*สัปดาห์ที่ผ่านมา "โมนิก้า" ได้คำยืนยันจากผู้จัดการกองทุนว่า แรงซื้อของนักลงทุนต่างชาติที่เข้ามาคราวนี้ เป็นแรงซื้อเก็งกำไรมากกว่าการซื้อลงทุน จึงต้องจับตาพฤติกรรมนักลงทุนกลุ่มดังกล่าวอย่างใกล้ชิด เพราะการปรับตัวขึ้นลงของดัชนีหลังจากนี้จะขึ้นกับนักลงทุนกลุ่มนี้ล้วนๆ
*นักลงทุนรายย่อยถึงต้องเตรียมเนื้อเตรียมตัวรับมือกับภาวะที่ผันผวน และพยายามท่องนิยามคำว่า ยิ่งสูงยิ่งหนาว ให้ขึ้นใจ เพราะหุ้นหลายตัวกำลังไต่ระดับขึ้นไปทดสอบแนวต้านเก่าครั้งก่อนนะซี
*อย่างที่รู้ช่วงนี้ไม่ใช่รอบของการลงทุนระยะยาว แต่เป็นช่วงของการชิงไหวชิงพริบและตัดสินใจว่าจะลุยต่อ หรือถอยไปตั้งฉาก โดยมีตัวแปร 700 จุดเป็นตัวตัดสินว่าดัชนีจะเดินขึ้นไปได้อีกหรือไม่..."โมนิก้า" ถึงต้องขอร้องคุณท่านหลานเธออย่าได้ทำตัวเป็นกระต่ายตื่นตูม เพียงแค่เห็นดัชนีโอนเอไปมาดั่งสนต้องลม
*เนื่องจากเดี๊ยนเห็นอาการร้อนรนของบรรดารายย่อยที่เร่งปล่อยของกันออกมาบานตระไท ก่อนจะย้อนกลับเข้ามาซื้อหุ้นโดยไม่สนใจใยดี...งานนี้หารู้ไม่ว่าเสียของชัดๆ เพราะการที่ดัชนีอ่อนตัวลงสัปดาห์ก่อน "โมนิก้า" เพ่งพินิจอย่างถี่ถ้วนแล้ว น่าเป็นการพักฐานเพื่อเอาแรงมากกว่านะค่ะ
*ยิ่งได้รับแรงหนุนต่างชาติเดินหน้าซื้อกันไม่หยุดอย่างนี้ รับรองหุ้นยังไงก็มีทิศทางที่ดูดีอยู่ "โมนิก้า" ถึงต้องออกมาย้ำว่าจุดเปลี่ยนสำคัญในรอบนี้ยังอยู่ที่ระดับ 700 จุดเหมือนเดิมทุกประการ...หากไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงไปจากที่คาดคิดไว้ รับรองว่าคนที่ตุนหุ้นราคาถูกไว้เยอะ รับทรัพย์กันกระเป๋าตุงแน่นอนเจ้าค่ะ
*ก่อนจะวกเข้าไปหาหุ้นแกนหลักของตลาดฯ "โมนิก้า" ขอพูดหุ้น EVER ให้ซาบซึ้งใจอีกทีเถอะค่ะ...เพราะเดี๊ยนรู้สึกสะอิดสะเอียนกับพฤติกรรมตอ... ที่กระทำกับนักลงทุนรายย่อยในคราวนี้ มันเกินที่จะทนไว้นะซี
*ยิ่งก่อนหน้านี้เห็นราคาหุ้นในกระดานพุ่งพรวดขึ้นมาถึงระดับ 1.77 บาท พร้อมด้วยวอลุ่มที่แน่นขนัด ยิ่งทำให้เดี๊ยนรู้สึกเป็นกังวลต่อความปลอดภัยของทรัพย์เงินทองที่นักลงทุนหน้ามืดตามัวหลงผิดเข้าไปซื้อหุ้นตัวนี้...เพราะของมันรู้ๆ กันอยู่ว่า การเทขายหุ้นออกมาเป็นจำนวนของผู้ถือหุ้นใหญ่ก่อนหน้านี้ แสดงเจตจำนงค์ที่ชัดเจนว่า ต้องการได้กำไรจากการขายหุ้น และตอนนี้กำลังต้องการได้หุ้นราคาถูก พะยะค่ะ
