บล.ฟิลลิประบุในบทวิเคราะห์ว่า IVL ประกาศขยายกำลังการผลิต PET ในโปร์แลนด์เพิ่มอีก 2.2 แสนตัน ซึ่งจะส่งผลให้การผลิต PET PTA และเส้นใยปรับตัวเพิ่มขึ้นเป็น 10 ล้านตันในปี 2014 โดย PET และเส้นใยมีสัดส่วนประมาณ 67% ของกำลังการผลิตทั้งหมด 10 ล้านตัน และที่เหลือประมาณ 33% เป็น PTA ทั้งนี้ คาดว่า IVL จะรับรู้รายได้จากการควบรวมกิจการเมื่อปลายปี 2010 เต็มจำนวนในช่วงไตรมาส 2 แต่มาร์จินอาจปรับตัวลดลง โดยบล.ฟิลลิปได้ปรับเป้ากำไรสุทธิปีนี้เป็น 2.13 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้น 71.5% จากปีก่อน และยังคงแนะนำซื้อ โดยให้ราคาเป้าหมายที่ 67 บาทต่อหุ้น
ขณะที่บล.บัวหลวงแนะนำซื้อ AJ โดยระบุว่า กำลังผลิต BOPA ใหม่อีก 10,000 ตัน (ซึ่งเป็นฟิล์มที่มีอัตรากำไรมากที่สุด) จะเริ่มดำเนินงานในปลายเดือน มี.ค. ซึ่งจะช่วยหนุนกำไรขั้นต้นในไตรมาส 2/54 สำหรับยอดขายในต่างประเทศยังคงแข็งแกร่ง จากการเข้าเยี่ยมชมบริษัท เรามีแนวโน้มที่จะปรับเพิ่มประมาณการกำไร ยังคงแนะนำ “ซื้อ”
ขณะเดียวกันแนะนำซื้อ PTL โดยระบุว่ายอดขายฟิลม์ PET หนุนให้กำไรหลักปรับตัวขึ้นอย่างมากดังนั้นอัตรากำไรสุทธิไตรมาส 4/53-54 เพิ่มขึ้นเป็น 44% จาก 25.3%ในไตรมาส 4/52-53 โดยการเพิ่มขึ้นของต้นทุนขายเนื่องมาจากการเพิ่มขึ้นของต้นทุน PET resin (ซึ่งเป็นวัตถุดิบหลัก) ซึ่งทำให้อัตรากำไรขึ้นต้นในไตรมาส4/53-54 อ่อนตัวลงเป็น 50.6% ในไตรมาส 2/53-54
สำหรับแนวโน้มอุตสาหกรรมแผ่นฟิล์มยังคงอยู่ในช่วงของการขยายตัวโดยจะเห็นได้จากการลงทุนในกำลังการผลิตใหม่ในตลาดสหรัฐฯ Uflex ซึ่งเป็นบริษัทที่ใหญ่สุดของอินเดียในแง่ของบรรจุภัณฑ์ได้ลงทุน 180 ล้านเหรียญเพื่อก่อตั้งโรงงานผลิตแผ่นฟิล์มใน Kentucky เพื่อลดระยะเวลาการรอคอยให้ลูกค้าในประเทศอเมริกา ได้แก่ Unilever, Pepsi, Wrigley, P&G, Colgate, Palmolive,Nestle, Gillette, Perfetti, Joyco, Monsanto, ITC ฯลฯ โดย PTL จะย้ายและขยายสายการผลิตสองแห่งในตุรกี (สาย การผลิตฟิล์ม PET ขนาดกว้าง 8.7 เมตร ที่กำลังการผลิต 31 KT ต่อปี และสายการผลิตฟิล์ม metalized กว้าง 2.85 เมตร กำลังการผลิต 8.6 KT ต่อปี มาอยู่ที่สหรัฐ ความหนาของฟิล์มชนิดบางจะอยู่ในช่วง 8-125 ไมครอน มูลค่าการลงทุนรวมอยู่ที่ 75 ล้านเหรียญ(2,270 ล้านบาท) การย้ายโรงงานจะถูกกว่าและเร็วกว่าการสร้างโรงงานใหม่ ทั้งนี้ 65-75% ของเงินลงทุนจะมาจากการกู้ยืมระยะยาว และส่วนที่เหลือจะมาจากเงินทุนภายใน การขยายการผลิตคาดว่าจะเสร็จสิ้นใน 15-18เดือนแสดงถึงว่าราคาฟิล์ม PET จะค่อยๆ ปรับตัวขึ้น ขณะที่ฐานลูกค้าที่เพิ่มขึ้นจะหนุนกำไร โดยให้ราคาเป้าหมายของ PTL ที่ 32 บาทคิดจาก PBV ที่ 2.42 เท่า สูงกว่าค่าเฉลี่ยระยะยาวของ PTL อยู่ 2 SD เรายังคงคำแนะนำ “ซื้อ”PTL ประกาศจ่ายปันผลสำหรับผลประกอบการในครึ่งหลังของปี 2553 ที่ 1.35 บาท โดยขึ้นเครื่องหมาย XD วันที่ 3 ส.ค. | เข้าชม: 4,286 |
|