November 1, 2024   7:00:29 AM ICT
เว็บบอร์ด > ห้องข่าว > กระซิบ
 

Puu
สมาชิก

จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 476
วันที่: 18/04/2007 @ 13:58:48
คุณชอบกระทู้นี้หรือไม่

ผลการโหวต
ชอบ
0.00%
0 คน

ไม่ชอบ
0.00%
0 คน

SET Index วันอังคารที่ 17 เมษายน 2550 ปิดที่ดัชนี 695.03 จุด +2.57 จุด มูลค่าการซื้อขาย 9,392 ล้านบาท นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 299.51 ล้านบาท นักลงทุนสถาบันซื้อสุทธิ 550.45 ล้านบาท นักลงทุนทั่วไปขายสุทธิ 250.94 ล้านบาท SET Index ทำ High ที่ระดับ 696.24 จุด +3.78 จุด และ Low ที่ระดับ 693.09 จุด +0.63จุด การเปิดทำการหลังหยุดยาวมาหลายวันซึ่งตลาดภูมิภาคโดยรวมหลายตลาดต่างปรับตัวสูงขึ้นในช่วงที่เราปิดการซื้อขาย ทำให้ตลาดหุ้นไทยวานนี้เคลื่อนตัวในแดนบวกได้ตลอดการซื้อขายแต่ยังคงแกว่งตัวเพียงในกรอบแคบ ๆ ทั้งมูลค่าการซื้อขายที่เข้ามายังคงไม่มากเท่าไหร่ แต่ตลาดยังคงมีแรงซื้อเข้ามามากในหุ้นกลุ่มธนาคาร อสังหาริมทรัพย์ และขนส่ง โดยหุ้นพลังงานปรับตัวลงเล็กน้อย ทั้งหุ้นเล็กกลุ่มยอดนิยมในการเก็งกำไรก็มีเข้ามาให้นักลงทุนที่กลับมาทำงานตรงเวลาได้เฮกันเป็นระยะๆ ไม่เงียบเหงาดั่งสัปดาห์ที่พึ่งจะผ่านไปซึ่งระยะนี้มีเม็ดเงินไหลเข้ามาในตลาดหุ้นภูมิภาคเอเชียก็จะทำให้ตลาดหุ้นไทยปรับขึ้นได้อีกโดยมีแนวต้านสำคัญอยู่ที่ดัชนี 698-700 จุด

** HEMRAJ ราคาเปิด 0.92 บาท ราคาปิด 0.93 บาท มูลค่าการซื้อขาย 22.65 ล้านบาท HEMRAJ มียอดขายเพิ่มขึ้น เนื่องจากแนวโน้มยอดขายนิคมใน 1H50 ดีกว่าคาดเป็นประมาณ 500 ไร่ เมื่อเทียบกับประมาณการยอดขายเดิมทั้งปีที่ 600 ไร่ จึงได้มีการปรับยอดขายทั้งปีขึ้นเป็น 725 ไร่ แม้ว่าบริษัทจะมีการปรับเป้าการขายทั้งปีเป็น 850 ไร่ก็ตาม อีกทั้งราคาขายเฉลี่ยต่อไร่ก็ได้มีการปรับขึ้นเป็น 2.2 ล้านบาทต่อไร่
จากเดิมที่ 1.7 ล้านบาทต่อไร่ ทำให้อัตราการเติบโตของกำไรปกติปี 50 นับว่าโดดเด่น แต่กำไรสุทธิเพิ่มขึ้น 11% y-o-y ก็เพราะฐานปี 49 มีกำไรจากรายการพิเศษ ส่วนกำไรปกติและกำไรสุทธิปี 51 กลับลดลง 30% y-o-y เนื่องจากการรับรู้รายได้จากคอนโดมิเนียม ?The Park? เหลือไม่มากแล้ว K.KRAZIP มองว่าราคาพื้นฐานปรับเพิ่มขึ้นเป็น 1.15 บาท อันเป็นผลจากการปรับกำไรปกติปี 50 เพิ่มขึ้นด้วย ส่วนคาดการณ์อัตราผลตอบแทนเงินปันผลปี 50 สูงเป็น 7.9% หากเปรียบเทียบอัตราการเติบโตของกำไรปกติปี 50 แล้ว ถือว่าสูงที่สุดในนิคมอุตสาหกรรม นอกจากนี้ P/E ปี 50 ก็ซื้อขายถูกที่สุดในหมวดด้วย แนะนำ "ซื้อ" โดยมีโดยมีแนวรับที่ 0.91 บาท แนวต้าน 0.98 บาท

