November 1, 2024   6:53:42 AM ICT
เว็บบอร์ด > ห้องข่าว > กลยุทธ์เล่นหุ้นวันนี้
 

kaisel
สมาชิก

จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 3,380
วันที่: 09/01/2008 @ 10:43:09
คุณชอบกระทู้นี้หรือไม่

ผลการโหวต
ชอบ
0.00%
0 คน

ไม่ชอบ
0.00%
0 คน

ภาวะตลาดหุ้นรายวัน

ซื้อขายในกรอบแนวรับแนวต้าน
สัดส่วนการลงทุน : หุ้น 25% เงินสด 75%

KKS View : ?คาด SET เคลื่อนไหวกรอบ 802-812 จุด ซื้อขายในกรอบแนวรับแนวต้าน ได้แก่ PTT, PTTEP, TOP?

นักลงทุนตามปัจจัยพื้นฐาน
ระยะสั้น
- SAT คาดไตรมาส 4/50 กำไรสุทธิเพิ่มขึ้น 14% yoy เนื่องจากลูกค้าหลักของบริษัท (Mitsubishi, Toyota, AAT) ยังคงมียอดการส่งออกรถกระบะเพิ่มขึ้น โดยเพิ่มขึ้นกว่า 30% yoy ในงวด 11M50 เราคาดกำไรสุทธิปี 50 จะเพิ่มขึ้น 29% yoy และในปี 51 บริษัทมีแผนการขยายกำลังการผลิตเพิ่มขึ้นในส่วน Coil Spring และ Axle Shaft เพื่อรองรับคำสั่งซื้อที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้น คาดกำไรสุทธิปี 51 จะเพิ่มขึ้น 8% yoy ผลการดำเนินงานของบริษัทเติบโตดีกว่าอุตฯ ยานยนต์ แต่ราคาตลาดกลับซื้อขายกันที่ P/E 8X ต่ำกว่า P/E กลุ่ม AUTO ที่เคลื่อนไหวอยู่ที่ 10X มูลค่าพื้นฐานมี Up-side Gain กว่า 43% และคาดให้อัตราผลตอบแทนจากเงินปันผลปีละประมาณ 5% เราจึงคงคำแนะนำ ?ซื้อ? target ปี 51 = 20.56 บาท
- SCC คาดแนวโน้มผลประกอบการในระยะสั้นยังไม่เห็นการเติบโตด้วยสาเหตุจาก 1) ผลประกอบการยังคงรับผลกระทบจาก ราคาน้ำมัน และ Energy cost และ 2)ค่าเงินบาทที่แข็งค่าส่งผลกระทบต่อผลประกอบการ (การแข็งค่า1บาทต่อดอลลาร์ แนะนำ ? ซื้อลงทุน? โดยมีราคาที่เหมาะสม 262 บาท เนื่องจากยังคงมองบริษัทมีแนวโน้มการฟื้นตัวตามหลังการผลักดันงบประมาณใหม่ของภาครัฐ รวมถึงแนวโน้มระยะยาวมีการเติบโตจากการขยายกำลังการผลิตที่เพิ่มขึ้น

นักลงทุนตามปัจจัยเทคนิค
ระยะสั้น (1 วัน) : ซื้อเก็งกำไรที่แนวรับ DTAC (39.5-40.50 Stop loss 39.25), UPOIC (64.50-67 Stop loss 64.25)
ระยะกลาง (1/2 ? 1 เดือน) : ซื้อขายในกรอบแนวรับแนวต้าน PTT (324-336), PTTEP (145-152), TOP (78-82)
ระยะยาว (3 เดือน) : รอซื้อลงทุนรอบใหม่ PTT, SCC, BBL, ITD, LH, ASP

TFEX : S50H08 ?แนะนำ trading ในกรอบแนวรับแนวต้าน ช่วง 575-585 จุด?
กลยุทธ์ : ถ้า S50H08 > 592 = trading long, ในกรณีที่ S50H08 < 580 = trading short

วานนี้ SET ปิดบวก ด้วยมูลค่าการซื้อขายปานกลาง
ตลาดหุ้นไทยปรับตัวขึ้นเล็กน้อย หลังจากที่แกว่งตัวขึ้นลงแดนบวกสลับแดนลบในการซื้อขายช่วงบ่าย ทำให้ SET ปิดที่ 811.69 จุด เพิ่มขึ้น 3.38 จุด (+0.42%) ด้วยมูลค่าการซื้อขายจำนวน 15,660.49 ล้านบาท ในขณะที่นักลงทุนต่างประเทศขายสุทธิ จำนวน 2,433.43 ล้านบาท

