November 1, 2024   7:32:09 AM ICT
เว็บบอร์ด > ห้องข่าว > สัญญาณหุ้น
 

Puu
สมาชิก

จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 476
วันที่: 09/03/2007 @ 10:02:18
คุณชอบกระทู้นี้หรือไม่

ผลการโหวต
ชอบ
0.00%
0 คน

ไม่ชอบ
0.00%
0 คน

บล.เคจีไอแนะนำซื้อ SCBราครเป้าหมาย 77.0 บาทปีที่แล้ว แรงส่งของเงินทุนดอกเบี้ยต่ำจาก SCB ยังไม่ชัดเจน เนื่องจากข้อกำหนดเกี่ยวกับเพดานสินเชื่อที่ SCBL สามารถกู้ยืมได้เพียง 10-15% จาก Tier 1 ของ SCB (หรือเพียง 1 หมื่นล้านบาทในปีที่แล้ว) อย่างไรก็ดี เราคาดว่า SCB จะสามารถปล่อยกู้ผ่านSCBL เพิ่มในปี 2550 ได้มากยิ่งขึ้น เนื่องจากได้ขออนุญาต ธปท. เพิ่มเพดานเงินกู้สำหรับSCBL เป็น 40% ของ Tier 1 (30-35 พันล้านบาท) ตั้งแต่ ม.ค. 50 เราคาดว่าสัดส่วนเงินกู้จาก SCB สุทธิจะเพิ่มเป็นอย่างน้อย 36% ในปี 2550 จาก 21% ในปี 2549 (ตารางที่ 1) ในปี 2551 เราคาดว่าเพดานสินเชื่อที่ SCB สามารถปล่อยให้ SCBL จะหายไปเมื่อ SCBL สามารถปฏิบัติตามหลักเกณฑ์การกำกับแบบรวมกลุ่ม (ConsolidateSupervision) อย่างสมบูรณ์ และการที่สัดส่วนสินเชื่อเช่าซื้อเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง (คาดไว้ที่ 10% และ 14% ในปี 2550-51) ยิ่งกู้จาก SCB มากเท่าไร ยิ่งเป็นผลดีกับส่วนต่างดอกเบี้ยรวมของ SCB มากเท่านั้น แม้ว่าการแข่งขันด้านราคาจะยังไม่รุนแรงนักในปัจจุบัน เราเห็นแนวโน้มที่จะทวีความรุนแรงขึ้นในอนาคต เมื่อ SCBL สามารถกู้ยืมจาก SCB ได้ เนื่องจากต้นทุนของ SCB จะต่ำกว่าบริษัทฯ เงินทุนอื่น ๆ ถึง 180 ถึง 200 bps (ตารางที่ 2)อย่างไรก็ดี แม้ว่ากลยุทธด้านราคาในตลาดสินเชื่อเช่าซื้อรุนแรงเพิ่มขึ้นในปีนี้ ผลกระทบต่อส่วนต่างกำไรรวมที่คาดว่าจะลดลงเหลือ 3.4% หรือ 30 bps จากปี 2549 คงจะเพียงพอเนื่องจากยังต่ำกว่าประมาณการของ SCB ที่ 3.7% ในปี 2550 ในปีนี้เทียบกับเป้าหมายของSCB ที่ 21% และส่วนต่างดอกเบี้ยที่ 3.4 % เทียบกับ 3.7% ของ SCB เรายังคาดว่าSCB จะสามารถแสดงผลกำไรถึง 17.1 พันล้านบาทเพิ่มขึ้น 29% YoY แต่หุ้นนี้มีความเสี่ยงจากแนวโน้มการขยายตัวทางเศรษฐกิจตกต่ำและกลยุทธด้านราคาที่ไม่สามารถควบคุมได้