** TRUE ราคาเปิด 5.70 บาท ราคาปิด5.85บาท มูลค่าการซื้อขาย 69.78 ล้านบาท จากการรายงานข่าวของ ทริสฯ ประกาศคงอันดับเครดิตองค์กรและหุ้นกู้มีประกันของ TRUE ที่ระดับ ?BBB? และคงอันดับเครดิตหุ้นกู้ที่มีการค้ำประกันบางส่วนที่ระดับ ?A? และเปลี่ยนแนวโน้มอันดับเครดิตเป็น ?คงที่? จาก ?บวก?
ซึ่งอันดับเครดิตจะสะท้อนถึงฐานะทางการตลาดของบริษัทที่แข็งแกร่งจากการเป็นผู้นำในบริการโทรคมนาคมแบบครบวงจรในประเทศไทย รวมถึงโอกาสในการเติบโตของธุรกิจสื่อสารข้อมูลและโทรศัพท์เคลื่อนที่ของบริษัท และคณะผู้บริหารที่มีความเชี่ยวชาญ แนวโน้มการเติบโตในธุรกิจสื่อสารข้อมูลน่าจะช่วยชดเชยรายได้ในส่วนโทรศัพท์พื้นฐานที่ลดลงได้ ขณะเดียวกันทรูมูฟ ได้หยุดจ่ายค่าเอซีเป็นเวลานาน 5 เดือนแล้ว
ที่ผ่านมาทรูมูฟประมาณเดือนละ500 ล้านบาท ซึ่งทำให้ TRUE ลดค่าใช้จ่ายส่วนนี้ลงไปอีก ดังนั้น K.KRAZIP แนะนำ "ถือ" โดยมีแนวรับที่ 5.70 บาท แนวต้าน 6.10 บาท

** UMS ราคาเปิด - ปิด19.70 บาท มูลค่าการซื้อขาย 1.16 ล้านบาท UMS ได้แจ้งอนุมัติการเปลี่ยนแปลงมูลค่าหุ้นของUMSจากเดิมมูลค่าหุ้นละ 1 บาทเป็นมูลค่าหุ้นละ 0.50 บาท และอนุมัติให้แก้ไขเพิ่มเติมหนังสือบริคณห์สนธิข้อ4. เพื่อให้สอดคล้องกับการเปลี่ยนแปลงมูลค่าหุ้น จากทุนจดทะเบียน 70ล้านบาท
ทุนชำระแล้ว 70 ล้านบาท แบ่งออกเป็น 140ล้านหุ้น มูลค่าหุ้นละ 0.50 บาท สำหรับการเปลี่ยนแปลงมูลค่าหุ้นมีวัตถุประสงค์เพื่อเพิ่มสภาพคล่องในการซื้อขายหุ้นของUMS ส่วนการจ่ายเงินปันผลประจำปี 2549 ที่ผ่านมา ในอัตราหุ้นละ 1.50 บาท ถือว่าเป็นการจ่ายเงินปันผลที่สูงพอสมควร ดังนั้น K.KRAZIP มองว่าหากราคาขึ้นมาแรง แนะนำ "ขายทำกำไร" ก่อนค่อยหาจังหวะเข้ารับซื้อ โดยมีแนวรับที่ 19.40 บาท แนวต้าน 19.90 บาท

** PTT ราคาเปิด - ปิด 216บาท มูลค่าการซื้อขาย602.89 ล้านบาท คาดการณ์ว่าปริมาณผลิตปิโตรเลียมในไตรมาส 1/50 ของ PTTEP น่าจะอยู่ในระดับที่ใกล้เคียงไตรมาส 4/49 และ มองว่าโครงการ M9
ซึ่งจะถูกพัฒนาเพื่อผลิตปิโตรเลียมในเชิงพาณิชย์ให้ทันในอีก 5 ปีข้างหน้า จะสอดคล้องกับแผน
ที่ระบุว่าจะมีกำลังการผลิตของโรงไฟฟ้าใหม่ที่ใช้ก๊าซธรรมชาติเป็นเชื้อเพลิงเพิ่มขึ้น ทำให้มองว่าแหล่งปิโตรเลียมนี้จะมีปริมาณสำรองปิโตรเลียมสูแม้ว่ากำไรปกติ ของ PTT ในปี 50 มีแนวโน้มลดลงจากค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานที่เพิ่มขึ้น แต่ส่วนใหญ่มาจากโครงการสำรวจและพัฒนาเพื่อเตรียมการผลิตในอนาคต จะกลับมาเติบโตอีกครั้ง และจากที่มีข่าวออกมาว่า PTT ได้รับคัดเลือกให้เป็นผู้ชนะประมูลซื้อสถานีบริการน้ำมันJET ทั่วประเทศ การที่ PTT เข้าประมูลซื้อ JET ได้ดังกล่าว เป็นการหนุนให้รายได้ของ PTT เพิ่มขึ้นอีกด้วย ทั้งนี้การเข้าซื้อ JET ของ PTT ถือเป็นการตอกย้ำว่า PTT เป็นผู้นำในสถานีบริการน้ำมันที่ให้บริการครอบคลุมทั่วประเทศมากขึ้น เป็นข่าวด้านบวกสำหรับนักลงทุนและตัวบริษัทเองก็น่าจะมีความเข้มแข็งมากกว่าเดิมขึ้นอีก ดังนั้น K.KRAZIPจึงแนะนำ "ซื้อ" เนื่องจากธุรกิจแข็งแกร่ง และผลประกอบการขยายตัวได้ดีต่อเนื่อง โดยมีแนวรับที่ 212 บาท แนวต้าน 220บาท

ที่มา ทันหุ้น[/color:bd2ac9d885">

 กลับขึ้นบน

 
 

Copy Right © 2009-2012 © Thaihoon.Com