April 20, 2024   10:32:54 AM ICT
เว็บบอร์ด > ห้องข่าว > ถอดรหัสแผนธุรกิจ MIDA
 

????
สมาชิก

จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 5
วันที่: 27/08/2005 @ 20:03:28
คุณชอบกระทู้นี้หรือไม่

ผลการโหวต
ชอบ
0.00%
0 คน

ไม่ชอบ
0.00%
0 คน

ถอดรหัสแผนธุรกิจพี่ใหญ่วงการหุ้น กมล เอี้ยวศิวิกูล หลังจาก 2 หุ้นดับ ไมด้า แอสเซ็ท (MIDA) และ ไมด้า ลิสซิ่ง (ML) หล่นกระแทกพื้น ล่าสุดเตรียมส่ง ไมด้า-เมดดาลิสท์ (MMD) ฝ่าแนวรบตลาดหุ้นอีกตัว ขณะเดียวกันก็วางแผนดันหุ้นในเครือตัวที่ 4 เข้าลิสต์ในตลาดปี 49 ปูทางให้ MIDA ขึ้นสู่ โฮลดิ้ง คอมพานี พร้อมเปิดใจ..ผมไม่ใช่นักปั่นหุ้น

กมล เอี้ยวศิวิกูล ประธานกรรมการ และกรรมการผู้จัดการ บมจ. ไมด้า แอสเซ็ท (MIDA) เดินเกมฝ่ากระแสขาลงของหุ้นในสังกัด ด้วยการส่ง ไมด้า-เมดดาลิสท์ เอ็นเธอร์เทนเมนท์ (MMD) เข้าไประดมทุนในตลาดหลักทรัพย์...เป็นหุ้น ตัวที่ 3 ของครอบครัวภายในสิ้นปี 2548 นี้

บริษัท ไมด้า-เมดดาลิสท์ เป็นผู้นำด้านการผลิตเครื่องเล่น (เกม) อิเล็กทรอนิกส์ ได้แก่ เครื่องเล่นปาเป้าอิเล็กทรอนิกส์ ภายใต้ตราสินค้า Medalist และเป็นฐานการผลิต (OEM) โต๊ะพูล และโต๊ะฟุตบอล ภายใต้ตราสินค้า Super League และ Sun Line เพื่อส่งออกไปจำหน่ายในตลาดต่างประเทศทั่วโลก

ปัจจุบันบริษัทมีทุนจดทะเบียน 250 ล้านบาท เรียกชำระแล้วจำนวน 200 ล้านบาท โดยมีกลุ่ม เอี้ยวศิวิกูล ถือหุ้นใหญ่ 65% และกลุ่ม Medalist Marketing Corporation (MMC) ผู้ผลิตเครื่องเล่นปาเป้าอิเล็กทรอนิกส์รายใหญ่ของโลก ถือหุ้นอยู่ 35% ภายหลังการกระจายหุ้น (ไอพีโอ) กลุ่ม เอี้ยวศิวิกูล จะคงสัดส่วนไว้ที่ 51% และกลุ่ม MMC จะเหลือหุ้น 24%

ตามแผนออกหุ้นไอพีโอที่ กมล อธิบายไว้นั้น บริษัทแห่งใหม่นี้จะระดมทุนจากนักลงทุนจำนวน 60 ล้านหุ้น แบ่งเป็นหุ้นสามัญออกใหม่จำนวน 40 ล้านหุ้น และหุ้นสามัญของกลุ่มผู้ถือหุ้นเดิมออกขายอีก 20 ล้านหุ้น

สัดส่วนหุ้นเดิมที่จะนำออกขายจะมาจากหุ้นของกลุ่ม เอี้ยวศิวิกูล จำนวน 13 ล้านหุ้น และกลุ่ม MMC อีก 7 ล้านหุ้น โดยบริษัทตั้งเป้าระดมทุนทั้งสิ้นประมาณ 300-400 ล้านบาท (คาดว่าราคา IPO อยู่ระหว่าง 5-6 บาท) เพราะฉะนั้น กมล น่าจะได้เงินจากการเอาหุ้นเดิมออกมาขาย (13 ล้านหุ้น) ไม่น้อยกว่า 65 ล้านบาท

