konthai สมาชิก
จังหวัด: กรุงเทพมหานคร โพสต์: 55 | วันที่: 11/05/2007 @ 09:59:17 คุณชอบกระทู้นี้หรือไม่ ผลการโหวต PTTEP มีความน่าสนใจ เนื่องจากระยะสั้นคาดว่าผลประกอบการไตรมาส 2 จะดีต่อเนื่อง เพราะราคาน้ำมันดิบดูไบเฉลี่ย ตั้งแต่ต้นไตรมาส 2 จนถึงปัจจุบันอยู่ที่ระดับประมาณ 64 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรลเพิ่มขึ้น 15 % เมื่อเทียบกับไตรมาสที่ผ่านมา แต่ลดลง1.3% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ขณะที่ระยะยาว ปริมาณการขายก๊าซที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้นโดยเฉลี่ยปีละ 9.4 % ในระหว่างปี 2549-2553 ซึ่งช่วยสนับสนุนกำไรในระยะยาว
ส่วน TOP ยังคงให้น้ำหนักสำหรับการลงทุนระยะสั้น จากคาดการณ์ที่ว่ากำไรไตรมาส1 ดีขึ้น โดยมีสาเหตุมาจากค่าการกลั่นดีขึ้น และค่าการกลั่นยังมีแนวโน้มดีไปถึงไตรมาส 2ขณะที่ระยะยาวคาดว่ากำไรสุทธิต่อหุ้นจะเพิ่มขึ้น 27 % โดยได้รับบสนุนจากการขยายกำลังผลิตในธุรกิจโรงกลั่น และธุรกิจอะโมเมติกส์
ทางด้านหุ้น BAFS คาดว่ากำไรสุทธิไตรมาส 1 ของปีนี้จะเพิ่มขึ้นมาก เนื่องจากปริมาณบริการเติมน้ำมันจำนวนมาก ที่เพิ่มขึ้น 7 % เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน และเพิ่มขึ้น 4 % เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อน
สำหรับ PTT คาดว่าคาดศาลปกครองสูงสุดมีคำพิพากษาตัดสินด้านบวกเกี่ยวกับคดีแปรรูป ภายในเดือนมิ.ย. -ก.ค. หรืออย่างช้าไม่เกินก.ย. รวมทั้งจะได้รับประโยชน์จากการรวมกิจของบริษัทย่อย ATC และ RRC
ส่วนอุตสาหกรรมที่ให้เลี่ยงลงทุน คือ กลุ่มพาณิชย์ ที่จะมีผลมาจากคนใช้จ่ายบริโภคน้อยลง ด้านธุรกิจหลักทรัพย์ปี 2550 ถือเป็นปีที่ย่ำแย่ เนื่องจากมูลค่าการซื้อขายตั้งแต่ต้นปีมีจำนวนเฉลี่ยอยู่ที่ 1.2 หมื่นล้านบาทต่อวัน และไม่คิดว่าจะมีปาฏิหาริย์เกิดขึ้นก่อนที่จะมีการกำหนดวันเลือกตั้ง
ด้านกลุ่มธนาคารถือเป็นอีกกลุ่มที่ต้องเฝ้าระวัง เนื่องจาก ส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยสุทธิลดลง ส่งผลกระทบด้านลบ และสุดท้ายกลุ่มไอซีที ยังไม่น่าจะมีความชัดเจนใดๆ จนกว่าจะมีการจัดตั้งรัฐบาลชุดใหม่ จึงต้องระวังการขายทำกำไรระยะสั้น
ขณะที่ภาพรวมแนวโน้มคตลาดหุ้น ดัชนีน่าจะปรับเพิ่มขึ้นได้ในช่วงเวลาที่เหลือของปี 50แต่เนื่องจากอุณหภูมิทางการเมืองกำลังร้อนแรงมากขึ้น ทำให้สถานการณ์ที่มีความสำคัญมีแนวโน้มที่จะเข้าใกล้จุดระเบิด ซึ่งอาจจะส่งผลทำให้ตลาดเกิดการพักฐานจนกว่าเหตุการณ์จะคลี่คลายลง
"มี 3 ปัจจัยที่จะช่วยกระตุ้นตลาดปรับขึ้นได้ระยะสั้น คือ ต่างชาติซื้อสุทธิตั้งแต่ต้นปีถึงปัจจุบัน ขณะที่แนวต้านทางเทคนิคที่แข็งแกร่งอยู่ที่ 720 จุด และแรงซื้อหุ้นธนาคารกำลังสูญเสียโมเมนตัม เพราะงบไตรมาส 1 ต่ำกว่าคาดเล็กน้อย แต่หุ้นพลังงานเป็นเกราะป้องกันที่ดี"นายอดิพงษ์ กล่าว
ส่วนปัจจัยสนับสนุนสำคัญที่จะส่งผลดีกับตลาดงวดครึ่งแรกหลัง ได้แก่ การผ่อนปรนมาตรการควบคุมเงินทุนนำเข้าระยะสั้น การใช้นโยบายดอกเบี้ยที่ผ่อนคลายลง การคาดการณ์ว่ากำไรของตลาดหุ้นไทยจะขยายตัวเพิ่มมากขึ้น เมื่อเทียบกับตลาดอื่นๆ ในภูมิภาค ความคืบหน้าที่ดีในด้านของการเมืองและเลือกตั้ง และความเสี่ยงด้านความปลอดภัยลดน้อยลง
|