Toon
สมาชิก
จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 973 |  วันที่: 22/03/2007 @ 11:12:32 คุณชอบกระทู้นี้หรือไม่ ผลการโหวต ที่มา : วีระชัย ครองสามสี
หัวคอลัมน์ : เก็งกำไรหุ้นวอร์แรนต์กำลังฉายแวว
ตลาดหุ้นไทยหลุดแนวรับทางจิตวิทยาที่ 670 จุดจนได้ โดยมีปัจจัยที่เข้ามาตอกย้ำให้นักลงทุนยังคงเกิดความไม่มั่นใจต่อภาวะที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน คือ การที่สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยว่า ค่าดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรมเดือนก.พ. 2550 ลดลงมาอยู่ที่ระดับ 82.7 ปรับตัวลดลงจากเดือนก่อนหน้า ซึ่งเป็นการปรับตัวลดลงต่อเนื่องกันเป็นเดือนที่ 5 นอกจากนี้ปัจจัยลบอื่นๆที่เข้ามากระทบความเชื่อมั่นในตลาดยังคงเป็นปัจจัยเดิมๆ คือในส่วนของความกังวลต่อแนวโน้มของค่าเงินบาทที่ยังคงแข็งค่าขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเมื่อวานนี้ค่าเงินบาทเคลื่อนไหวลงมาอยู่ที่ 34.79 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ ในตลาด On-Shore และ34.79 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ ในตลาด Off-Shore โดยปัจจัยที่ยังคงกดดันค่าเงินบาทอย่างต่อเนื่องคือ การที่ล่าสุดกระทรวงพาณิชย์ ได้เปิดเผยว่าตัวเลขการส่งออกของไทยยังคงมีสัดส่วนที่สูงกว่าการนำเข้าอยู่ โดยการส่งออกของไทยเดือนม.ค.มีมูลค่าทั้งสิ้น 10,488 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้น 17.7% เมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อน ขณะที่ยอดการนำเข้าเดือนม.ค.มีมูลค่า 9,608 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้น 2.4% ซึ่งการที่ตัวเลขการส่งออกของไทยยังคงมีสัดส่วนที่สูงกว่าการนำเข้าอยู่นั้น ทำให้มีความเป็นไปได้ที่ผู้ส่งออกจะนำเงินดอลลาร์มาแลกเป็นบาทอย่างต่อเนื่องต่อไป เพื่อลดความเสี่ยงในกรณีที่ค่าเงินบาทอาจแข็งค่าขึ้นในอนาคตหาก BOT มีการยกเลิกมาตรการสำรอง 30% ซึ่งจากประเด็นในเรื่องของการแข็งค่าของค่าเงินบาทนอกจากจะกระทบต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุนในภาพรวมแล้ว ความกังวลในเรื่องของแนวโน้มน้ำมันที่อาจจะปรับตัวลงยังกดดันให้ราคาหุ้นในกลุ่ม ENERG ให้ปรับตัวลดลงซึ่งเป็นกลุ่มสำคัญที่กดดันให้ตลาดลงมาเคลื่อนไหวอยู่ในแดนลบวานนี้ โดยล่าสุดเมื่อวานราคาน้ำมันดิบเบรนท์ที่ตลาด ICE กรุงลอนดอน ส่งมอบเดือนเม.ย. ลดลงมาเคลื่อนไหวที่ระดับต่ำกว่า 60 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลแล้ว หลังจากเมื่อวานนี้สำนักงานสาระสนเทศด้านการพลังงานของสหรัฐ (EIA) เปิดเผยว่าตัวเลขสต็อกน้ำมันดิบอาจสูงขึ้น 0.8 ล้านบาร์เรลในช่วงสัปดาห์สิ้นสุดที่ 16 มี.