kaisel สมาชิก
จังหวัด: กรุงเทพมหานคร โพสต์: 3,380 | วันที่: 27/11/2007 @ 20:05:44 คุณชอบกระทู้นี้หรือไม่ ผลการโหวต MJD ไปไม่ถึงดวงดาว เทรดวันแรกราคา high 5.20 บาท เหนือจองเพียง 10.63% ก่อนจะย้วยลงอย่างต่อเนื่อง จนปิดการซื้อขายที่ 4.42 บาท ต่ำกว่าราคาจอง 5.95% ผู้บริหารระบุเป็นเพราะภาวะตลาดฯกดดัน เหตุวันนี้ดัชนีฯปรับลดลงต่อเนื่องตลอดทั้งวัน มั่นใจปัจจัยพื้นฐานเจ๋งมีโครงการใหม่ถึง 8 โครงการ ที่จะทยอยรับรู้รายได้อย่างต่อเนื่องไม่ทำให้นักลงทุนผิดหวัง ด้านวงการหวั่นกรณี MJD วันนี้ทำลายความมั่นใจแฟนหุ้น IPO อาจส่งผลกระทบต่อเนื่องไปยังหุ้นที่จะเข้าซื้อขายเป็นคิวต่อไป ด้านผู้บริหาร "บอดี้โกลฟ"ยืนยันแม้ MJD ปิดต่ำจองแต่เชื่อไม่กระเทือนซาง บอดี้โกลฟ เหตุมีจุดเด่นจูงใจนักลงทุน
ในที่สุด บมจ. เมเจอร์ ดีเวลลอปเม้นท์ (MJD) ซึ่งเข้าซื้อขายวานนี้เป็นวันแรก ก็ไปไม่ถึงดวงดาว เมื่อทำราคาได้ดีที่สุดเพียง 5.20 บาท หรือสูงกว่าราคาจองที่ 4.70 บาท เพียง 10.63% ในช่วงแรกๆ ของการซื้อขาย โดยในช่วงเปิดการซื้อขายภาคเช้าวานนี้ ผู้สื่อข่าวรายงานความเคลื่อนไหวราคาหุ้น บมจ. เมเจอร์ ดีเวลลอปเม้นท์ (MJD) ซึ่งเข้าซื้อขายวันนี้เป็นวันแรก ปรากฎว่าราคาหุ้นเปิดการซื้อขายที่ระดับ 5.10 บาท จากราคาจอง 4.70 บาท จากนั้นมีแรงซื้อเข้ามาดันให้ราคาหุ้นปรับตัวขึ้นแตะจุดสูงสุดที่ 5.20 บาท ก่อนจะเกิดแรงขายออกมาค่อนข้างมากจนปิดการซื้อขายภาคเช้าที่ระดับ 4.76 บาท สูงกว่าราคาจองเพียง 0.06 บาท
อย่างไรก็ตาม ในช่วงบ่ายแรงเทขายหุ้นยังมีออกมาอย่างต่อเนื่อง ส่งผลการซื้อขายภาคบ่ายผ่านไปเพียงไม่ถึง 30 นาทีราคาหุ้นก็ปรับลดลงต่ำกว่าราคาจองเมื่อเวลา 14.55 น. โดยลดลงมาอยู่ที่ระดับ 4.68 บาท จากนั้นราคาได้ร่วงลงแตะระดับต่ำสุดที่ 4.40 บาท ก่อนจะปิดการซื้อขายที่ 4.42 บาท ต่ำกว่าราคาจอง 5.95% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 896.36 ล้านบาท
- บิ๊กล็อตไม่ช่วยอะไร ระบุภาวะตลาดทำหุ้นต่ำจอง
ทั้งนี้ ในช่วงที่ตลาดฯปิดทำการซื้อขายไปแล้ว (16.31) มีรายงานข่าวจากตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศ (ตลท.) แจ้งว่า มีการซื้อขายรายการใหญ่หุ้น MJD จำนวน 1.7 ล้านหุ้น ที่ราคาหุ้นละ 5.15 บาท มูลค่ารวม 8.755 ล้านบาท ซึ่งถือเป็นราคาที่สูงกว่าราคากระดาน เนื่องจากในช่วงเวลาดังกล่าวราคาหุ้น MJD อยู่ที่ 4.46 บาท ต่ำกว่าราคาจอง 0.24 บาท แต่การโยนหุ้นผ่านกระดานบิ๊กล็อตดังกล่าว ไม่ได้ช่วยทำให้ราคาหุ้นที่ซื้อชขายบนกระดานดีขึ้นมาได้ แม้ว่าก่อนหน้านั้น ผู้บริหารยังมั่นใจว่า ราคาหุ้นจะปิดเหนือราคาจองได้
