนวน 150 ล้านบาท (150 ล้านหุ้น) พร้อมทั้งเตรียมดึงพันธมิตร ต่างชาติ ในวงการก่อสร้างเข้ามาซื้ออีก 150 ล้านหุ้น

ปฏิบัติการที่ส่อเจตนาว่า ITD เข้ามาอุ้ม NWR ครั้งนี้ ทำให้ รายย่อย แห่เข้ามาเก็งกำไรหุ้น NWR จนราคาทะยานขึ้นไปอย่างรวดเร็ว

ถึงแม้สัดส่วนการถือหุ้นของ อิตาเลียนไทย ใน เนาวรัตน์พัฒนาการ จะ น้อยนิด ไม่เกิน 5% ของทุนจดทะเบียน (ใหม่) 3,149.69 ล้านบาท แต่ถ้าอ่านฉากหลังของดีลนี้ นี่คือ การยิ่งปืนนัดเดียวหวังผลประโยชน์ถึง 2 ทางด้วยกัน

ทางแรก..สร้างความมั่นใจให้ รายย่อย มาช่วยเติม สายป่าน (ทุน) ให้กับ NWR โดยมาใช้สิทธิซื้อหุ้นเพิ่มทุนกันมากๆ และ สอง..เมื่อ NWR มีทุนเพิ่มขึ้นก็สามารถออกไปประมูลงานโปรเจคที่ใหญ่ขึ้นได้ โดยมีเป้าหมายอยู่ที่โครงการ เมกะโปรเจ็ก มูลค่า 1.7 ล้านล้านบาท

หลายฝ่ายเชื่อว่าการเดินหมากนี้ของ ITD เพราะมีสัญญาณบางอย่างที่เริ่มบ่งชัดว่ารัฐบาลไม่ต้องการให้ อิตาเลียนไทย ผูกขาดงานก่อสร้างเอาไว้ในมือเพียงเจ้าเดียว

ภายหลังกิจการร่วมค้าไอทีโอ (ITD ถือหุ้น 40%) ถูก วางยา กรณีการจัดซื้อจัดจ้างภายในสนามบิน สุวรรณภูมิ โดยเฉพาะกรณี เครื่องตรวจจับวัตถุระเบิด ที่ตกเป็นข่าวครึกโครม

ยิ่งเมื่อขุนพลของ อิตาเลียนไทย นิจพร จรณะจิตต์ (กรรณสูต) กรรมการรองประธานบริหารอาวุโสอิตาเลียนไทย ให้เหตุผลการซื้อหุ้น NWR ไว้ 2 ประการ คือ หนึ่ง..เพื่อเป็น Strategic Sub-contractor (ผู้รับเหมาช่วง) ของบริษัท และ สอง..เพื่อรองรับการขยายตัวของ Mega Project ตลอดจน โครงการต่างๆ ในอนาคต

เพียงเหตุผลเท่านี้ก็สามารถต่อภาพให้สมบูรณ์ขึ้นแล้วว่า เนาวรัตน์พัฒนาการ กำลังจะกลายเป็น หมากสำรอง บนเกมใหม่ของ อิตาเลียนไทย ..ภายใต้แผนยุทธศาสตร์ Win-Win ในกลุ่ม พร้อมกับ ลดแรงเสียดทาน ของกระแสสังคมลงไปได้อีกทางหนึ่ง

เมื่อโยงเส้นสายสัมพันธ์ระหว่าง อิตาเลียนไทย และ เนาวรัตน์พัฒนาการ ก็ไม่ใช่อื่นไกลแท้จริงแล้วทั้ง 2 กลุ่มนี้มีต้นกำเนิดมาจาก สายเลือด..ตระกูลกรรณสูต เหมือนกัน

โดย อิตาเลียนไทย เกิดมาจาก น.พ.ชัยยุทธ กรรณสูต (บิดาของนิจพร-เปรมชัย) ส่วน เนาวรัตน์พัฒนาการ ซึ่งจดทะเบียนเมื่อวันที่ 31 พฤษภาคม 2519 ก่อตั้งโดย มานะ กรรณสูต และชื่อ เนาวรัตน์พัฒนาการ ก็มาจากชื่อภรรยา คือ เนาวรัตน์ สุวรรณสุทธิ์

ส่วนงานบริหารปัจจุบันถูกส่งผ่านไปให้กับบุตรชาย 2 คนของ มานะ คือ พลพัฒ กรรณสูต กรรมการผู้จัดการ และ อาภาธร กรรณสูต รองกรรมการผู้จัดการอาวุโสฝ่ายจัดซื้อและขนส่ง

แต่ถ้าเทียบไซส์ธุรกิจแล้วจะพบว่ากว่า 30 ปี บนถนนเส้นเดียวกัน อิตาเลียนไทย วันนี้มีงานในมือประมาณ 7- 8 หมื่นล้านบาท แต่ เนาวรัตน์พัฒนาการ มีงานในมือล่าสุด 4,470 ล้านบาท (รอเซ็นสัญญาอีกประมาณ 3,400 ล้านบาท)