แนวโน้มตลาดวันนี้
เราคาดการณ์ว่าตลาดหุ้นจะเคลื่อนไหวในช่วง 802-812 จุด เป็นแนวโน้มแกว่งตัวลบตามดาวโจนส์ที่ -238 จุด จากที่นักลงทุนยังกังวลในภาวะเศรษฐกิจที่อาจมีแนวโน้มชะลอตัว ทำให้การซื้อขายในวันนี้เป็นแกว่งตัวลบในช่วง 802-812 จุด ทำให้เราประเมินว่าดัชนีหุ้นไทยในวันนี้มีโอกาสที่จะแกว่งตัวลงต่อเนื่องทดสอบแนว 802-795 จุด
ด้านต่างชาติขายสุทธิในตลาดหุ้นไทย 2,433 ล้านบาท แสดงถึงต่างชาติยังเน้นขายหุ้นอยู่ ซึ่งอาจกินเวลาไปอีก ถึงสัปดาห์หน้าได้
ในแง่ของกลยุทธ์การลงทุน ในช่วงนี้เรามองว่าอาจให้เป็นซื้อขายช่วงแนวรับแนวต้านไปก่อนในกรอบ 802-812 จุด ในหุ้นกลุ่มหลัก เช่น PTT , PTTEP , TOP มองแนวรับของดัชนีที่ แนวรับระดับ 802 จุด ส่วนแนวต้านขายหุ้นอยู่ที่ 812 จุด สำหรับสัดส่วนการลงทุนระยะสั้นในช่วงนี้เป็นถือหุ้น 25% ถือเงินสด 75%

ปัจจัยที่ส่งผลต่อหุ้นวันนี้ :
(-) 1. ตลาดหุ้นสหรัฐวานนี้ปรับตัวลงหลังบริษัทเอทีแอนด์ทีเตือนเกี่ยวกับการใช้จ่ายที่ลดลงของผู้บริโภค ทำให้เกิดความวิตกรอบใหม่เกี่ยวกับภาวะถดถอยทางเศรษฐกิจ ส่งผลให้ดัชนีดาวโจนส์มาปิดที่ระดับ 12,589.07 จุด ลดลง 238.42 จุด (-1.86%) ขณะที่ตลาดหุ้นยุโรปปรับตัวขึ้นเล็กน้อยในกรอบแคบ 0.42-0.79 % ในวันที่ 9-10 ม.ค.51 ติดตามการประชุมธนาคารกลางยุโรป (ECB) และอังกฤษ (BOE) ปัจจุบันอัตราดอกเบี้ยของ ECB และ BOE อยู่ที่ระดับ 4% และ 5.5% ตามลำดับ
(-) 2 นักลงทุนต่างประเทศวานนี้ขายสุทธิต่อเนื่องเป็นวันที่ 5 ของปี 51 จำนวน 2,433.43 ล้านบาท ส่งผลให้ในปี 51 นักลงทุนต่างประเทศขายสุทธิรวม 12,902 ล้านบาท
(0) 3. ค่าเงินบาท On shore วานนี้ยังคงแข็งค่าในรอบ 6 เดือน และปิดที่ระดับ 33.27 บาทต่อดอลลาร์ ตามทิศทางตลาดเงินเอเชียที่ส่วนใหญ่แข็งค่าขึ้น โดยระหว่างวันเงินบาทเคลื่อนไหวกรอบ 33.26-33.33 บาทต่อดอลลาร์ ในขณะที่ ธปท. พยายามเข้าแทรกแซงด้วยการซื้อดอลลาร์
(0) 4. ค่าเงินเยน เช้านี้เคลื่อนไหวทรงตัวในกรอบ 108.81-109.02 เยนต่อดอลลาร์สหรัฐ
(+) 5. ราคาน้ำมันวานนี้ปรับตัวขึ้นหลังร่วงลง 3 วันติดต่อกัน โดยได้รับแรงหนุนจากความกังวลเรื่องเหตุการณ์รุนแรงในไนจีเรีย รวมทั้งราคาทองคำที่สูงเป็นประวัติการณ์ และการคาดการณ์ว่าสต็อกน้ำมันดิบอาจร่วงลงอีกครั้งในสัปดาห์ที่แล้ว ส่งผลให้ราคาน้ำมัน NYMEX ปรับขึ้น 1.24 ดอลลาร์ (+1.3%) ปิดที่ 96.33 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ส่วนราคาน้ำมันดิบเบรนท์ ปรับขึ้น 1.15 ดอลลาร์ (+1.22%) ปิดที่ 95.54 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
(0) 6. ค่าระวางเรือวานนี้ปรับตัวลงเล็กน้อยจำนวน 2 จุด มาปิดที่ระดับ 8,730 จุด
(0) 7. วานนี้ (8 ม.ค.) กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) อนุญาตให้ประกันตัวคุณหญิงพจมาน ชินวัตร ภริยา พ.ต.ท. ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ด้วยหลักทรัพย์จำนวน 1 ล้านบาทในคดีอาจเข้าข่ายฝ่าฝืน พ.ร.บ. หลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ เกี่ยวกับข้อมูลโครงสร้างผู้ถือหุ้น บมจ. เอสซี แอสเสท คอร์ปอเรชัน (SC)
(0) 8. การเมือง
- กกต. มีมติให้ใบแดงเพิ่มอีก 1 ใบ แก่ ส.ส. เขตเลือกตั้งที่ 1 จ. ปราจีนบุรี พรรคมัชฌิมาธิปไตย กรณีแจกเงินซื้อเสียง