โดยนายสุริยา พูลวรลักษณ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เมเจอร์ ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) (MJD) เปิดเผยในรายการ ขุนศึกตลาดหุ้น ทาง www.eFinRadio.com ว่าในช่วงเวลาประมาณ 15.00 น. รู้สึกดีใจที่ราคาหุ้น MJD สามารถยืนเหนือราคาจองได้ในช่วงเปิดการซื้อขาย แม้ว่าภาวะตลาดจะผันผวน ซึ่งทำให้ราคาหุ้นลดต่ำลงกว่าราคาจอง
อย่างไรก็ตามเชื่อว่าราคาหุ้น MJD จะสามารถยืนเหนือจองได้ ในช่วงปิดการซื้อขาย เนื่องจากการตั้งราคาไอพีโอ 4.70 บาท เป็นราคาที่มีส่วนลด ประกอบกับ P/E ของบริษัทถือว่าในระดับต่ำ โดยค่า P/E ในปีหน้าอยู่เพียง 8-9 เท่า ดังนั้นขอให้นักลงทุนมั่นใจพื้นฐานของบริษัท โดยมีโครงการใหม่ถึง 8 โครงการ ที่จะทยอยรับรู้รายได้อย่างต่อเนื่อง
โดย เวลาประมาณ 15.48 น. (27 พ.ย.) ราคาหุ้น MJD อยู่ที่ 4.58 บาท มูลค่าการซื้อขาย 742.02 ล้านบาท ขณะที่ดัชนีฯอยู่ที่ 823.76 จุด ลดลง 8.92 จุด
ด้านนายไพบูลย์ นลินทรางกูร กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์ ทิสโก้ จำกัด ในฐานะผู้จัดจำหน่ายหลักทรัพย์และรับประกันการจัดจำหน่าย บริษัท เมเจอร์
ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) หรือ MJD กล่าวว่า หากดัชนีดาวโจนส์ไม่ปรับตัวลดลงแรง เชื่อว่าการเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์วันแรกของ MJD จะได้รับความสนใจจากนักลงทุนอย่างมากและดันให้ราคาปรับเพิ่มขึ้นมากกว่าราคาซื้อขายปัจจุบันอย่างแน่นอน เนื่องจาก MJD เป็นธุรกิจที่มีพื้นฐานแข็งแกร่ง และราคาไอพีโอมีส่วนลดให้กับนักลงทุนถึง 30% ขณะที่ราคาเป้าหมายในปีนี้ที่ประเมินไว้ตามพื้นฐานอยู่สูงถึง 6 บาท
ทั้งนี้ ไม่ต้องการให้หุ้น MJD เคลื่อนไหวอย่างหวือหวา แต่ต้องการให้เป็นหุ้นบลูชิพที่นักลงทุนสถาบันให้ความสนใจและมีการเคลื่อนไหวของราคาหุ้นสอดคล้องกับพื้นฐานการดำเนินงานของบริษัทฯ
ไม่ต้องการให้หุ้น MJD ปรับเพิ่มขึ้น 100% เหมือนหุ้นก่อนหน้านี้ เพราะราคาไอพีโอที่ตั้งสมเหตุสมผล อยากเห็นหุ้น MJD เป็นหุ้นสถาบัน เพราะการกระจายหุ้น 200 ล้านหุ้นกระจายให้กับนักลงทุนสถาบันถึง 42% คิดเป็นประมาณ 85 ล้านหุ้น และนักลงทุนสถาบันก็มีความต้องการเพิ่มเข้ามาถึงกว่า 6 เท่า ซึ่งส่วนใหญ่เป็นนักลงทุนในประเทศ และ P/E ของ MJD อยู่ที่ 6 เท่ายังต่ำกว่ากลุ่มอสังหาฯ ที่มี P/E 10 เท่า นายไพบูลย์ กล่าว
- ไม่หวั่นหุ้นต่ำจองยันธุรกิจยังเติบโตดี
นายสุริยน พูลวรลักษณ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เมเจอร์ ดี เวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) หรือ MJD กล่าวต่อถึง กรณีราคาหุ้น MJD ที่ปรับลงต่ำกว่าราคาจองที่ 4.70 บาท/หุ้นว่า ไม่สู้สึกกังวลกับลราคาหุ้นต่ำจอง เนื่องจากพื้นฐานของธุรกิจยังแข็งแกร่ง มียอดขายจากโครงการอสังหาริมทรัพย์รอรับรู้รายได้อย่างต่อเนื่อง