กมล ยอมรับว่า การที่ MMD มีกลุ่มเอี้ยวศิวิกูลเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่น่าจะส่งผลที่ดีกว่าการให้ MIDA เข้ามาถือหุ้นในรูปของบริษัทแม่ โดยเฉพาะในสถานการณ์เช่นนี้... MIDA ยังไม่น่าจะพร้อม

ความจริงผมยังมีธุรกิจอยู่ในสต็อกอีกประมาณ 2-3 บริษัท...ที่พร้อมจะเอาเข้าตลาดหุ้นได้ในปี 2549 แต่คงจะเข้าไปลิสต์เพียงแห่งเดียวก่อน ซึ่งครอบครัวของผมเป็นกลุ่มผู้ถือหุ้นใหญ่...ทางตรง เหมือนๆ กับ ไมด้า-เมดดาลิสท์ (MMD) ที่ทาง ไมด้า แอสเซ็ท (MIDA) ไม่ได้เข้ามาเกี่ยวข้องหรือถือหุ้นอยู่เลย

...และโมเดลการถือหุ้นเช่นนี้ จะไม่ส่งผลกระทบใดๆ ระหว่าง หุ้นเดิม (MIDA และ ML) กับ หุ้นใหม่ (MMD)

สำหรับวิธีสร้างการเติบโตให้กับ MMD นั้น บริษัทจะใช้วิธีขายสินค้าเป็น เครดิต ส่วนหนึ่ง (ผ่อนเป็นงวด) เพื่อสปีดยอดขายให้โตขึ้น 30-40%

นั่นเป็นกลยุทธ์การขายที่ กมล เชื่อว่า...บริษัทไม่เสี่ยง เพราะสิ่งสำคัญของการทำธุรกิจนี้ก็คือ การ ดีไซน์เครดิต ให้สอดคล้องกับโมเดลธุรกิจของลูกค้า โดยปัจจุบันเครื่องเล่นปาเป้าอิเล็กทรอนิกส์ ภายใต้ตราสินค้า Medalist มีส่วนแบ่งการตลาดในประเทศญี่ปุ่นสูงถึง 95%

เครื่องปาเป้าของเราส่งออกที่ราคา 2,500 ดอลลาร์สหรัฐ (102,500 บาท) แต่ต้นทุนสินค้าอยู่ที่เพียง 1,200 ดอลลาร์สหรัฐ (49,200 บาท) เท่านั้น ขณะที่เราจะเรียกเก็บเงินสดจากลูกค้าทันที ครึ่งหนึ่ง หรือ 1,250 ดอลลาร์สหรัฐ ส่วนที่เหลือให้ทยอยส่งเป็นงวดๆ เพราะฉะนั้น ธุรกิจใหม่ของเราก็น่าจะมีอนาคต

แต่จุดหมายของ กมล ลึกซึ้งกว่านั้น กรุงเทพธุรกิจ BizWeek ประเมินว่าแผนการนำบริษัทแห่งใหม่เข้าไปลิสต์ในตลาดฯ ของเซียนหุ้นรายนี้ได้แอบสอดไส้ แผนลับ เพื่อเข็นธุรกิจหลัก (MIDA) ขึ้นสู่ โฮลดิ้ง คอมพานี ในอนาคต

ผ่านความมั่งคั่งของ กลุ่มเอี้ยวศิวิกูล ที่เตรียมรับเงิน ก้อนโต จากการขายหุ้นบริษัทแห่งใหม่ (หลังไอพีโอ) ให้กับ MIDA เมื่อถึงเวลาที่เหมาะสม

