November 1, 2024   7:15:23 AM ICT
เว็บบอร์ด > ห้องข่าว > ทุนนอกทะลักลุ้นดัน SET ทะลุ 700 จุดเหตุผลเดิมหุ้นไทยถูก.....
 

kaisel
สมาชิก

จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 3,380
วันที่: 08/04/2007 @ 09:57:02
คุณชอบกระทู้นี้หรือไม่

ผลการโหวต
ชอบ
0.00%
0 คน

ไม่ชอบ
0.00%
0 คน

วงการ ประสานเสียง เม็ดเงินฝรั่งยังไหลเข้าตลาดหุ้นไทยต่อเนื่อง ระบุ ยังมีการจัดตั้งกองทุนมาลงทุนในหุ้นไทย หลังมองดอกเบี้ยปรับลดลงแน่ ขณะที่เล็งเห็นโอกาสในการทำกำไรสูง เพราะตลาดหุ้นไทยมีโอกาสเติบโตได้มากกว่า แถม P/E ยังต่ำ เทียบกับหุ้นในภูมิภาคเดียวกันและเชื่อเศรษฐกิจไทยมีโอกาสฟื้นตัวได้ ส่วนสัปดาห์นี้คาดมีโอกาสแตะ 700 จุดได้ งานนี้ แบงก์-พลังงาน-อสังหาฯ ยังรับบทพระเอก

แม้ว่าในช่วงไตรมาสแรกตลาดหุ้นไทยจะยังคงย่ำอยู่กับที่ แต่เมื่อก้าวเข้าสู่ไตรมาส 2/50 สถานการณ์กลับพลิกจากหน้ามือเป็นหลังมือโดยเฉพาะการเข้าเก็บหุ้นของนักลงทุนต่างชาติ ที่หนักมือขึ้นเรื่อยๆนับตั้งแต่เปิดศักราชต้นไตรมาส 2 โดย 4 วันทำการต่างชาติมียอดซื้อสุทธิถึง 6,585.98 ล้านบาท (2-5 เม.ย.) ขณะที่ดัชนีกระเตื้องขึ้นมาปิดที่ 692.47 จุด มูลค่าการซื้อขายเพิ่มขึ้นมาอยู่ในระดับมากกว่า 1 หมื่นล้านบาทต่อวัน

นางสาวมยุรี โชวิกรานต์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.นครหลวงไทย เปิดเผยว่า นักลงทุนต่างชาติยังคงมีแนวโน้มที่จะเข้ามาซื้อต่อเนื่องอยู่ เนื่องจากขณะนี้ยังคงมีการจัดตั้งกองทุนของนักลงทุนต่างชาติเข้ามาลงทุนในตลาดหุ้นไทยอยู่ รวมถึงการที่แนวโน้มอัตราดอกเบี้ยที่คาดว่าจะมีการปรับลดลง ก็ส่งผลให้นักลงทุนต่างชาติเข้ามาลงทุนในตลาดหุ้นไทยด้วย

อีกทั้งสาเหตุที่ช่วงนี้นักลงทุนต่างชาติเข้ามาซื้อหุ้นในตลาดหุ้นไทยนั้น น่าจะมาจากการที่นักลงทุนต่างชาติเล็งเห็นโอกาสทำกำไร เพราะตลาดหุ้นไทยเมื่อเทียบกับตลาดหุ้นภายในภูมิภาคเดียวกันแล้ว ดัชนีมีเปอร์เซนต์ปรับตัวเพิ่มขึ้นได้สูงกว่าตลาดหุ้นอื่น รวมถึงการคาดการณ์ถึงแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยที่น่าจะมีการปรับลดลง และมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของทางภาครัฐ ก็เป็นสิ่ง
จูงใจที่ทำให้นักลงทุนต่างชาติ และมองว่าเศรษฐกิจไทยนั้นน่าจะฟื้นตัวได้

สำหรับแนวโน้มดัชนีตลาดหลักทรัพย์ในสัปดาห์หน้าว่า ดัชนีฯยังน่าจะสามารถปรับตัวเพิ่มขึ้นได้ต่อ และคาดว่าน่าจะปรับตัวเพิ่มขึ้นไปแตะแนวต้านสำคัญที่ระดับ 700 จุด เพราะนักลงทุนต่างชาติน่าจะยังคงมีแรงซื้อเข้ามาต่อเนื่องโดยเฉพาะในหุ้นบิ๊กแคป ส่วนนักลงทุนภายในประเทศอาจจะยังไม่เข้าในช่วงสัปดาห์หน้าเนื่องจากจะมีวันหยุดติดต่อกันเนื่องในเทศกาล สงกรานต์ถึง 4 วัน ดังนั้นจึงทำให้มีการชะลอการลงทุนออกไปก่อน โดยให้กรอบแนวรับของสัปดาห์หน้าไว้ที่ 686 จุด ส่วนแนวต้านมองไว้ที่ 700 จุด

