November 1, 2024   7:29:28 AM ICT
เว็บบอร์ด > ห้องข่าว > เวทีวิเคราะห์
 

Puu
สมาชิก

จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 476
วันที่: 09/03/2007 @ 09:55:23
คุณชอบกระทู้นี้หรือไม่

ผลการโหวต
ชอบ
0.00%
0 คน

ไม่ชอบ
0.00%
0 คน

ซื้ออ่อนตัว RRC เป้าหมาย 19 บาท
บริษัทหลักทรัพย์ โกลเบล็ก จำกัด (มหาชน) แนะนำ ซื้ออ่อนตัว RRC แม้คาดว่าราคาน้ำมันดิบเฉลี่ยในปี 50 จะต่ำกว่าปี 2549 แต่ยังมีมุมมองสำหรับธุรกิจโรงกลั่นในช่วง 1-2 ปีข้างหน้าในระดับดี ทั้งนี้เหตุผลหลักมาจาก กำลังการกลั่นในภูมิภาค และทั่วโลกที่ค่อนข้างตึงตัว และส่วนใหญ่มีอัตราการใช้กำลังการผลิตเกือบเต็มที่แล้วโดยประเมินค่าการกลั่นของ RRC ในปี 2550-2551 ที่ระดับ $5.5-$6.0/bbl อย่างไรก็ตามหากมองในระยะยาว ยังน่าเป็นห่วงเนื่องจากโรงกลั่นอยู่ระหว่างขยายกำลังการผลิตจำนวนมาก ซึ่งกำลังการผลิตใหม่โดยเฉพาะจากภูมิภาคเอเชีย จะทยอยเข้ามาและมาสูงกว่าความต้องการในปี 2551 ดังนั้นคาดค่าการกลั่นจะเริ่มปรับตัวลงหลังปี 2551 เป็นต้นไป ประเมินราคาเหมาะสมในปี 2550 หลังปรับประมาณการโดยอิง P/E ของกลุ่มอุตสาหกรรมที่ 8-9 เท่า ได้ราคาเป้าหมายปี 50 ที่ 19 บาทต่อหุ้นที่ราคาปัจจุบันมี Upside Gain 11.7% ปันผล 4%-5% ต่อปี แต่เนื่องจากผลประกอบการที่คาดจะไม่โดดเด่นในช่วง 1-2 ปีข้างหน้า ประกอบกับราคาน้ำมันที่มองว่าไม่ได้อยู่ในช่วงขาขึ้นเต็มที่เหมือน 1-2 ปีที่ผ่านมาจึงแนะนำให้ ซื้อเมื่ออ่อนตัว เป้าปี 2550 ที่ 19.0 บาท

ถือ NWR เป้าหมาย 0.93 บาท
บริษัทหลักทรัพย์ เอเซีย พลัส จำกัด (มหาชน) แนะนำ ถือ NWR บริษัทรายงานผลขาดทุนสุทธิสูงถึง 150.7 ล้านบาท พลิกจากความคาดหมายที่คาดว่าน่าจะแสดงผลกำไร สาเหตุหลักมาจาก การบันทึกรายการ ค่าตอบแทนพิเศษแก่คณะผู้บริการ สูงถึง 108.9 ล้านบาท ซึ่งข้อมูลในหมายเหตุประกอบงบการเงินระบุว่า เกิดจากสัญญาในช่วงการฟื้นฟูกิจการของบริษัทในปี 2543 ที่ NWR ได้ทำสัญญาว่าจ้างผู้บริหารโดยกำหนด ค่าตอบแทนพิเศษ 10% ของดอกเบี้ยและเงินต้น ที่สามารถชำระหนี้ด้วยเงินสด ซึ่งต่อมาในปี 2548 NWR ประสบความสำเร็จในการเสนอขายหุ้นเพิ่มทุนทั้งแบบ PP และการจัดสรรให้ผู้ถือหุ้น ทำให้ได้รับเงินมาชำระคืนเงินกู้ก่อนกำหนดในงวดไตรมาส 4/2549 ทางบริษัทจึงได้ให้ที่ปรึกษาทางกฎหมายพิจารณาค่าตอบแทนพิเศษ และ NWR ก็ได้พิจารณาอนุมัติจ่ายผลตอบแทนดังกล่าว นอกจากนี้ในงวดไตรมาส 4/2549 NWR ยังได้บันทึกรายการหนี้สงสัยจะสูญเข้ามาอีก 45.8 ล้านบาท นับเป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่กดดันผลประกอบการ ดังนั้นกลยุทธ์การลงทุนจึงแนะนำ ?ถือ?

