DTAC (Total Access Communication PCL.) Sector : Communication
คำแนะนำ : ซื้อเมื่ออ่อนตัว Fair Value51 (Bt) : 49.00 Closed Price (Bt) : 44.25 Up-side Gain : 11% Dividend Yield 50F : 1.6%
Business Description
ดำเนินธุรกิจให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ระบบความถี่ 800 เมกะเฮรตซ์ ตั้งแต่ปี 2534 และ ระบบความถี่ 1800 เมกะเฮรตซ์ ภายใต้สัญญาร่วมการงานกับ กสท. ประเภทสัญญา BTO ระยะเวลา 27 ปี สิ้นสุดวันที่ 15 ก.ย.2561
รายงานมีกำไรสุทธิ 4Q/50 เพิ่มขึ้น 22% Y-O-Y และ 17% Q-O-Q เป็น 1,587 ล้านบาท แย่กว่าที่เราคาดไว้ 6% สาเหตุหลักจาก DTAC มีนโยบายตัดลูกค้า Post paid ที่ไม่มีคุณภาพออก จึงตั้ง สำรองหนี้สงสัยจะสูญสำหรับลูกค้ากลุ่มนี้ในสัดส่วนเพิ่มขึ้น Y-O-Y และ Q-O-Q เป็น 8% ของรายได้ อย่าง ไรก็ดีผลประกอบการปี 50 ที่มีกำไรสุทธิเพิ่มขึ้น 18% Y-O-Y เป็น 5,841 ล้านบาท รวมทั้งฐานะการเงิน ที่ดีขึ้น จาก Net debt/Equity ลดลงเหลือ 0.5 เท่า ทำให้ DTAC ประกาศจ่ายเงินปันผลปี 50 เป็น ครั้งแรก ในอัตราหุ้นละ 0.73 บาท/หุ้น คิดเป็น dividend yield 1.6% สำหรับปี 51 DTAC วางเป้า หมายการเติบโตที่ยั่งยืน ด้วยการเพิ่มมูลค่าให้กับการบริการ จึงเห็นว่า DTAC ยังโดดเด่นในแง่การเติบโต ของกำไรสุทธิ (CAGR) ในปี 2551 - 2553 เฉลี่ย 35% รายงานกำไรสุทธิ 4Q/50 เพิ่มขึ้น 22% Y-O-Y และ 17% Q-O-Q เป็น 1,587 ล้านบาท ใน 4Q/50 DTAC มีกำไรสุทธิเพิ่มขึ้น 22% Y-O-Y และ 17% Q-O-Q เป็น 1,587 ล้านบาท แย่กว่าที่ เราคาดไว้ 6% (คาด 1,686 ล้านบาท) สาเหตุหลักจาก DTAC มีนโยบายตัดลูกค้า Post paid ที่ไม่มี คุณภาพออก จึงตั้งสำรองหนี้สำหรับลูกค้ากลุ่มนี้ ในสัดส่วนเพิ่มขึ้นเป็น 8% ของรายได้ จาก 1.3% ใน 4Q/49 และ 5% ใน 3Q/50 ส่งผลให้ค่าใช้จ่าย SG&A เพิ่มขึ้น 41% Y-O-Y และ 10% Q-O-Q เป็น 2,977 ล้านบาท อย่างไรก็ดีในแง่รายได้เพิ่มขึ้น 33% Y-O-Y และทรงตัว Q-O-Q เป็น 16,466 ล้าน บาท การเติบโตโดดเด่นของรายได้ Y-O-Y เป็นผลจากการบันทึกรายรับจากการเชื่อมโยงโครงข่าย (IC revenue) จำนวน 3,808 ล้านบาท ขณะที่ฐานรายได้ใน 4Q/49 ไม่มีการบันทึกรายการดังกล่าว นอก จากนี้ DTAC ยังได้อานิสงค์จากการฟื้นตัวของจำนวนผู้ใช้ใหม่ทั้ง Y-O-Y และ Q-O-Q เป็น 893,961 ราย ทำให้ปี 50 DTAC มีฐานลูกค้าทั้งสิ้น 15.7 ล้านราย เพิ่มขึ้น 29% Y-O-Y ขณะเดียวกันต้นทุนดำเนิน งานที่ทรงตัว ช่วยให้ Gross margin และ EBITDA margin ปรับตัวดีขึ้น Q-O-Q เป็น 32% และ 29.6% ตามลำดับ
ประกาศจ่ายเงินปันผลปี 50 เป็นครั้งแรก หุ้นละ 0.73 บาท คิดเป็น Dividend yield 1.6% ผลประกอบการปี 50 DTAC มีกำไรสุทธิเพิ่มขึ้น 18% Y-O-Y เป็น 5,841 ล้านบาท มีกำไรต่อ หุ้น 2.50 บาท/หุ้น แม้ผลประกอบการปี 50 ของ DTAC ออกมาแย่กว่าที่เราประมาณการไว้ 2% (ประมาณการปี 50 ของเราคาดว่า DTAC จะมีกำไรสุทธิ 5,940 ล้านบาท) แต่ฐานะการเงินที่ดีขึ้น จาก EBITDA ที่เพิ่มขึ้น 6% Y-O-Y เป็น 18,893 ล้านบาท และ Net debt/Equity ที่ลดลงเหลือ 0.5 เท่า จาก 0.9 เท่า ในปี 49 ทำให้ DTAC ประกาศจ่ายเงินปันผลปี 50 เป็นครั้งแรก หุ้นละ 0.73 บาท คิดเป็น dividend yield 1.6% ดีกว่าที่เราคาดว่าจะจ่ายในอัตราหุ้นละ 0.70 บาท/หุ้น โดยจะขึ้น XD วันที่ 8 เม.ย.51 และจะจ่ายเงินปันผลวันที่ 14 พ.ค.51
