นายพยุงศักดิ ชาติสุทธิผล ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยว่า จำนวนรถยนต์ทั้งหมดที่ผลิตในเดือนต.ค. 2553 มีทั้งสิ้น 152,689 คัน สูงสุดนับตั้งแต่มีการผลิตรถยนต์เมื่อปี 2504 เป็นต้นมา โดยเพิ่มขึ้นจากเดือนต.ค. 2552 ที่ 32.72% และเพิ่มขึ้นจากเดือนก.ย. 2553 ที่ 7.97% ขณะที่จำนวนรถยนต์ที่ผลิตได้ในเดือนม.ค. - ต.ค. 2553 มีจำนวนทั้งสิ้น 1,349,919 คัน เพิ่มขึ้นจากเดือนม.ค. - ต.ค. 2552 ที่ 76.08%
"ประมาณการภาพรวมยอดผลิตรถยนต์ในสิ้นปีนี้เพิ่มขึ้นเป็น 1.7 ล้านคัน จากเดิมที่คาดจะมียอดผลิตรถยนต์เพียง 1.6 ล้านคัน เนื่องจากในเดือนตุลาคม 2553 มียอดผลิตรถยนต์สูงสุดในรอบ 50 ปี" นายพยุงศักดิ์ กล่าว
สำหรับยอดขายรถยนต์ภายในประเทศของเดือนต.ค. 2553 มีจำนวนทั้งสิ้น 72,012 คัน สูงสุดในรอบ 10 เดือนของปีนี้ เพิ่มขึ้นจากเดือนก.ย. 2553 ที่ 5.49% และเพิ่มขึ้นจากเดือนเดียวกันปีก่อนที่ 35.2% ซึ่งยอดขายรถยนต์ยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่องตามเศรษฐกิจของประเทศที่มีทิศทางดีขึ้นจากโครงการไทยเข้มแข็งของรัฐบาล ผลผลิตทางการเกษตรมีราคาดี การส่งออกเติบโต การท่องเที่ยวดีขึ้นเป็นลำดับ อีกทั้งตลาดรถยนต์นั่งขนาดเล็กรุ่นใหม่ยังได้รับความนิยมจากผู้ผลิตอย่างต่อเนื่อง
ทั้งนี้ตั้งแต่เดือนม.ค. - ต.ค. 2553 รถยนต์มียอดขาย 628,361 คัน เพิ่มขึ้นจากปี 2552 ในช่วงเวลาเดียวกันที่ 49.7% ส่วนรถจักรยานยนต์มียอดขาย 154,3771 คัน เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันปีก่อนที่ 22.74%
เขากล่าวว่า สภาอุตฯ เตรียมที่จะปรับประมาณการดัชนีความเชื่อมั่นของภาคอุตสาหกรรมในปี 2554 จากที่ประมาณการภาพรวมดัชนีความเชื่อมั่นดังกล่าวในปีนี้ที่ลดลง โดยในเบื้องต้น มองว่าในปีหน้าผู้ประกอบการยังคงมีความเชื่อมั่นที่อยู่ในเกณฑ์ดี
อย่างไรก็ตามจะต้องนำปัญหาด้านอัตราแลกเปลี่ยนและแนวโน้มการไหลเข้าของเงินทุนหลังจากที่สหรัฐฯ จะเริ่มทยอยออกเม็ดเงินจากมาตรการ QE2 ในช่วงกลางเดือนหน้า ซึ่งจะมีผลต่อการเคลื่อนไหวของค่าเงินบาท ทั้งนี้ทางผู้ประกอบการขอให้รัฐมีมาตรการที่จะเข้ามาดูแลไม่ให้ค่าเงินบาทแข็งค่าและผันผวนมากเกินกว่าค่าเงินอื่นๆ ในภูมิภาค ซึ่งจะทำให้ผู้ประกอบการสามารถปรับตัวได้ | เข้าชม: 2,006 |
|