ซื้อ GMMM เป้าหมาย 10 บาท
บริษัทหลักทรัพย์ เกียรตินาคิน จำกัด แนะนำ ซื้อ GMMM แม้ว่าทางฝ่ายวิจัยจะปรับประมาณการผลการดำเนินงานปี 2550 ลง แต่ฝ่ายวิจัยมีการปรับมูลค่าพื้นฐาน GMMM เพิ่มขึ้น เนื่องจากเมื่อเทียบอัตราการเติบโตของกำไรสุทธิในปี 50 (คาดการณ์) และอัตราผลตอบแทนจากเงินปันผลปี 50 (คาดการณ์) ของ GMMM กับบริษัทจดทะเบียนในกลุ่มธุรกิจเดียวกัน เช่น BEC, MCOT, WORK และ RS ซึ่ง GMMM จะมีอัตราการเติบโตของกำไรสุทธิ และอัตราผลตอบแทนจากเงินปันผลสูงสุดในกลุ่มธุรกิจเดียวกัน จึงมีการปรับค่า P/E ในการประเมินมูลค่าพื้นฐานของ GMMM เพิ่มขึ้นจาก 8X เป็น 10X ทำให้มูลค่าพื้นฐานเพิ่มขึ้นจาก 9.44 บาท เป็น 10.00 บาท โดยราคาเหมาะสมดังกล่าวยังมี Up-side Gain 20% และให้อัตราผลตอบแทนจากเงินปันผล 7.8% จึงแนะนำ ?ซื้อ? โดยคาดจ่ายเงินปันผลจากผลการดำเนินงานปี 50 ที่ 0.65 บาท/หุ้น คิดเป็น Div Yield เท่ากับ 7.8% (ปี 49 จ่าย 0.50 บาทต่อหุ้น)

ถือ BANPU เป้าหมาย 200 บาท
บริษัทหลักทรัพย์ เคจีไอ จำกัด (มหาชน) แนะนำ ถือ BANPU เมื่อพิจารณาในรายละเอียด ฝ่ายวิจัยสามารถสรุปได้ว่ากำลังการผลิตจากเหมืองอื่นในอินโดนีเซียมีมากเพียงพอที่จะช่วยชดเชยผลกระทบจากปริมาณถ่านหินที่หายไปจากเหมืองคิทาดิน ประโยชน์ที่ได้จากปริมาณที่เพิ่มขึ้นของถ่านหินคุณภาพสูงมีมากถึง 3 ประการ ประการที่หนึ่ง ถ่านหินคุณภาพสูงขายได้ที่ราคาสูงกว่า ประการที่สอง ต้นทุนการผลิตถ่านหินคุณภาพสูงที่อินโดมินโคและทรูบาอินโดสูงกว่าไม่ถึง 3 เหรียญ สรอ. ต่อตัน และกำไรขั้นต้นจากเหมืองคิทาดินจึงสูงกว่าเหมืองคุณภาพต่ำในโจร่งเพียงเล็กน้อย และประการที่สาม ต้นทุน SG&A สำหรับเหมืองคิทาดินค่อนข้างสูง ทำให้การเดินการผลิตที่คิทาดินไม่มีกำไร และเพิ่มต้นทุน SG&A ต่อตันรวมของบ้านปู ดังนั้นการปิดเหมืองคิทาดินจึงลดต้นทุน SG&A ต่อตันเฉลี่ยลง ทั้งนี้จากเหตุผลดังกล่าว จึงปรับประมาณการเพื่อรับแนวโน้มใหม่ที่ดีขึ้น คาดว่าราคาถ่านหินในแต่ละเหมืองจะสูงขึ้นอีก 3% จากปีก่อน ดังนั้นจึงประเมินราคาเป้าหมายที่ 200 บาทต่อยังคงแนะนำ ?ถือ?

ที่มา ทันหุ้น[/color:de64221843">

 กลับขึ้นบน

 
 

Copy Right © 2009-2012 © Thaihoon.Com