บรรยากาศการลงทุนทั่วโลกในปี 2551 ยังคงอวลไปด้วยปัญหา อย่างที่รู้กันดีว่าเป็นผลกระทบจากเศรษฐกิจสหรัฐที่ชะลอตัว ปัญหาเงินดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่า เนื่องจากการขาดดุลบัญชีเดินสะพัดจำนวนมหาศาล ปัญหาเงินเฟ้อ และปัญหาซับไพร์มยังจะคงเป็นปัจจัยลบที่กดดันทิศทางการลงทุนในตลาดเงินตลาดทุนทั่วโลกในปีหนูไฟไปอย่างต่อเนื่อง
ในสภาวการณ์เช่นนี้ "ลดาวรรณ เจริญรัชต์ภาคย์" กรรมการผู้จัดการ บลจ.แอสเซท พลัส แนะนำว่า ผู้ลงทุนควรจะหันมาลงทุนในทองคำ หรือสินค้าโภคภัณฑ์ที่มีแนวโน้มการเติบโตในระดับที่สูง นอกจากนี้การกระจายการลงทุนไปในหุ้นของกลุ่มเศรษฐกิจที่ได้รับผลกระทบน้อยจากภาวะเศรษฐกิจสหรัฐที่ชะลอตัว ถือเป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่น่าสนใจ โดยเฉพาะในกลุ่มประเทศตลาดเกิดใหม่ (Emerging Market) ที่มีเศรษฐกิจแข็งแกร่งจากการเติบโต ที่พึ่งพาการขับเคลื่อนจากเศรษฐกิจภายในประเทศเป็นสำคัญในระดับที่สูง
โดยกลุ่มอุตสาหกรรมที่น่าสนใจ ได้แก่ กลุ่มอุตสาหกรรมสาธารณูปโภคพื้นฐานในแถบภูมิภาคเอเชีย (Asia Infrastructure) เนื่องจากยังเป็นอุตสาหกรรมที่สามารถขยายตัวได้อีกมาก กลุ่มสินค้าเกษตรกรรม(Soft Commodity) ที่ได้รับผลดีจากการบริโภคภายในประเทศที่มากขึ้น กลุ่มเวชภัณฑ์ (Health Care) ที่ยังคงมีแนวโน้มเติบโตในระยะยาวจากการเพิ่มขึ้นของประชากรโลก นอกจากนี้ ความตื่นตัวในเรื่องภาวะโลกร้อนและการประหยัดพลังงานจะเป็นผลดีต่อการเติบโตของอุตสาหกรรมพลังงานทางเลือก
"สำหรับกลุ่มประเทศ BRIC เองยังคงมีแนวโน้มการเติบโตที่ดีในระยะยาวยังเป็นรูปแบบการลงทุนที่น่าสนใจสำหรับคนที่ชอบการลงทุนในสินค้าโภคภัณฑ์และพลังงาน เพราะการลงทุนในกลุ่มประเทศ BRIC มีรูปแบบการลงทุนในสินทรัพย์เหล่านี้อยู่แล้วในตัว ดังนั้น การผสมผสานการลงทุนในสินทรัพย์ให้มีความหลากหลาย โดยเลือกเฉพาะประเทศหรือภาคอุตสาหกรรมที่คาดว่าจะเติบโตสูงสุดในช่วง 3 ปีนี้น่าจะเป็นประโยชน์กับผู้ลงทุนสูงสุด"
การไม่มุ่งไปในทางเลือกใดทางเลือกหนึ่งเพียงอย่างเดียว แต่มุ่งเน้นที่จะผสมผสานแต่ละทางเลือกที่โดดเด่นเข้าไว้ด้วยกันคืออีกแนวทางที่น่าจะเป็นประโยชน์กับผู้ลงทุน
bangkokbiznews |