BWG โกยงานรับกำจัดกากขยะอุตสาหกรรมน้ำท่วม 1 แสนตัน รับรู้ปีนี้ประมาณ 60-70% เชื่อดันรายได้ปีนี้โต 200-300% พร้อมการันตีมาร์เก็ตแชร์อันดับหนึ่งมากกว่า 80% ของตลาดรวม มีลุ้นคว้างานเพิ่ม “เอกรินทร์” ปลื้มงานพุ่งสั่งลุยเพิ่มรถขนกากอุตสาหกรรมเชื่อได้เดือนม.ค.55
นายเอกรินทร์ เหลืองวิริยะ รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท เบตเตอร์ เวิลด์ กรีน จำกัด (มหาชน) หรือ BWG กล่าวว่า ปีนี้บริษัทน่าจะมีรายได้เพิ่มขึ้นประมาณ 200-300% จากปีก่อนที่ประมาณ 700 ล้านบาท ซึ่งปีนี้น่าจะมีการรับรู้รายได้จากงานในมือประมาณ 60-70% ของงานในมือประมาณ 1 แสนตัน จากการกำจัดกากขยะอุตสาหกรรมในนิคมอุตสาหกรรมโรจนะ และไฮเทค รวมถึงมีโอกาสในการรับงานบริหารจัดการขยะอุตสาหกรรมได้อีกมาก จากการครองส่วนแบ่งทางการตลาด (มาร์เก็ตแชร์) เป็นอันดับหนึ่งที่มากกว่า 80% ของตลาดรวมในปัจจุบัน
โดยธุรกิจของบริษัทเป็นธุรกิจปลายน้ำ ซึ่งหลังจากเกิดสถานการณ์น้ำท่วมในโรงงานหลายแห่ง ส่งผลให้บริษัทเข้าไปรับงานบริหารจัดการขยะอุตสาหกรรมให้กับลูกค้าโรงงานต่างๆ ทำให้ปัจจุบันบริษัทมีงานในมืออยู่ประมาณ 1 แสนตัน โดยบริษัทสามารถเข้าไปฟื้นฟูโรงงานได้ภายใน 7 วันหลังน้ำลด จึงทำให้สามารถรับรู้รายได้ทันทีในบางรายตามเงื่อนไข
ดังนั้น การรับรู้รายได้ของบริษัทจะเริ่มรับรู้ตั้งแต่ปีนี้ ซึ่งในช่วง 2-3 เดือนที่ผ่านมา คาดว่าจะสามารถรับรู้รายได้ประมาณ 100 ล้านบาท จากการเข้าไปรับงานบริหารจัดการขยะอุตสาหกรรมประมาณ 1 แสนตัน หรือโดยประมาณ 60-70% จะรับรู้รายได้ในปีนี้ ส่วนที่เหลือน่าจะมีการรับรู้รายได้ต่อเนื่องในช่วงไตรมาสแรกของปีหน้า (ปี 2555)
สำหรับรายได้ของบริษัท จะเห็นว่าในช่วง 3 ไตรมาสที่ผ่านมา รายได้เพิ่มขึ้นประมาณ 100% จึงคาดว่าปีนี้ (ปี 2554) บริษัทจะมีรายได้เพิ่มขึ้นประมาณ 200-300% จากปีก่อน เพราะในช่วง 1-2 เดือนนี้ มีการรับรู้รายได้เพิ่มเข้ามามาก จากจำนวนโรงงาน และงานในมือที่มีการเซ็นสัญญาเรียบร้อยแล้ว ส่วนในด้านของกำไร เมื่อคำนวณจากราคาปีนี้สูงกว่าปีที่แล้ว ซึ่งปีที่แล้วเฉลี่ยอยู่ที่ตันละกว่า 2,000 บาท เพิ่มเป็นตันละกว่า 3,000 บาทในปีนี้ เนื่องมาจากกระบวนการจัดการ และต้นทุนที่เพิ่มขึ้น
“ส่วนการแข่งขัน ผู้ประกอบการธุรกิจกำจัดกากอุตสาหกรรมในประเทศไทยมีแค่ 3 รายเท่านั้น ซึ่งบริษัทกล้าบอกได้ว่าเป็นเบอร์ 1 จากการครองส่วนแบ่งทางการตลาด (มาร์เก็ตแชร์) มากกว่า 80% ของตลาดรวมในปัจจุบัน โดยหลังจากน้ำลดโรงงานทุกแห่งก็จะต้องมีการกำจัดกากอุตสาหกรรม และการที่จะให้หน่วยงานรัฐเข้าไปฟื้นฟูคงจะเป็นไปได้ยาก จึงถือว่าเป็นโอกาสของบริษัท”
ด้านความเสี่ยงของบริษัท คือการทำงานที่ไม่ทันตามความต้องการของลูกค้า เนื่องจากปริมาณของขยะอุตสาหกรรมมีเพิ่มมากขึ้น จากที่มีการรับบริหารจัดการขยะอุตสาหกรรมปีละประมาณ 2-3 แสนตัน แต่ในช่วงไตรมาส 3/54 มีปริมาณเพิ่มขึ้นเป็น 2-3 แสนตัน เท่ากับปริมาณของปีที่แล้วทั้งปี และจากงานในมือที่มีอยู่ประมาณ 1 แสนตัน ส่งผลให้บริษัทจะต้องทำงานเฉลี่ยเดือนละกว่า 2 หมื่นตัน ซึ่งการทำงานได้เพิ่มเป็นสองเท่าหรือมากกว่านั้น ขณะเดียวกันบริษัทก็ยังโชคดีจากการที่บริษัทได้เพิ่มทุนเพื่อนำเงินมาสร้างหลุมฝังกลบเพิ่มขึ้นที่ จ.สระบุรี เมื่อช่วงกลางปีที่ผ่านมา
รวมถึงความเสี่ยงในเรื่องของการไม่สามารถบริการรถยนต์ให้กับลูกค้าได้ทันตามความต้องการ บริษัทจึงมีแผนที่จะเพิ่มจำนวนรถยนต์ในการขนกากอุตสาหกรรม คาดว่าจะได้รถเพิ่มเข้ามาประมาณเดือนมกราคม 2555 อย่างไรก็ตามบริษัทได้เตรียมทีมงานไว้ 5 ทีม เพื่อรองรับการกอบกู้ ฟื้นฟูให้กับลูกค้าในนิคมอุตสาหกรรม ซึ่งสิ่งที่สำคัญที่สุดของการกอบกู้โรงงาน คือต้องทำให้โรงงานสามารถกลับมาดำเนินการผลิตได้เร็วที่สุด
“บริษัทได้เตรียมทีมงานสำหรับการกอบกู้โรงงานไว้ประมาณ 5 ทีม เพื่อเข้าไปในนิคมของลูกค้า ซึ่งสิ่งสำคัญของการกอบกู้โรงงานจะต้องทำให้โรงงานสามารถกลับมาดำเนินการผลิตให้ได้เร็วที่สุด ก็จะช่วยสร้างความเชื่อมั่นให้กับลูกค้า เมื่อสามารถแก้ปัญหาให้กับลูกค้าได้ดีก็จะส่งผลให้เป็นลูกค้าที่ดีของบริษัทในอนาคตแน่นอน ขณะเดียวกันก็เชื่อว่าบริษัทจะมีลูกค้าเพิ่มขึ้น เนื่องจากการกำจัดขยะในภาคอุตสาหกรรมเป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับกฎหมาย ที่จะต้องทำอย่างถูกต้อง”
ที่มา ข่าวหุ้น | เข้าชม: 2,432 |
|