ในอนาคตก็มีโอกาสที่ธุรกิจของเราทั้งหมด...จะรวมกลุ่มกัน เพื่อให้ MIDA ก้าวขึ้นไปเป็นโฮลดิ้ง กมล กล่าวยอมรับ ก่อนจะย้ำว่า..ผมเชื่อว่าหุ้นในกลุ่มของเราทั้งหมด ต้องถือยาว

อย่างไรก็ตาม จากสถานการณ์ของหุ้นทั้ง 2 ตัว (MIDA และ ML) ที่กำลัง ลงลึก มาตั้งแต่ต้นปี กมล กลับอดสงสัยไม่ได้ว่า ผมว่าหุ้นของผม มันไม่ปกติ

ไม่รู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้น เพราะในฐานะที่ผมก็เป็นคนเล่นหุ้น โมเดลราคาที่มันถูกดีไซน์มา มันน่าจะถูกกำหนดมาจากเรื่องของผลกำไร ที่คนน่าจะสนใจ

แล้วตัว MIDA ของเราเมื่อไตรมาส 1/ 2547 มีกำไรกว่า 70 ล้านบาท แต่ไตรมาส 1/2548 เรากำไรเพิ่มเป็น 126 ล้านบาท ขณะที่ไตรมาส 2/2547 ได้กำไร 93 ล้านบาท แต่มาปีนี้เรากำไร 104 ล้านบาท

เมื่อเทียบต่อไตรมาสเทียบต่อปี เราดีกว่าปีที่แล้วอีก...แต่หุ้นมันตก!!!

คนอาจกลัวภาวะตลาดหุ้น หรืออาจเพราะมองว่าแนวโน้มอุตสาหกรรมนี้กำลังดาวน์ พาลคิดไปว่าทุกธุรกิจในอุตสาหกรรมนี้ต้องดาวน์ไปหมด แต่ตัว MIDA ของเรา...มันโอเค

ก่อนหน้านี้ MIDA ได้ตัดสินใจออกหุ้นสามัญเพิ่มทุนใหม่อีกจำนวน 935 ล้านหุ้น แบ่งเป็น การเสนอขายให้แก่ผู้ถือหุ้นเดิม 512 ล้านหุ้น (สัดส่วน 1 ต่อ 1) ที่ราคาหุ้นละ 2 บาท กำหนดขึ้นเครื่องหมาย XR วันที่ 8 ก.ย.2548 (ผู้ถือหุ้นไม่มีสิทธิในการจองซื้อหุ้นใหม่)

และการออกวอร์แรนท์ (ฟรี) ให้แก่ผู้ถือหุ้นเดิมอีกจำนวน 409.6 ล้านหุ้น (สัดส่วน 5 หุ้น ต่อ 2 วอร์แรนท์) อัตราใช้สิทธิ 1 ต่อ 1 ที่ราคาใช้สิทธิ 2 บาท

ต้องดูกันว่าหลังผ่าน XR ไปแล้วถ้าราคา MIDA ยังมีอาการ...ไม่ดีขึ้น ก็คงต้องพิจารณาอีกครั้งว่า จะดำเนินการรับซื้อหุ้นคืนหรือไม่ กมล กล่าว

ล่าสุด เมื่อ 22 ส.ค. 2548 กมล ได้เริ่มพยุงราคาด้วยการเข้าไปซื้อหุ้น MIDA จำนวน 550,000 หุ้น ที่ราคา 3.52 บาท ใช้เงินไปทั้งสิ้น 1,936,000 บาท

ถ้ามีเงินอีก ผมก็จะซื้ออีก แต่คงต้องดูด้วยว่าเราจะต้องสำรองเงินไว้ซื้อหุ้นเพิ่มทุนได้เท่าไรด้วย

เส้นทางเซียนของ กมล เอี้ยวศิวิกูล ตลอด 3 ปีที่ผ่านมามักจะถูกตั้งข้อสังเกตว่า..เขาคือนักเล่นหุ้นรายใหญ่ระดับประเทศ