บล.เอเซีย พลัสแนะนำซื้อ IHLราคาเป้าหมาย 23.1 บาทตลาดรถยนต์ในประเทศปี 2550 คาดว่าเติบโตไม่เกิน 3% แต่สำหรับ IHL ผู้นำตลาดผลิตชิ้นส่วนเบาะหนังครบวงจร และครองส่วนแบ่งตลาดมากสุดเกิน 70% ของตลาดรถยนต์ที่ใช้เบาะหนัง เชื่อว่าจะไม่ได้รับผลกระทบแต่อย่างใด ในทางกลับกันจะเติบโตโดดเด่น มียอดขายเพิ่มขึ้น 29.5% yoy สวนกระแสกับตลาดรถยนต์ จากปัจจัยสนับสนุนข้างต้น ที่จะผลักดันให้ยอดขายปี 2550 จะเติบโตสูงขึ้น โดยเริ่มตั้งแต่งวด 1Q50 ที่ประเมินว่าจะมีรายได้อยู่ราว 320 ล้านบาท ขยายตัว 43% yoy ขณะที่ทั้งปี คาดหมายยอดขายใกล้เคียงกับที่ผู้บริหารตั้งเป้าเติบโตอย่างอนุรักษ์นิยม 30% สำหรับการทำกำไรที่จะมีแนวโน้มดีขึ้นมาก ส่วนหนึ่งมาจากการผลิตเบาะเครื่องบินที่ให้มาร์จิ้นสูงกว่าเบาะรถยนต์ เพื่อให้สอดคล้องกับข้อมูล จึงปรับเพิ่ม Gross margin ขึ้น (ตารางด้านข้าง) ส่งผลให้ Norm Profit ปี 2550เพิ่มจากเดิม 13.4% และขยายตัวสูง 64% yoy แนวโน้มปี 2550 ที่เติบโตโดดเด่นเหนือกลุ่มยานยนต์ ทั้ง Norm EPS Growth ปี 2550 ที่ 64% จากการผลักดันของยอดขายและ Gross margin ซึ่งสูงกว่ากลุ่มยานยนต์ที่เฉลี่ย 16% ดังนั้นในการประเมินมูลค่า ฝ่ายวิจัยจึงกำหนด P/E ที่มี Premium จากค่าเฉลี่ยอุตสาหกรรม 10% โดยกำหนดที่ P/E 11เท่า จะได้มูลค่าพื้นฐานปี 2550 ใหม่อยู่ที่ 23.1 บาท แม้จะมี upside 8.3% แต่เมื่อรวมกับการคาดหมายจะมีการจ่ายเงินปันผล 2 ครั้งในงวดปี 2550 รวม 1.05 บาท/หุ้น (ปรับเพิ่ม Payout Ratio เป็น 50%) คิดเป็น Div Yield เกือบ 5% จึงปรับคำแนะนำจาก ถือ เป็น ทยอยซื้อเมื่อราคาอ่อนตัวลง

บล.ซิกโก้แนะนำซื้อราคาเป้าหมาย 1.45 บาทบริษัทประกาศจ่ายปันผลสำหรับผลประกอบการครึ่งปี หลังที่ 0.10บาท/หุ้น (DividendPayout Ratio143.0%) หรือคิดเป็น DividendYield ที่ 7.5% อย่ งไรก็ดี ราคาหุ้นในระยะสั้นมีโอกาสปรับลดลงได้หลังจากขึ้นเครื่องหมาย XD ในวันนี้ ผลประกอบการในFY07Eมีแนวโน้มทรงตัวจากปีก่อน เนื่องจากยังไม่มีโครงการลงทุนขนาดใหญ่ทั้งจากภาครัฐและภาคเอกชนที่ จะเข้ามากระตุ้นความต้องการใช้เหล็กเส้นในประเทศได้ โดยเราคาดการณ์กำไรสุทธิใน FY07E ที่ 235ลบ. ลดลง 9.2% YoY เนื่องจากส่วนต่างระหว่างราคาขายเหล็กเส้นและราคาวัตถุดิบจะลดลงหลังจากที่บริษัทมีการนำเข้าวัตถุดิบที่ ราคาเพิ่มสูงขึ้นเข้ามาในสต็อก ปัจจุบันบริษัทมีอัตราส่วนหนี้สินต่อทุนต่ำเพียง 0.2 เท่า โดยไม่มีภาระหนี้ สินระยะสั้นและระยะยาวเลย นอกจากนี้ ยังมีเงินสดในมือสูงถึง 348 ลบ.ขณะที่บริษัทยังไม่ มี โครงการลงทุนใหม่ ๆ ดังนั้น บริษัทมี โอกาสที่ จะจ่ายเงินปันผลมากกว่านโยบายที่ 60.0% ของกำไรสุทธิ อย่างไรก็ดี SSEC คาดการณ์ การจ่ายเงินปันผลของบริษัทใน FY07E ที่ 0.12บาท/หุ้น โดยอิงสมมติฐานอัตราการจ่ายเงินปันผลที่ 60.0%แม้ว่าผลประกอบการจะมีแนวโน้มทรงตัวจากปีก่อนเนื่องจากไม่มีโครงการลงทุนขนาดใหญ่ทั้งจากภาครัฐและเอกชน แต่ราคาหุ้นปัจจุบันที่ยังคงมี Upside Gain อีก 8.2%