ผมไม่ซีเรียสกับเรื่องราคาเฟิร์สเดย์เทรด ซึ่งถ้าดูพื้นฐานเราแข็งแกร่งและมั่นใจผลประกอบการปีนี้และปีหน้าเป็นไปตามเป้า นายสุริยน กล่าว
สำหรับผลประกอบการปีนี้คาดว่ารายได้ในปีนี้น่าจะใกล้เคียงกับปีก่อนที่ทำได้ 1.6 พันล้านบาท แต่อย่างไรก็ตามมองว่าในปีหน้ารายได้จะเติบโตก้าวกระโดด เนื่องจากในปีหน้าบริษัทฯจะรับรู้รายได้ 5 โครงการ ที่เปิดตัวในปีนี้ คือ โครงการวอเตอร์มาร์ค เจ้าพระยาริเวอร์ ทาวเวอร์ บี ,โครงการวินด์ สุขุมวิท 23 ,โครงการวินด์ รัชโยธิน ,โครงการอกัสตัน สุขุมวิท 22 และโครงการมิคโคนอส หัวหิน ซึ่งมีมูลค่ารวม 5 โครงการอยู่ที่ 7,000 ล้านบาท โดยโครงการดังกล่าวจะทยอยรับรู้หมดภายใน 1-2 ปี
- วงการหวั่นทำแฟนหุ้น IPO หวั่นไหว
แหล่งข่าวจากวงการหลักทรัพย์กล่าวว่า การที่ MJD ปิดการซื้อขายที่ราคาต่ำจองวันนี้ อาจทำให้นักลงทุนที่เป็นแฟนหุ้น IPO พิจารณาลงทุนมากขึ้นกว่าเดิม เพราะทำให้ไม่มั่นใจเหมือนเดิมว่าหุ้นทุกตัวจะวิ่งเหนือจองเหมือนช่วงก่อนหน้านี้ได้ ซึ่งอาจจะกระทบจิตวิทยาการลงทุนในหุ้น IPO บ้าง แต่คงไม่มากนัก เพราะยังคงต้องพิจารณาปัจจัยพื้นฐานของบริษัท ตลอดจนที่ปรึกษษทางการเงินและอันเดอร์ไรท์ประกอบด้วย
"MJD ต่ำจองวันนี้ คงทำให้แฟนหุ้น IPO เสียศูนย์ไปพอสมควร เพราะก่อนหน้านี้ลงทุนได้อย่างมั่นใจว่าจับตัวไหนก็มีกำไร เพราะทุกตัวก็พื้นฐานดี และราคาก็มีส่วนลดให้เหมือนกัน ไล่มาตั้งแต่ TNDT-BWG-MILL แต่หลังจากนี้ก็คงต้องพิจารณาละเอียดรอบคอบขึ้น โดยเฉพาะเชื่อว่าถ้าราคาเริ่มอ่อนตัวลงก็คงมีแรงเทขายออกมาแน่ เพราะกลัวว่าจะเป็นแบบเดียวกับ MJD ที่ลงแล้วขึ้นไม่ไหวเลย" แหล่งข่าวกล่าว
- เซียนหุ้นเชื่อไม่กระทบ IPO ตัวอื่น
นักวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.นครหลวงไทย กล่าวถึง บมจ. เมเจอร์ ดีเวลลอปเม้นท์ (MJD) ซึ่งเข้าซื้อขายวันนี้เป็นวันแรก โดยมีราคาจอง 4.70 บาท แต่ปิดการซื้อขายที่ 4.42 บาท ว่า กรณีดังกล่าวไม่น่าจะส่งผลกระทบในเชิงลบให้กับไอพีโอตัวอื่นๆที่จะเข้าซื้อขายในช่วงหลังจากนี้ อย่างไรก็ตาม ราคาจะยืนเหนือจองได้หรือไม่นั้น ต้องพิจารณาจากผลประกอบการและราคาที่เหมาะสมด้วย โดยหาก MJD เข้าซื้อขายในปีหน้า ราคาหุ้นน่าจะยืนเหนือจองได้ จากผลประกอบการที่เติบโตขึ้น
