โกลด์แมน แซคส์-มอร์แกน สแตนเลย์ ร่วมวงลดน้ำหนักลงทุนหุ้นไทย เหตุกังวลการเมืองผันผวน เศรษฐกิจยิ่งอ่อนแอในครึ่งหลังปีนี้ บวกเงินเฟ้อสูง
ทีมนักวิเคราะห์โกลด์แมน แซคส์ ระบุในงานวิจัยฉบับล่าสุดเรื่อง "กลยุทธ์พอร์ตลงทุน:เอเชีย แปซิฟิก:ปรับเพิ่มมาเลเซียกับอินโดนีเซียและปรับลดไทย" ว่าขณะนี้ธนาคารได้ปรับลดน้ำหนักลงทุนตลาดไทย เพราะกังวลภาพรวมเศรษฐกิจและการประเมินมูลค่า "การเติบโตของประเทศ่อ่อนแอมากขึ้น เงินเฟ้อสูงขึ้น การปรับสถานะของนักลงทุนต่างชาติมีมาก และเชื่อว่าความไม่แน่นอนผันผวนทางการเมือง ความอ่อนไหวต่อราคาน้ำมันสูง รวมทั้งการไร้ทิศทางจากระดับบนถึงล่าง ทำให้ตลาดไทยไม่ดึงดูดใจ ด้วยมุมมองแง่ผลตอบแทนเทียบกับความเสี่ยง" ทีมงานโกลด์แมน แซคส์ ให้ข้อมูล
ขณะเดียวกันทีมงานโกลด์แมน แซคส์กลับไปเพิ่มน้ำหนักลงทุนให้กับมาเลเซียและอินโดนีเซีย เป็นเหนือกว่าเกณฑ์เฉลี่ย ด้วยเหตุผลที่ว่าทั้งสองตลาดมีภาพอุปสงค์ภายในแข็งแกร่ง และมีการวางแผนเชิงโครงสร้างลงตัวสำหรับการพัฒนาเศรษฐกิจระยะกลางให้ดีขึ้น
โดยมาเลเซียได้ประโยชน์มากที่สุดจากราคาน้ำมันสูงขึ้น และการปรับสถานะของนักลงทุนต่างชาติมีน้อย ส่วนอินโดนีเซียทำได้ดีในการควบคุมเงินเฟ้อ และการเติบโตของผลประกอบการถือว่าแข็งแกร่งสุดในอาเซียน
ก่อนหน้านี้เมื่อวันที่25พ.ค.มอร์แกน สแตนเลย์ ธนาคารรายใหญ่อีกแห่งหนึ่งของสหรัฐ ได้เผยแพร่บทวิเคราะห์เรื่อง "การวางแผนลงทุนหุ้นไทย:ความเสี่ยงเป็นขาลง" ระบุว่าตลาดดูเหมือนรับรู้ถึงผลทางการเมืองออกมาเข็มแข็งและมีเสถียรภาพ อย่างไรก็ตามเชื่อว่าภาวะแวดล้อมทางการเมืองของไทย มีแนวโน้มมีเสถียรภาพแต่ก็ดูอ่อนแอ
นักลงทุนมีท่าทีมองข้ามองค์ประกอบต่างๆเป็นลบรวมถึงวงจรปรับขึ้นของดอกเบี้ยขณะนี้ และผลกระทบจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาล ที่มีต่อเศรษฐกิจและตลาดหุ้นก็ปรับลดลง นักลงทุนคาดว่าพลวัตรการเติบโตซึ่งได้จากการลงทุนแข็งแกร่งเป็นตัวนำนั้น น่าจะยังมีอยู่ต่อเนื่อง แต่เชื่อว่าพลวัตรขับเคลื่อนการเติบโตของไทยจะชะลอตัวช่วงครึ่งหลังของปี2554 เป็นผลจากการเข้มงวดในนโยบายการเงินและการคลัง และรายได้ภาคการเกษตรขยายตัวช้าลง
ทีมงานของมอร์แกน สแตนเลย์ คาดการณ์ว่าทิศทางของตลาดจะถูกตีกรอบจากหลายเรื่อง เรื่องแรกคือผลการเลือกตั้งวันที่3ก.ค.ปีนี้ และผลตามมาจากปฎิกริยาของพรรคการเมืองต่างๆ เรื่องที่สองอยู่ที่เงินเฟ้อกับการขึ้นดอกเบี้ยของธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.) และสุดท้ายการเติบโตของผลประกอบการกับกำไรบริษัท เป็นตัวบ่งชี้แนวโน้มตลาดครึ่งปีหลัง
"เราเห็นว่าพลวัตรขับเคลื่อนกำไรกับผลประกอบการบริษัทให้ขยายตัวนั้นดูแข็งแกร่ง ด้วยแรงหนุนจากการลงทุนฟื้นตัวดีขึ้น และความต้องการของผู้บริโภคช่วงครึ่งปีแรกปีนี้ แต่ทั้งหมดนี้ช่วงครึ่งปีหลังจะเปลี่ยนไปในทางตรงกันข้ามจากที่เราคาดไว้ช่วง12เดือนก่อนว่า การเติบโตของกำไรกับผลประกอบการบริษัทที่ระดับ32%นั้น จะชะลอตัวลดลงเหลือ15%ช่วงครึ่งหลังปีนี้" ทีมงานมอร์แกน สแตนเลย์อธิบายไว้ในรายงาน
| เข้าชม: 2,301 |
|