????????? สมาชิก
จังหวัด: กรุงเทพมหานคร โพสต์: 103 | วันที่: 02/09/2005 @ 20:45:55 คุณชอบกระทู้นี้หรือไม่ ผลการโหวต ศุภาลัย มั่นใจอนาคตเติบโตต่อเนื่องไปอีก 3 ปีข้างหน้า ด้านผู้บริหาร ตระกูลตั้งมติธรรม ทยอยซื้อหุ้นตัวเองเก็บเข้าพอร์ตแล้วกว่า 22%
อัจฉรา ตั้งมติธรรม รองประธานกรรมการบริหาร บริษัท ศุภาลัย (SPALI) เปิดเผยถึงแนวโน้มของบริษัทในอนาคต โดยกล่าวอย่างเชื่อมั่นว่า ในระยะ 3 ปี นับจากนี้ศุภาลัยยังสามารถเติบโตได้ต่อเนื่อง จากโครงการใหม่ที่รอการพัฒนา และโครงการเก่าในมือที่มีอยู่จำนวนมาก
โดยเฉพาะในปีนี้บริษัทตั้งเป้าไว้ว่าจะมียอดขาย 7,154 บาท ซึ่งเป็นการปรับเป้าเพิ่มจากเดิมที่ตั้งไว้ 6,130 ล้านบาท โดยในช่วง 7 เดือนแรกของปี 2548 ทำยอดขายได้แล้ว 4,494 ล้านบาท เป็นผลจากบริษัทประสบความสำเร็จจากการขายคอนโดมิเนียมได้เป็นอย่างดี
ส่วนช่วงครึ่งหลังปีนี้ ศุภาลัยจะรับรู้รายได้จากโครงการเก่าประมาณ 640 ล้านบาท และโครงการใหม่ที่เตรียมจะเปิดในไตรมาส 3 และ 4 ปีนี้อีก 4 แห่ง จะเป็นตัวเร่งยอดขาย
คาดว่าไตรมาส 4 ปีนี้จะเปิดได้ 4 โครงการ คือโครงการคอนโดมิเนียม ซิตี้โฮม 2 สุขุมวิท 101/2 และบ้านเดี่ยวอีก 3 โครงการ ได้แก่ โครงการศุภาลัย สุวรรณภูมิ, ศุภลัย พาร์ควิว รามอินทรา และศุภาลัย วิลล์ ถนนรัตนาธิเบศร์ ซึ่งคิดว่าจะทำยอดขายได้เกินเป้า หรืออย่างน้อยก็ใกล้เคียง 8 พันล้านบาท
ด้าน อธิป พีชานนท์ กรรมการ และรองกรรมการผู้จัดการ บริษัท ศุภาลัย กล่าวว่า สำหรับสิ้น มิ.ย.2548 บริษัทมีมูลค่างานในมือรอการรับรู้รายได้ 3,160 ล้านบาท ซึ่งคาดว่าจะทยอยรับรู้รายได้ภายในปี 2548-2550
นอกจากนั้น ในแง่ของอัตรากำไรขั้นต้น (Gross Profit Margin) ของบริษัทยังดีขึ้นต่อเนื่อง โดยช่วงครึ่งปีแรก ศุภาลัยสามารถทำอัตรากำไรขั้นต้นได้สูงถึง 45.5%
บริษัทยังประมาณอัตรากำไรขั้นต้นมากกว่า 40% ในช่วงครึ่งปีหลัง แม้ว่าค่าใช้จ่ายในการก่อสร้างจะเพิ่มขึ้น แต่เราก็ยังคงควบคุมไม่ให้ต้นทุนค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้นมาก ประกอบกับบริษัทยังมีบ้านเก่าที่มีต้นทุนเดิมเหลืออยู่ส่วนหนึ่ง อัจฉรา กล่าว
ปัจจุบันบริษัทมีสินค้าที่สร้างเสร็จแล้วรอการขายประมาณ 382 ยูนิต ใน 20 โครงการ มูลค่าประมาณ 1.1 พันล้านบาท โครงการอยู่ระหว่างการก่อสร้าง 930 ยูนิต มูลค่า 6.5 พันล้านบาท โครงการที่วางแผนการก่อสร้าง 677 ยูนิต มูลค่า 3.5 พันล้านบาท ทำให้เชื่อมั่นว่าภายใน 1-2 ปี จะมียอดขายที่เติบโตต่อเนื่อง
อัจฉรา กล่าวถึงหุ้น SPALI ของตัวเองว่า มีพื้นฐานดี ไม่ใช่หุ้นเก็งกำไร หรือหวือหวา ขณะที่ราคาหุ้นก็ซื้อขายต่ำกว่ามูลค่าตามบัญชี 2.39 บาท/หุ้น และยังให้ผลตอบแทนจากเงินปันผลเฉลี่ยย้อนหลัง 2 ปี ในอัตรา 8-10% ต่อปี
ส่วนการที่ ประทีป ตั้งมติธรรม ประธานกรรมการบริหาร (สามี) ทยอยซื้อหุ้นศุภาลัยในกระดานอย่างต่อเนื่อง ปัจจุบัน ประทีป และ อัจฉรา ถือหุ้นศุภาลัยในนามส่วนตัวรวมกันกว่า 22.33% (ไม่รวมที่ถือผ่านบริษัทในเครือ บ.หาดใหญ่นครินทร์)
อัจฉรา อธิบายว่า การเข้าซื้อหุ้นของคุณประทีป เป็นเพียงการเข้าซื้อหุ้นตามปกติเมื่อเห็นว่าราคาได้ปรับตัวลดลง จึงเข้าซื้อ ซึ่งหลังจากซื้อไว้ก็จะถือต่อไปไม่ได้ขายทำกำไร แต่จะเอาไว้เป็นมรดกของลูกหลาน
คุณประทีปจะซื้อก็ต่อเมื่อเห็นว่าราคาหุ้นตกมามากก็จะเข้าไปรับซื้อ โดยไม่ได้คิดถึงการเก็งกำไรแต่อย่างใด ซึ่งขณะนี้ตระกูลตั้งมติธรรมถือหุ้น (ในนามบุคคล) ใกล้เคียงกับที่กฎหมายกำหนดห้ามเจ้าของถือเกิน 25% แล้ว
ส่วนเหตุผลการออกวอร์แรนท์ SPALI-W3 จำนวนไม่เกิน 433. 08 ล้านหน่วย
นั้น อัจฉรากล่าวว่า เป็นเพราะบริษัทมีโครงการที่จะลงทุนจำนวนมาก จึงต้องการเงินทุนไว้สำหรับซื้อที่ดิน ในขณะที่ตลาดหุ้นไม่เอื้ออำนวยให้บริษัทขายหุ้นเพิ่มทุนจึงใช้วิธีการออกวอร์แรนท์แทน
ขณะเดียวกันเราต้องการตอบแทนผู้ถือหุ้นเดิม ซึ่งที่ผ่านมาเราได้ออกวอร์แรนท์ 2 และจ่ายปันผลไปแล้ว 2 ครั้ง ครั้งนี้เราจึงอยากออกวอร์แรนท์รุ่น 3 เป็นการตอบแทน ซึ่งให้สิทธิ 3 หุ้นเดิมต่อ 1 วอร์แรนท์ (ฟรี) ถ้าเขาใช้สิทธิแปลงสภาพในราคา 1.50 บาท ต่ำกว่าราคาตลาดปัจจุบันที่ 1.90 บาท เชื่อว่าผู้ถือหุ้นเดิมจะไม่ลำบากแน่นอน อัจฉรา กล่าว [/color:78e8211997">
|