ตลอดทั้งเดือน เม.ย.50 นี้มองแนวโน้มการเคลื่อนไหวของดัชนีตลาดหลักทรัพย์ว่า หากนักลงทุนต่างชาติลงทุนครบเต็มรูมแล้ว ตลาดฯก็น่าจะนิ่ง คือไม่มีการปรับตัวอย่างหวือหวา เนื่องจากไม่มีปัจจัยที่เข้ามาช่วยกระตุ้น แต่ในช่วงปลายเดือนจะมีประเด็นเรื่องการประกาศผลประกอบการในไตรมาส 1 ปี 2550 ซึ่งอาจจะทำให้มีการเข้ามาลงทุนบ้างในหุ้น ที่มีการคาดหมายกันว่าผลประกอบการออกมาดี แต่เมื่อมองภาพโดยรวมในไตรมาส 1 แล้ว มองว่าภาวะตลาดฯโดยรวมยังไม่อยู่ในระดับที่ดี แม้ว่าตลาดฯจะมีการปรับตัวเพิ่มขึ้น แต่ปริมาณการซื้อขายที่ซื้อขายในไตรมาส 1 หายไป เฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 8,000-10,000 ล้านบาทต่อวันเท่านั้น ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่าความมั่นใจของนักลงทุนยังไม่ดีเท่าที่ควร



 กลับขึ้นบน
kaisel
สมาชิก

จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 3,380
#1 วันที่: 08/04/2007 @ 09:58:07 :
ด้านนายอดิศักดิ์ คำมูล ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บล.เคจีไอ (ประเทศไทย) กล่าวว่า นักลงทุนต่างชาติน่าจะยังคงมีแนวโน้มที่จะเข้ามาซื้อต่อในระยะสั้น และอาจจะมีแรงขายทำกำไรบ้าง เนื่องจากนักลงทุนต่างชาติที่เข้ามานั้นมีทั้งส่วนที่ต้องการเข้ามาเก็งกำไร และเข้ามาลงทุน ดังนั้นเชื่อว่าน่าจะมีทั้งแรงซื้อ และแรงขายสลับกันเข้ามา
ต่างชาติก็จะซื้อต่อในระยะสั้นได้ แต่ก็จะมีแรงขายทำกำไรออกมาบ้าง เพราะนักลงทุนต่างชาติจะมีการจัดพอร์ต โดยจะซื้อไปเรื่อยๆ ระยะหนึ่ง แล้วเมื่อดัชนีฯขึ้นสูงถึงจุดหนึ่งก็จะมีการขายทำกำไรออกมาบ้าง โดยนักลงทุนต่างชาติจะเลือกตัวซื้อ และเลือกตัวขาย นายอดิศักดิ กล่าว

ส่วนการที่นักลงทุนต่างชาติเข้ามาซื้อสุทธิในช่วงนี้ว่า เป็นผลมาจากในช่วงไตรมาส 1 นักลงทุนต่างชาติมีการขายออกมาเยอะ ดังนั้นจึงเข้ามาหากำไรรอบใหม่ในช่วงเริ่มไตรมาส 2 และมองว่าไม่ใช่เพียงแต่ตลาดหุ้นไทยเท่านั้นที่มีแรงซื้อจากนักลงทุนต่างชาติ แต่ตลาดหุ้นทั่วภูมิภาคเอเชียต่างก็มีการปรับตัวเพิ่มขึ้นเช่นกัน ซึ่งเป็นผลมาจากการที่นักลงทุนต่างชาติเข้ามาซื้อ แต่สัดส่วนของแต่ละตลาดฯจะมากหรือน้อยแตกต่างกันไปนั้น ขึ้นอยู่กับขนาดของตลาดฯ โดยค่า P/E ของตลาดหุ้นไทยในขณะนี้อยู่ที่ประมาณ 10.7 เท่า ซึ่งถือว่าอยู่ในระดับที่สูงมาก เมื่อเทียบกับมีกำไรของตลาดฯในปีนี้ที่ประเมินไว้ที่ 64.45 บาท ต่อหุ้น

ขณะที่แนวโน้มดัชนีตลาดหลักทรัพย์ในสัปดาห์หน้ามองว่า ตลาดฯไม่น่าจะไปไหนไกล และจะมีทั้งแรงซื้อ และแรงขายสลับกันเข้ามา และมีโอกาสปรับฐานได้ อย่างไรก็ตามต้องติดตามดูราคาน้ำมันในตลาดโลกด้วย เพราะมีผลต่อการปรับตัวของดัชนีฯ ซึ่งหากยืนที่ระดับ 67 ดอลลลาร์/บาร์เรลได้ ก็จะช่วยให้มีแรงซื้อเข้ามาในหุ้น กลุ่มพลังงาน แต่ก็คาดว่าน่าจะปรับตัวเพิ่มขึ้นได้ไม่เกิน 700 จุด ส่วนหุ้นในกลุ่มธนาคารนั้นน่าจะทรงตัว เนื่องจากเข้าใกล้การปรับแต่งงบในไตรมาส 1 ขณะที่บรรยากาศการลงทุน ก็มองว่าไม่น่าจะเงียบเหงามากจนเกินไป เพราะฐานราคาของหุ้นได้มีการปรับตัวเพิ่มขึ้น ดังนั้นก็น่าจะส่งผลให้มูลค่าการซื้อขายไม่เบาบางมากเกินไป โดยมองกรอบการเคลื่อนไหวของดัชนีฯในสัปดาห์หน้าไว้ที่ 685-700 จุด