ปี 51 มุ่งสู่กลยุทธ์สร้างมูลค่าเพิ่มให้กับการบริการ เพื่อการเติบโตที่ยั่งยืน ขณะที่การแปรสัญญา สัมปทานเป็นสัญญาเช่า และข้อพิพาท Access charge เป็นทั้งบวกและลบต่อ DTAC ในปี 51 DTAC ตั้งเป้าหมายการเติบโตที่ยั่งยืน ด้วยการเพิ่มมูลค่าให้กับการบริการ โดยเฉพาะด้านข้อมูล (Data service) เราเห็นว่าการเริ่มทดสอบระบบ 3G บนคลื่นความถี่ 850 เมกะเฮิรตซ์ ของ DTAC รวมถึงการร่วมมือกับ กสท. และบริษัท อีริคสัน (ประเทศไทย) ทดสอบระบบ Mobile Internet Broadband ผ่านโครงข่ายโทรศัพท์เคลื่อนที่ จะเป็นโอกาสสำหรับ DTAC ในการรุกตลาด Data service เพื่อนำเสนอบริการใหม่ๆ ให้กับผู้บริโภค เราคาดว่ามูลค่าเพิ่มจากบริการ Data service จะส่งผลบวก ต่อผลประกอบการในระยะยาวของ DTAC ในแง่ Gross margin ที่ดีขึ้นต่อเนื่อง สำหรับประเด็นการแปรสัญญาสัมปทานเป็นสัญญาเช่า เราเห็นว่าเป็นบวกต่อ DTAC แต่ไม่น่าจะเกิดได้เร็ว อีกทั้งต้องได้รับความเห็นชอบจากคณะรัฐมนตรีด้วย ขณะที่ข้อพิพาทค่าเชื่อมโยงโครงข่าย (AC) กับ TOT ปัจจุบันอยู่ระหว่างการพิจารณาในศาล (TOT ฟ้องศาลแพ่ง กรณี DTAC ไม่จ่าย AC มูลค่าประมาณ 14,000 ล้านบาท) ทำให้ประเด็นดังกล่าวจึงเป็นความเสี่ยงระยะยาวต่อ DTAC เนื่องจากการพิจารณาน่า จะใช้เวลามากกว่า 1 ปี
แนะนำ "ซื้อเมื่ออ่อนตัว" ยังคงน่าสนใจในแง่การเติบโตของผลประกอบการในอนาคต เราเห็นว่า DTAC ยังน่าสนใจในแง่หุ้นที่โดดเด่นด้านการเติบโตของผลประกอบการในอนาคต คาดปี 2551 - 2553 DTAC จะมีการเติบโตของกำไรสุทธิ (CAGR) เฉลี่ย 35% โดยปี 51 คาดว่าจะมีกำไรจากการ ดำเนินงานเพิ่มขึ้น 51% Y-O-Y เป็น 8,857 ล้านบาท มีกำไรต่อหุ้น 3.73 บาท/หุ้น การเติบโตโดดเด่น ของผลประกอบการมีสาเหตุจาก 1) ความสามารถในการเพิ่มส่วนแบ่งตลาดต่อเนื่อง จากกลยุทธ์รูปแบบ ใหม่ๆ จะทำให้รายได้มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น 13% Y-O-Y เป็น 73,683 ล้านบาท 2) ประโยชน์จากต้นทุน ดำเนินงานที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นน้อยกว่ารายได้ จากการหยุดบันทึก IC กับ TOT ทำให้ค่าใช้จ่าย Transit IC ของ TOT กับ DTAC หายไปประมาณกว่า 1,500 ล้านบาท ประกอบกับรูปแบบการโทรของลูกค้า (Traffic) ที่เริ่มเป็นบวกมากขึ้น จากการออกโปรโมชั่นที่มีความยืดหยุ่นด้านราคาเมื่อเทียบกับคู่แข่งมาก ขึ้น ซึ่งอาจทำให้ DTAC มีแนวโน้มบันทึกรายรับสุทธิ IC และ 3) การประหยัดภาษีลง 5% เป็นเวลา 5 ปี เริ่มตั้งแต่ปี 51 เป็นต้นไป เรามูลค่าเหมาะสมปี 51 ที่ 49 บาท ตามวิธี DCF WACC @ 11%
บล.เกียรตินาคิน |