ทั้งนี้ คาดการณ์รายได้ปีนี้อยู่ที่ 1,938 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิอยู่ที่ 273 ล้านบาท ซึ่งเติบโตเพียง 5% ปัจจัยดังกล่าวจึงอาจกดดันให้ราคาหุ้น MJD ไม่สามารถยืนเหนือจองได้ นอกจากนี้คาดการณ์ผลประกอบการในปี 2551 เติบโตต่อเนื่อง โดยคาดว่ารายได้ปีหน้าอยู่ที่ 3,726 ล้านบาท และกำไรสุทธิอยู่ที่ 511 ล้านบาท คิดเป็นเพิ่มขึ้น 87% เนื่องจากการโอนกรรมสิทธิ์ของโครงการวอเตอร์มาร์ค เจ้าพระยาริเวอร์ กลยุทธ์การลงทุน แนะนำซื้อ โดยประเมินราคาพื้นฐานอยู่ที่ 5.05 บาท
ด้านนักวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.กิมเอ็ง(ประเทศไทย) กล่าวว่า ราคา MJD ปิดการซื้อขายในวานนี้ที่ 4.42 บาท นั้น เป็นผลมาจาก ได้รับผลกระทบจากภาวะตลาดฯที่ปรับตัวลดลงอยู่แดนลบตลอดทั้งวัน จึงเป็นปัจจัยกดดันให้ราคา MJD ไม่สามารถยืนเหนือจองได้
ทั้งนี้ กรณีดังกล่าวประเมินว่าจะไม่ส่งผลกระทบต่อ IPO ตัวอื่นๆที่จะเข้าซื้อขาย ในโอกาสถัดไป เพราะการที่ราคาจะสามารถยืนเหนือจองได้หรือไม่นั้น ต้องขึ้นอยู่กับปัจจัยพื้นฐานว่าจะแข็งแกร่งหรือไม่และราคาจองเท่าใด
สำหรับผลการดำเนินงานในปีนี้จะมีรายได้ปีนี้อยู่ที่ 2,056 ล้านบาท และกำไรสุทธิปีนี้อยู่ที่ 264 ล้านบาท และคาดการณ์รายได้ปี 51 อยู่ที่ 3,879 ล้านบาท และกำไรสุทธิอยู่ที่ 539 ล้านบาท เนื่องจากมียอดรับรู้รายได้ในปีนี้เป็นจำนวนมาก ส่วนกลยุทธ์การลงทุน แนะซื้อเมื่อราคาลดลง 20% จากราคาพื้นฐานที่ 5.10 บาท
- "บอดี้โกลฟ" ไม่หวั่นเจอโมเมนตั้มต่ำจอง
นายนพดล ธรรมวัฒนะ ประธานกรรมการบริหาร บริษัทบอดี้ โกลฟ (ประเทศไทย)จำกัด (มหาชน) (BGT) เปิดเผยว่า บริษัทไม่รู้สึกวิตกกังวล สำหรับการเข้าซื้อขายวันแรกในตลาดเอ็มเอไอ วันที่ 11 ธันวาคมนี้ หลังจากที่หุ้นของ บมจ.เมเจอร์ ดีเวลลอปเมนท์ (MJD) ซึ่งเข้าซื้อขายวันแรกราคาลดลงไปต่ำกว่าราคาจอง เนื่องจากพื้นฐานและธรรมชาติของธุรกิจบริษัท และ MJD แตกต่างกัน อีกทั้งราคาหุ้นที่ต่ำจองของ MJD อาจเพราะนักลงทุนมีความกังวลปัญหาซับไพร์มในสหรัฐอเมริกาขณะนี้ จนส่งผลกระทบต่อการซื้อขาย
ผมไม่กลัว เพราะมั่นใจว่าพื้นฐานธุรกิจของเรามีศักยภาพ อีกทั้งบอดี้โกลฟยังถือเป็นแบรนด์แรก และแบรนด์เดียวที่มีในประเทศไทย และตอนนี้ก็เป็นแบรนด์ที่รู้จักในโลก และติดอันดับที่ 35 ของโลกด้วยเช่นกัน เพราะฉะนั้นเชื่อว่าหลังจากที่บอดี้โกลฟ เข้ามาแล้ว จากนี้น่าจะมีแบรนด์ของต่างประเทศอื่นๆตามเข้ามาในประเทศไทยอีกมาก นายนพดล กล่าว
ทั้งนี้หุ้นบอดี้โกลฟ มีราคาไอพีโอ ที่ 4.70 บาท โดยจะเข้าทำการซื้อขายหุ้นในตลาดเอ็มเอไอ จำนวน 20 ล้านหุ้น และขณะนี้หุ้นไอพีโอดังกล่าวก็สามารถขายหมดจำนวนแล้ว โดยวัตถุประสงค์ในการเพิ่มทุนครั้งนี้จะนำเงินที่ได้จากการระดมทุนจะนำไปใช้ขยายสาขาทั้งในและต่างประเทศ อีกประมาณ20-30 แห่ง ในปี 2551 แบ่งเป็นขยายสาขาในประเทศฟิลิปปินส์ 3 แห่ง
:lol:
|