บล.ยูไนเต็ดแนะนำงดการลงทุน BHราคาเป้าหมาย 35.47 บาทประกาศผลการดำเนินงานปกติ 4Q49 หดตัวใกล้เคียงที่เราคาด (แย่กว่าคาด 7.6%) โดยสาเหตุหลักมาจากผ่านพ้นช่วง High Season ไปแล้วประกอบกับได้รับผลกระทบต่อเนื่องจากการปฏิวัติช่วงปลาย 3Q49 ส่งผลรายได้รวม 4Q49 ชะลอตัวลงราว 7.4%QoQ ขณะที่อัตรากำไรขั้นต้นก็หดตัวตามปริมาณผู้ป่วยที่ลดลงเหลือระดับ 31.6% ใน 4Q49 ส่งผลต่อเนื่องกำไรสุทธิ 4Q49 ชะลอตัวอยู่ที่ 254 ล้านบาทหรือลดลงราว 7.1%YoY และ17.9%QoQ ตามลำดับ นอกจากนั้น ผลจากการกลับมาเสียภาษีในอัตราปกติที่ราว 30% ตั้งแต่ต้นปี 49 จึงทำให้ภาพรวมปี 49 มีกำไรสุทธิขยายตัวเพียง 4.1%YoY โดยบริษัทแจ้งจ่ายเงินปันผลสำหรับงวด 2H49 อีกหุ้นละ 0.45 บาท คิดเป็นอัตราผลตอบแทนราว 1.2% ซึ่งจะขึ้น XDในวันที่ 30 มี.ค.50 ในขณะที่แผนการดำเนินงานปี 50 ยังคงเดินหน้าขยายพื้นที่ให้บริการต่อเนื่องโดยปัจจุบัน ทยอยเปิดดำเนินการพื้นที่ตึกใหม่แล้ว 3 ชั้น คาดทำให้ความสามารถในการรองรับผู้ป่วย OPD ในปี 50 เพิ่มขึ้นจาก 3,500 คนเป็น 4,000 คนต่อวัน และรองรับผู้ป่วยใน (IPD) เพิ่มขึ้นจาก 458 เตียงเป็น 477 เตียง พร้อมกันนี้ ยังปรับกลยุทธ์ทำการตลาดในประเทศมากขึ้นด้วย เพื่อรักษาสมดุลสัดส่วนรายได้ของคนไทยและต่างชาติ แม้การขยายพื้นที่การให้บริการที่ตึกใหม่จะเร็วกว่ากำหนดการเดิมเล็กน้อย แต่ผลกระทบจากเหตุการณ์ความไม่สงบช่วงปีใหม่ที่ผ่านมาและความคลุมเครือทางการเมือง เบื้องต้นก็ส่งผลลบให้ภาพรวมผลการดำเนินงานใน 2M50 ยังคงชะลอตัว ส่งผลเราคาดแนวโน้มผลประกอบการ1Q50 ไม่สดใสนัก และทำให้ทั้งปี 50 เรายังคงประมาณการผลการดำเนินงานปกติทั้งปี 50เติบโตเพียง 11.2%YoY มาอยู่ที่ 1,192 ล้านบาท

ที่มา ข่าวหุ้น[/color:d35c1413a6">

 กลับขึ้นบน

 
 

Copy Right © 2009-2012 © Thaihoon.Com