Stocks Highlights

บทวิเคราะห์พื้นฐานวันนี้ : SAT ซื้อ (target ปี 51 ที่ 20.56 บาท), SCC ซื้อลงทุน (target ปี 51 ที่ 262 บาท)

Daily Stock (ติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมในบทวิเคราะห์ หัวข้อ Daily Stock)
SAT (คำแนะนำพื้นฐาน : ซื้อ)
Target : ปี 51 ที่ 20.56 บาท
Upside : 42.78%
SAT : คาดไตรมาส 4/50 กำไรสุทธิเพิ่มขึ้น 14% yoy เนื่องจากลูกค้าหลักของบริษัท (Mitsubishi, Toyota, AAT) ยังคงมียอดการส่งออกรถกระบะเพิ่มขึ้น โดยเพิ่มขึ้นกว่า 30% yoy ในงวด 11M50 และคาดกำไรสุทธิปี 51 จะเพิ่มขึ้น 8% yoy ผลการดำเนินงานของบริษัทเติบโตดีกว่าอุตฯ ยานยนต์ แต่ราคาตลาดกลับซื้อขายกันที่ P/E 8X ต่ำกว่า P/E กลุ่ม AUTO ที่เคลื่อนไหวอยู่ที่ 10X มูลค่าพื้นฐานมี Up-side Gain กว่า 43% และคาดให้อัตราผลตอบแทนจากเงินปันผลปีละประมาณ 5% เราจึงคงคำแนะนำ ?ซื้อ?
คาดไตรมาส 4/50 กำไรสุทธิเพิ่มขึ้น 14% yoy เนื่องจากลูกค้าหลักของบริษัท (Mitsubishi, Toyota, AAT) ยังคงมียอดการส่งออกรถกระบะเพิ่มขึ้น โดยเพิ่มขึ้นกว่า 30% yoy ในงวด 11M50 เราคาดกำไรสุทธิปี 50 จะเพิ่มขึ้น 29% yoy และในปี 51 บริษัทมีแผนการขยายกำลังการผลิตเพิ่มขึ้นในส่วน Coil Spring และ Axle Shaft เพื่อรองรับคำสั่งซื้อที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้น คาดกำไรสุทธิปี 51 จะเพิ่มขึ้น 8% yoy ผลการดำเนินงานของบริษัทเติบโตดีกว่าอุตฯ ยานยนต์ แต่ราคาตลาดกลับซื้อขายกันที่ P/E 8X ต่ำกว่า P/E กลุ่ม AUTO ที่เคลื่อนไหวอยู่ที่ 10X มูลค่าพื้นฐานมี Up-side Gain กว่า 43% และคาดให้อัตราผลตอบแทนจากเงินปันผลปีละประมาณ 5% เราจึงคงคำแนะนำ ?ซื้อ?