*เหตุไฉน...คุณๆ ท่านๆ ต้องเอาตัวเข้าไปเสี่ยงด้วยหล่ะค่ะ..."โมนิก้า" พูดแบบนี้ เพราะต้องการเตือนสตินักลงทุน เพราะเท่าที่เห็นท่าทีของตลาดหลักทรัพย์ฯ ที่มีต่อหุ้นตัวนี้ คงไม่มีอะไรมากกว่ามุมมองของนักวิชาการที่ต้องว่ากันด้วยหลักการล้วนๆ ซึ่งไม่ก่อให้เกิดประโยชน์อะไรแม้แต่นิดเดียว
*ผิดกับในรายของ ATC ราคาหุ้นกวัดแกว่งไปมาในลักษณะ side way up ตลอดทั้งสัปดาห์ ถือเป็นตัวเลือกอันดับแรกสำหรับนักลงทุนที่ไม่รู้จะเข้าซื้อหุ้นตัวไหนเพิ่มเติม"โมนิก้า" ถึงต้องออกมากำชับอีกหนว่า ถ้ามีเงินเย็นแช่ไว้ในกระเป๋าเยอะ ก็ลองเจียดเงินมาซื้อหุ้นตัวนี้สักนิดหน่อยก้ได้นะค่ะ
*ส่วนหุ้นพลังงานก่อนหน้านี้อาจเป็นหุ้นต้องห้ามของใครหลายคน แต่อาการที่แสดงออกมาในรอบหนึ่งสัปดาห์ 1 สัปดาห์เต็มๆ สื่อให้รู้ว่า นักลงทุนเริ่มมีความมั่นใจในหุ้นกลุ่มนี้เพิ่มขึ้นการเข้าซื้อหุ้นเพิ่มเติมในช่วงนี้ จึงไม่ควรรีอรออะไรทั้งสิ้น และไม่ต้องพิจารณาองค์ประกอบอื่นๆ ให้เสียเวลาเจ้าค่ะ
*โดยเฉพาะ PTT และ PTTEP ปักหลักต้านทานแรงเทขายได้อย่างแข็งแกร่งตลอดทั้งสัปดาห์ แสดงว่าแนวรับนี้เป็นแนวรับที่แข็งแกร่ง...งานนี้ถือเป็นจุดวัดใจว่าจะซื้อหรือไม่อย่างแท้จริง หากถามใจเดี๊ยนหล่ะก้อ ขอแนะนำให้ทยอยเก็บจะเป็นการดีที่สุด เพราะกองทุนในประเทศยังกอดหุ้นตัวนี้แน่นเจ้าค่ะ
*ในรายของ TOP พอมีสตอรี่เกื้อหนุนเข้ามานิดหน่อย ราคาหุ้นถึงกับพุ่งปรี๊ดเป็นจรวด "โมนิก้า" ถือเป็นเรื่องปกติของหุ้นที่มีข่าวดีเข้ามาเสริมเติมแต่ง เพราะของแบบนี้เขาว่ากันว่า ใครเร็วกว่าได้...ดังนั้นราคาหุ้นทะยานขึ้นมาปิดแถว 62.50 บาท บวกไป 2.00บาท ถือเป็นเรื่องปกติจริงๆ นะจะบอกให้
*มาที่หุ้นแบงก์กันบ้าง เพราะช่วงนี้โผล่หน้าโผล่ตามาให้เห็นบ่อยเหลือเกิน ล่าสุด"โมนิก้า" ลองสังเกตสัญญาณทางเทคนิคกลุ่มนี้มากับตา และได้คำตอบยืนยันว่ามีทิศทางสวยหรูเช่นเดิม ใครคิดจะหันหน้าหนีหุ้นแบงก์ตอนนี้เปลี่ยนใจใหม่โดยด่วน โดยเฉพาะในรายของSCB KBANK และ SCIB ทยอยซื้อได้ทั้งนั้น
*น่าประหลาดใจที่สุดกลับเป็นในรายของหุ้นไฟแนนซ์ที่สลับกันบวกไปอย่างน่าสงสัยครั้งนี้เป็นคิวของ SSEC กระชากขึ้นไปถึง 0.709% ก่อนจะมาปิดที่ระดับ 1.42 บาทเพียงแค่เอาข่าวเรื่องการควบรวม KEST มาเล่นแบบนี้..."โมนิก้า" ไม่ว่าอะไรหรอกค่ะ เพราะถือเป็นข่าวดีสำหรับตัวหุ้นและตัวบริษัท เพียงแต่ข่าวประเภทนี้มักจะทำให้ราคาหุ้นขึ้นได้เพียงประเดี๋ยวประด๋าวเท่านั้นเอง
*แถมมีกูรูบางคนบอกว่า ขืนควบรวมกันตอนนี้ก็มีแต่ตายกับตาย เพราะต้องแบกรับต้นทุนพนักงานเพิ่มขึ้น ในขณะที่รายได้เท่าเดิม มันเป็นเหตุผลที่ฟังแล้วรู้สึกหดหู่ใจเป็นอย่างมากเจ้าค่ะ