ค.ที่ผ่านมา และจากการที่ในขณะนี้ราคาน้ำมันดิบเบรนท์ที่ตลาด ICE ยังคงสูงกว่าราคาน้ำมันดิบตลาด WTI ของสหรัฐ ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่าในขณะนี้มีปริมาณน้ำมันดิบมากเพียงพอในแถบมิด-เวสต์ของสหรัฐ ซึ่งอาจเป็นจุดที่สร้างความกังวลต่อโอกาสในการปรับลดลงของราคาน้ำมันดิบในอนาคต ทั้งนี้นอกจากหุ้นในกลุ่ม ENERG ที่กดดันตลาดแล้ว ยังมีหุ้นในกลุ่ม BANK เป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่กดดันตลาด หลังจากตัวเลขสินเชื่อในเดือนก.พ.ที่ผ่านมา ยังคงขยายตัวได้น้อยกว่าที่คาด
ฉะนั้นจากที่นักลงทุนในตลาดยังคงขาดความเชื่อมั่น และค่อนข้าง Sensitive ต่อปัจจัยลบที่เข้ามากระทบตลาด ประกอบกับในช่วงหลังในเดือน มี.ค. ถึง เม.ย. ตลาดหุ้นจะค่อนข้างเงียบเหงาเนื่องจากช่วงเวลาดังกล่าวเป็นช่วงเทศกาล XD ของหุ้นจำนวนมาก และจากการที่ในช่วงที่เหลือของเดือนนี้จะยังคงอยู่ในช่วงของการขึ้นเครื่องหมาย XD ของหุ้นอีกประมาณ 73 ตัว ทำให้แนวโน้มของตลาดหุ้นไทยในวันนี้ การเคลื่อนไหวของดัชนีน่าจะอยู่ในกรอบแคบๆบริเวณ 665 - 675 จุด ขณะที่สัญญาณทางเทคนิคยังคงเป็นลบ ทำให้การที่ดัชนีจะมีโอกาสบวกแรงๆ ในช่วงนี้คงค่อนข้างยาก โดยเคลื่อนไหวของดัชนีน่าจะมีลักษณะ Side Way ออกข้างในลักษณะซึมลงไปทดสอบบริเวณ 665 จุด โดยดัชนีมีแนวต้านสำคัญบริเวณ 670-675 จุด
กลยุทธ์การลงทุน: แม้ว่าในช่วงนี้ตลาดจะยังคงเงียบเหงา แต่การที่ตลาดยังมี Down Side Risk ที่ค่อนข้างจำกัด ขณะเดียวกันตลาดก็มี P/E Ratio และมี P/B Ratio ที่ต่ำมาก ประกอบกับความคืบหน้าในการจัดตั้งกองทุนวายุภักษ์ 2 น่าจะสร้างความคึกคักในกับตลาดในช่วงต่อไปได้บ้างไม่มากก็น้อย ดังนั้นนักลงทุนที่เป็นนักลงทุนระยะกลาง-ยาวความถือโอกาสทยอยเข้าสะสมหุ้นพื้นฐานดี ที่น่าจะเป็นเป้าหมายการลงทุนของกองทุนวายุภักษ์ 2 ที่มีราคาปรับตัวลงมา ไม่ว่าจะเป็นกลุ่ม ENERG, PROP และ BANK ส่วนเก็งกำไรในภาวะซบเซาแบบนี้คงไม่พ้นหุ้นขนาดเล็กที่ชอบหวือหวา และต้องตัดขาดทุนหากผิดพลาดไม่ใช่นั้นอาจเจ็บหนักแบบพี่อ๊อฟพงษ์พัฒน์เจ็บนี้อีกนาน BLISS-W1 มีแนวรับที่ 1.11 บาท มีแนวต้านที่ 1.18 บาท ตัดขาดทุนหากต่ำกว่า 1.10 บาท NMG-W2 มีแนวรับที่ 1.60 บาท มีแนวต้านที่ 1.75 บาท ตัดขาดทุนหากต่ำกว่า 1.59 บาท และ NNCL-W1 มีแนวรับที่ 1.40 บาท มีแนวต้านที่ 1.50 บาท ตัดขาดทุนหากต่ำกว่า 1.39 บาท RAIMON-W มีแนวรับที่ 0.23 บาท มีแนวต้านที่ 0.28 บาท ตัดขาดทุนหากหลุด 0.22 บาท[/size:33b7ed79e8">
|