SCC (คำแนะนำพื้นฐาน : ซื้อลงทุน)
Target : ปี 51 ที่ 262 บาท
Upside : 16%
SCC : คาดแนวโน้มผลประกอบการในระยะสั้นยังไม่เห็นการเติบโตด้วยสาเหตุจาก 1) ผลประกอบการยังคงรับผลกระทบจาก ราคาน้ำมัน และ Energy cost และ 2)ค่าเงินบาทที่แข็งค่าส่งผลกระทบต่อผลประกอบการ (การแข็งค่า1บาทต่อดอลลาร์ แนะนำ ? ซื้อลงทุน? โดยมีราคาที่เหมาะสม 262 บาท เนื่องจากยังคงมองบริษัทมีแนวโน้มการฟื้นตัวตามหลังการผลักดันงบประมาณใหม่ของภาครัฐ รวมถึงแนวโน้มระยะยาวมีการเติบโตจากการขยายกำลังการผลิตที่เพิ่มขึ้น
- คาดแนวโน้มผลประกอบการในระยะสั้นยังไม่เห็นการเติบโตด้วยสาเหตุจาก 1) ผลประกอบการยังคงรับผลกระทบจาก ราคาน้ำมัน และ Energy cost โดยเฉพาะราคาถ่านหินที่ปรับตัวสูงขึ้ง ส่งผลทำให้บริษัทมีภาระต้นทุนขายที่เพิ่มขึ้น 2) ค่าเงินบาทที่แข็งค่าส่งผลกระทบต่อผลประกอบการ (การแข็งค่า1บาทต่อดอลลาร์ (กำไรจากการดำเนินงานลดลง 700-1,000ล้านบาทธุรกิจของกลุ่มโดยรวม อย่างไรก็ตามในระยะกลาง และระยะยาว บริษัทมีโอกาสขับเคลื่อนจากความคาดหวังของโครงการภาครัฐและงบประมาณจากรัฐรวมถึงมีแผนขยายกำลังการผลิตต่อเนื่องจากกลุ่มธุรกิจต่าง ๆ
- บริษัทมีโอกาสปรับลดการจ่ายเงินปันผลจากเดิมที่เคย จ่ายทั้งปีที่ระดับ 15 บาทต่อหุ้นเนื่องจากผลประกอบการที่ปรับลด รวมถึงบริษัทมีแผนการลงทุนต่อเนื่องที่ต้องใช้เงินลงทุนในระยะยาวคาดทั้งนี้ต้องติดตามนโยบายบริษัทสำหรับการเปลี่ยนแปลงดังกล่าว- แนะนำ ? ซื้อลงทุน? โดยมีราคาที่เหมาะสม 262 บาท เนื่องจากยังคงมองบริษัทมีแนวโน้มการฟื้นตัวตามหลังการผลักดันงบประมาณใหม่ของภาครัฐ รวมถึงแนวโน้มระยะยาวมีการเติบโตจากการขยายกำลังการผลิตที่เพิ่มขึ้น

ประเด็นเศรษฐกิจ และการเมืองที่สำคัญ

กกต. ให้ใบแดงเพิ่ม 1 ใบ แก่ผู้สมัคร ส.ส.เขตเลือกตั้งที่ 1 จ.ปราจีนบุรี พรรคมัชฌิมาธิปไตย
วันนี้ (8 ม.ค.51) กกต.มีมติให้ใบแดงเพิ่ม 1 ใบ แก่ผู้สมัคร ส.ส.ในเขตเลือกตั้งที่ 1 จ.ปราจีนบุรี พรรคมัชฌิมาธิปไตย กรณีแจกเงินซื้อเสียง ส่งผลให้ ตั้งแต่ปลายเดือน ธ.ค.50 จนถึงปัจจุบัน กกต.มีมติให้ใบแดงผู้สมัคร ส.ส.รวมแล้ว 6 ใบ ได้แก่ พรรคพลังประชาชน 3 ใบ พรรคชาติไทย 2 ใบ และพรรคมัชฌิมาธิปไตย 1 ใบ
ขณะที่ กกต.มีมติให้ใบเหลืองผู้สมัคร ส.ส.รวมแล้ว 15 ใบ ได้แก่ พรรคพลังประชาชน 13 ใบ พรรคประชาธิปัตย์ 1 ใบ และพรรคชาติไทย 1 ใบ