กมล ระบายความคับข้องใจผ่าน กรุงเทพธุรกิจ BizWeek ว่า ทุกคนสงสัยว่า ผมทุบหุ้น (MIDA) แล้วให้คนมารอรับ...แทบทุกคนมองผมเป็นอย่างนี้

คิดอย่างนี้ดีกว่า วันนี้ผมเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ใน MIDA จะต้องหาเงินเท่าไรที่จะมาเพิ่มทุน แล้วผมมีเงินอะไรที่ไหนไป ทุบหุ้น เพราะลำพังตัวเองก็ต้องหาเงินไปใส่เพิ่มทุนตั้ง 400-500 ล้านบาท ไหนจะลูกน้องอีก ใครต่อใครที่ใกล้ชิดอีกที่เราจะต้องให้ความช่วยเหลือด้านการเงิน

กมล ยืนยันว่า ตั้งแต่ MIDA เข้าตลาดหุ้นมา...ตัวผมยังไม่เคยขายหุ้น MIDA แม้สักครั้ง ไปเช็คว่าวันที่ผมไอพีโอผมมีหุ้นเท่าไร และวันนี้ผมมีเท่าไร ตอนราคา 20-30 บาท ก็ไม่ได้ขาย

ชีวิตผม (แม่ง) กลายเป็นนักปั่นหุ้น ตั้งแต่ก้าวแรกที่เข้าไปในตลาดหุ้น ทั้งๆที่ยังไม่รู้ว่าหุ้นเค้าปั่นกันยังไง แต่ยอมรับว่าผมเล่นหุ้นเยอะ และเก็บหุ้นไว้เยอะ อันนี้ไม่เถียง แต่โดยข้อเท็จจริง...ผมไม่ใช่นักปั่นหุ้น

หรือถ้าจะเป็นจริงๆแล้ว ผมจะใช้ชื่อตัวเองซื้อหุ้นในตลาดถึงกว่า 3 พันล้านบาทไปทำไม

เขาอธิบายเหตุผลต่อไปว่า ลองไปเช็คดูรายชื่อหุ้นที่ผมเข้าไปเก็บหุ้นแต่ละตัว เป็นชื่อ กมล เอี้ยวศิวิกูล เองทั้งนั้น ผมไม่เคยมี...นอมินี

เคยเห็นนักปั่นหุ้นสักกี่ราย? ที่จะใช้ชื่อตัวเองไป ปั่นหุ้น วันนี้ผมติดหุ้นทุกๆตัว...ชื่อผมทั้งหมด!!!

ซึ่งหุ้นที่ติดอยู่นั้น กมล ชี้แจงว่า ส่วนใหญ่จะเป็นหุ้นที่ทาง ผู้ใหญ่ เขาให้มา เราก็รับ(ซื้อ)ไว้ เพราะเห็นว่าเขาได้ตำแหน่งทาง การเมือง

แต่ผลที่ออกมากลับขาดทุนเป็น ร้อยๆเปอร์เซ็นต์ พูดแล้วก็ช้ำใจ แต่ก็ไม่คิดมาก และเชื่อว่าทางผู้ใหญ่คงไม่ได้ตั้งใจกลั่นแกล้ง เราอย่าไปมองว่าหุ้นตัวนั้น ทำไมเจ้าของจึงไม่ดูแล

 กลับขึ้นบน
บุคคลทั่วไป
บุคคลทั่วไป
#1 วันที่: 28/08/2005 @ 21:19:32 : re: ถอดรหัสแผนธุรกิจ MIDA
นักลงทุนก็งงกำไรเพิ่มขึ้นเเต่เพิ่มทุน 1ต่อ1
เอาเงินไปทำอะไรอีก
ยิ่งเป็นนักเล่นหุ้นด้วยเขายิ่งหวาดระเเวง
 กลับขึ้นบน

 
 

Copy Right © 2009-2012 © Thaihoon.Com