โดย บล.เกียรตินาคิน คาดว่าในปี 2548 อิตาเลียนไทยจะมีรายได้จากงานก่อสร้าง 36,500 ล้านบาท และในปี 2549 จะเพิ่มขึ้นเป็น 42,776 ล้านบาท โดยจะเห็นการเติบโตอย่างแข็งแกร่งของหุ้น ITD ในปี 2549 มาจากงานเมกะโปรเจ็กเป็นส่วนใหญ่

ขณะที่จุดอ่อนของ เนาวรัตน์พัฒนาการ ที่ยังแก้ไม่ตก ก็คือ งานส่วนใหญ่ยังยึดโยงอยู่กับ กรมทางหลวง มากที่สุด และงานเกือบทุกโครงการที่บริษัทไปตัดราคามาได้ ก็มีแต่ วอลุ่ม แต่กลับไม่มี กำไร

เป็นที่ทราบกันดีว่า ต้นทุน ก้อนใหญ่ที่สุด คือ รายจ่ายลับๆ ที่ไม่ปรากฏอยู่ในบัญชีของบริษัท

ส่วนวิธีการสร้าง วอลุ่ม งานก่อสร้าง เพื่อมา ปั้นหุ้น เหมือนสมัยก่อน มุกเก่าๆ ใช้ไม่ได้ผล เพราะนักลงทุนสมัยนี้ทันเกม และไม่ได้โง่

เพราะฉะนั้นหนทางที่จะสร้าง กำไร จึงจำเป็นต้องเป็น Sub-contractor (ผู้รับเหมาช่วง) ให้กับอิตาเลียนไทย หรือ จัดตั้งเป็น กิจการร่วมค้า ร่วมกัน..เพื่อจะได้ เข้าถึง งานโปรเจ็กขนาดใหญ่ๆ ที่มี มาร์จิ้น สูงพอสำหรับทุกฝ่าย

งานที่เห็นเป็นเนื้อเป็นหนังที่อิตาเลียนไทยส่งมาให้ล่าสุด คือ งานก่อสร้างรีสอร์ท และคอนโดมิเนียมที่ประเทศดูไบมูลค่างานในส่วนของ NWR ประมาณ 2,117 ล้านบาท ที่อยู่ระหว่างการเซ็นสัญญา

แต่เกมธุรกิจที่ เนาวรัตน์พัฒนาการ กำลังจะเล่นต่อไปนี้จำเป็นต้อง เพิ่มทุน เพื่อปรับสัดส่วนหนี้ให้เหมาะสมเสียก่อน แต่ทว่าภายใต้ อนาคตใหม่ ที่อาจจะมองดูว่า สดใส การเพิ่มทุนจำนวนมหาศาลจาก 764.15 ล้านบาท เป็น 3,149.69 ล้านบาท (โดยการออกหุ้นสามัญเพิ่มทุนใหม่จำนวน 2,385.53 ล้านหุ้น เสนอขายที่ราคาหุ้นละ 1 บาท) ก็เป็น อุปสรรค ในระยะสั้นถึงปานกลางต่ออนาคตของหุ้น NWR

นักวิเคราะห์จากบล.โกลเบล็ก ประเมินว่า ราคาเป้าหมายสำหรับปี 2548 หลังแตกพาร์ไว้ที่ 1.11 บาท/หุ้น เนื่องจากยังมีความเสี่ยงถึงความสำเร็จในการเพิ่มทุน (กำหนดจองซื้อหุ้นเพิ่มทุนระหว่างวันที่ 18-24 สิงหาคม 2548) และจะเกิด Dilution Effect ที่สูงมาก

อนาคตของ NWR ในวันนี้จึงไม่ต่างอะไรกับ เหาฉลาม ของ ITD ที่มีเป้าหมายเดียวกัน คือ งาน เมกะโปรเจ็ก ภาครัฐ..ภายใต้ปณิธานเดียวกัน รวมกัน เราอยู่ แยกหมู่ เราตาย

คาดการณ์ผลประกอบการของ NWR ระหว่างปี 2548-2549

บล.เอเซีย พลัส บล.โกลเบล็ก

รายการ ปี 2548 ปี 2549 ปี 2548 ปี 2549

(ล้านบาท) (ล้านบาท) (ล้านบาท) (ล้านบาท)

ยอดขาย 4,030 5,469 3,591 4,309

กำไรขั้นต้น 2.57% 7.44% 4% 6%

กำไรสุทธิ -107 115 -95 -21

กำไรสุทธิ/หุ้น (บาท) -0.1 0.05 -0.04 -0.01

มูลค่าตามบัญชี (บาท) 0.92 0.97 1.1 1.1

ROE -4.67% 4.77% -3% -1%

ราคาหุ้นพื้นฐาน (บาท) 0.92 n.a. 1.11 n.a.

หมายเหตุ: กรุงเทพธุรกิจ BizWeek รวบรวม

หุ้นเพิ่ม10เท่า
เเถมโดนdsiตรวจสอบอีก
เน่าทั้ง itd ทั้ง nwr เลย
เเถมโดนลดรถไฟฟ้าสองสายมูลค่าเกือบ2เเสนล้าน
หุ้นรับเหมาคงดูไม่จืด