kaisel สมาชิก
 จังหวัด: กรุงเทพมหานคร โพสต์: 3,380 |  วันที่: 26/09/2007 @ 22:55:52 คุณชอบกระทู้นี้หรือไม่ ผลการโหวต ตลาดเงินตลาดทุนทั่วโลกรวมทั้งประเทศไทยเองนั้น มีความไม่แน่นอนเป็นเรื่องปกติ ในช่วงที่ผ่านมาตลาดเงินตลาดทุนทั่วโลก ก็ผ่านวิกฤติมานับครั้งไม่ถ้วน ซึ่งในวิกฤตินั้นย่อมมีโอกาสอยู่เสมอไม่ยกเว้นวิกฤติซับไพร์มในครั้งนี้
เกี่ยวกับเรื่องนี้ "ดร.สมจินต์ ศรไพศาล" กรรมการผู้จัดการ บลจ.วรรณ มองว่า วิกฤติซับไพร์มก็ทำให้เกิดโอกาสในการลงทุน แต่ก็เป็นช่วงที่ตลาดมีความผันผวนสูงด้วยเช่น เพราะฉะนั้นหลักการของความระมัดระวังนักลงทุนก็ยังคงต้องยึดอยู่
โดยแนวของการลงทุนที่น่าสนใจคือแนวของการออม ซึ่งเป็นการทยอยลงทุนไปเรื่อยๆ แบบสม่ำเสมอ อย่างกองทุนเปิดไทยเด็กซ์เซ็ท 50 อีทีเอฟ (TDEX) เองก็ได้รับอานิสงส์จากวิกฤติซับไพร์มเช่นเดียวกัน เพราะทำให้นักลงทุนที่ลงทุนช่วงไอพีโอได้เข้าลงทุนด้วยต้นทุนที่ถูกลงจากปลายเดือน ก.ค.ที่ดัชนีหุ้นไทยขึ้นไปพีคเกือบ 900 จุด เมื่อเจอวิกฤติซับไพร์มดัชนีก็ปรับตัวลงมาค่อนข้างมากในช่วงเดือน ส.ค. นี่เป็นหลักการพื้นฐานว่าในวิกฤติมีโอกาสเสมอ
ในที่สุดแล้วนักลงทุนคงต้องดูทั้ง 2 เรื่อง คือ 1) ตัวปัจจัยพื้นฐานของสินทรัพย์ที่เราจะไปลงทุน ขณะนี้ตัวอุตสาหกรรมนั้นๆ เป็นอุตสาหกรรมที่น่าจะเติบโตดีมีกำไรหรือไม่ 2) มูลค่าที่แท้จริง เช่น ราคาเป็นกี่เท่าของความสามารถในการทำกำไร อัตราเงินปันผลมีมากน้อยแค่ไหน
ส่วนใครที่จะออกไปลงทุนในต่างประเทศ คงต้องพิจารณาเพิ่มในเรื่องแนวโน้มของอัตราแลกเปลี่ยนด้วย และที่สำคัญคงเป็นเรื่องของการเปิดหูเปิดตาฟังข่าวคราวที่จะเปลี่ยนแปลงไปตลอดเวลา เพราะฉะนั้นถ้ามองดูแล้วเห็นโอกาสที่จะได้ผลตอบแทนที่ดีพอสมควร มีความเสี่ยงอยู่บ้างที่พอจะรับได้ก็ควรจะแบ่งเงินลงทุนอย่างมีสมดุล
"ในยามที่ความแน่นอนน้อยอาจจะยึดในส่วนของการลงทุนที่เราเข้าใจมากหน่อย แล้วลงในส่วนที่เราเข้าใจน้อยให้น้อยลงมาหน่อย สำหรับโลกของการลงทุนแล้วไม่มีอะไรที่แน่นอน ทุกปีเราเจอวิกฤติเกิดขึ้นอยู่ตลอดเวลา แล้วก็หลักการพื้นฐานคือการลงทุนอย่างสม่ำเสมอ เพราะการทยอยลงทุนก็มีข้อดีคือ ต้นทุนของเราก็จะค่อยๆ เฉลี่ยไปเรื่อยๆ การตัดสินใจของเราแต่ละครั้งก็จะเฉลี่ยไปในสภาพการณ์ที่ค่อนข้างดี"
การลงทุนอย่างสม่ำเสมอ น่าจะช่วยให้นักลงทุนกระจายความเสี่ยงไปในทุกสภาวการณ์และเป็นประโยชน์กับการลงทุนอย่างแท้จริง
:lol:
|