ส่วนทั้งเดือน เม.ย. 50 นั้นมองว่า ตลาดฯค่อนข้างจะมีความผันผวน โดยการเคลื่อนไหวของดัชนีฯขึ้นอยู่กับผลประกอบการของธนาคารต่างๆ ซึ่งหากออกมาดีตามที่คาด ก็น่าจะช่วยให้ดัชนีฯสามารถปรับตัวเพิ่มขึ้นไปถึง 710 จุด แต่หากผลประกอบการออกมาค่อนข้างน่าผิดหวัง กอาจะทำให้มีแรงขายในหุ้นกลุ่มธนาคารออกมาได้ และมองกรอบการเคลื่อนไหวของดัชนีฯในเดือน เม.ย.50 ไว้ที่ 680-710 จุด

กลยุทธ์การลงทุน ให้เข้าซื้อในหุ้นกลุ่มพลังงาน หากราคาน้ำมันในตลาดโลกสามารถยืนที่ระดับ 67 ดอลลาร์ ต่อบาร์เรลได้ รวมถึงให้เลือกซื้อหุ้นในกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ที่มีความสามารถในการแข่งขันสูง
นายสุกิตติ์ ตั้งมณีมิมิต ผู้อำนวยการฝ่ายลูกค้าสถาบัน บล.กรุงศรีอยุธยา กล่าวว่า แม้ว่าในช่วงที่ผ่านมานักลงทุนต่างชาติจะเข้าซื้อสุทธิอย่างต่อเนื่อง แต่เชื่อว่าหลังจากวันสงกรานต์ไปแล้วก็จะยังคงมีแรงซื้อเข้ามาอีก เพราะค่าเงินบาทยังคงมีแนวโน้มแข็งค่าต่อเนื่อง จากการที่เศรษฐกิจสหรัฐไม่ค่อยเติบโตมากนัก และตลาดหุ้นไทยยังอยู่ในระดับถูกหากเทียบกับตลาดหุ้นภูมิภาค ซึ่งตลาดหุ้นทั้งภูมิภาคก็ได้รับผลดีจากเม็ดเงินลงทุนของต่างชาติเช่นกัน ส่งผลให้ดัชนีฯปรับเพิ่มขึ้นทำจุดสูงสุดใหม่เกือบทุกตลาดฯ

เงินไหลเข้ามาในตลาดหุ้นเอเซียมากอย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ซึ่งตลาดฯทำนิวไฮเกือบทุกตลาดฯ และไม่คิดว่าเงินเข้ามากแล้วจะไม่เข้ามาอีก เพราะค่าเงินบาทยังแข็งค่า ทำให้เงินไหลเข้ามา และหุ้นไทยยังถูก เพราะฉะนั้นถือว่าเป็นโอกาสดีที่จะลงทุน ส่วนเศรษฐกิจที่ยังชะลอตัวนั้น อมงว่าคนรับรู้ข่าวไปแล้ว เศรษฐกิจจะ bottom ในไตรมาส 2 และหลังจากที่มีมาตรการกระตุ้นการใช้จ่ายและการลงทุนออกมา ทำให้ไตรมาส 3 จะดีขึ้น นายสุกิตติ์ กล่าว

อย่างไรก็ดี ในช่วงก่อนวันสงกรานต์ มองว่า ดัชนีฯคงอยู่ในช่วงของการปรับฐาน เพราะเป็นช่วงวันหยุดยาว แต่คงปรับลดลงไม่มากนัก เพราะจะยังคงมีแรงซื้อรออยู่ในช่วงหลังวันสงกรานต์

ทั้งนี้ แนะนำนักลงทุนทยอยสะสมหุ้นหากดัชนีฯปรับลดลงมาต่ำกว่า 686 จุด โดยจะเป็นกลุ่มธนาคารขนาดใหญ่, ATC, TOP, MAJOR และ PS เป็นต้น
โดยประเมินดัชนีฯช่วงหลังวันสงกรานต์น่าจะทะลุ 700 จุด ส่วนแนวรับประเมินไว้ที่ 686 จุด


[/color:d63c72d8a5">
 กลับขึ้นบน

 
 

Copy Right © 2009-2012 © Thaihoon.Com