เงินบาทแข็งค่าสุดในรอบเกือบ 6 เดือน แตะระดับ 33.23 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ
เงินบาทเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ วานนี้ (8 ม.ค.51) ปรับตัวแข็งค่าสุดในรอบเกือบ 6 เดือน แตะระดับ 33.26 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ หรือแข็งค่าจากวานนี้ 0.24% โดยระหว่างวันเคลื่อนไหวในกรอบ 33.33-33.26 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ และล่าสุดเช้านี้ (9 ม.ค.51) เงินบาทยังคงแข็งค่าต่อเนื่อง แตะระดับ 33.23 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ โดยช่วงเช้าเคลื่อนไหวในกรอบ 33.36-33.23 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ หลังเงินดอลลาร์สหรัฐมีแนวโน้มอ่อนค่าต่อเนื่องจากตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐอ่อนแอ ส่งผลให้นักลงทุนวิตกการชะลอตัวทางเศรษฐกิจ ทั้งนี้ ตลาดยังคงจับตาตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐอย่างใกล้ชิด ภายหลังวิตกเรื่องเงินเฟ้อ อาจส่งผลให้ FED พิจารณาปรับลดดอกเบี้ยในการประชุม FED ปลายเดือนนี้ (29-30 ม.ค.51)
อย่างไรก็ตาม ในสัปดาห์นี้ประเด็นที่นักลงทุนจับตาใกล้ชิด คือ การแถลงสุนทรพจน์ของนายเบน เบอร์นันเก้ ประธาน FED พรุ่งนี้ (10 ม.ค.51) ตามเวลาสหรัฐ ซึ่งคำแถลงดังกล่าวอาจบ่งชี้ทิศทางดอกเบี้ยในอนาคต ภาพรวมเศรษฐกิจสหรัฐ รวมทั้งปัญหาซับไพร์ม และวันที่ 11 ม.ค.51 ติดตามตัวเลขดุลการค้าของสหรัฐประจำเดือน พ.ย.50 โพลล์รอยเตอร์คาดว่าสหรัฐจะขาดดุล 5.8 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้นจากเดือน ต.ค.50

ตลท.คาด Mkt.Cap.ปี 51 จะเพิ่มขึ้นอย่างน้อย 1.5 แสนล้านบาท
ตลท.คาดมาร์เกตแคปของตลาดหุ้นไทยในปี 51 จะเพิ่มขึ้นอย่างน้อย 1.5 แสนล้านบาท เนื่องจากขณะนี้มี บจ.ที่มาขึ้นทะเบียนจะเข้าตลาดหุ้นพร้อมรับสิทธิประโยชน์ ทั้ง 2 ตลาด รวม 107 บริษัท แบ่งเป็นใน ตลท.48 บริษัท และตลาด MAI 59 บริษัท คิดเป็นมาร์เกตแคป ราว 3 แสนล้านบาท ซึ่งตลท.จะพยายามผลักดันให้ได้ครึ่งหนึ่ง
ทั้งนี้ ในปี 50 ตลาดหุ้นไทยมีมาร์เกตแคปเพิ่มขึ้น 30.7% YOY คิดเป็นมูลค่า 6.64 ล้านล้านบาท ขณะที่ SET ปรับตัวเพิ่มขึ้นมา 26% YOY

ข่าวหุ้นที่น่าสนใจ

ตลท.ขยายเวลา Net Settlement/Margin Trading หุ้น TRAF ตั้งแต่ 9 ม.ค.-2 เม.ย.51
ตลท. จะขยายการห้ามซื้อขายในลักษณะ Net Settlement และ Margin Trading หุ้น TRAF ออกไปอีก 60 ทำการตั้งแต่วันที่ 9 ม.ค.51 ถึง 2 เม.ย.51 จากเดิมตั้งแต่วันที่ 21 พ.ย.50 ถึง 8 ม.ค.51 เนื่องจากในช่วงที่ผ่านมาลักษณะการซื้อขายหุ้น TRAF ยังมีการเปลี่ยนแปลงของราคาไม่ตรงกับสภาพปกติของตลาดเป็นอย่างมาก

SCB คาดสเปรดดอกเบี้ยปี 51 จะต่ำกว่าปีก่อนเล็กน้อย
SCB คาดส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยปี 51 จะต่ำกว่าปีก่อนเล็กน้อย ภายหลังมีการทยอยขึ้นอัตราดอกเบี้ยเงินฝากตั้งแต่ปลายปีที่ผ่านมา ส่งผลให้ดอกเบี้ยเงินฝากของธนาคารขณะนี้สูงกว่าธนาคารพาณิชย์แห่งอื่นประมาณ 0.40-0.50% ส่วนอัตราดอกเบี้ยเงินกู้จะต้องขึ้นอยู่กับ ธปท.ซึ่งธนาคารคาดว่าดอกเบี้ยเงินกู้จะปรับตัวอย่างเร็วที่สุดราวกลางปี 51

BANPU คาดปี 51 ผลประกอบการธุรกิจถ่านหินดีกว่าปีก่อน
BANPU คาดปี 51 จะมีผลประกอบการในธุรกิจถ่านหินดีกว่าปีก่อน ภายหลังราคาถ่านหินสูงขึ้นมาก และคาดว่าแนวโน้มราคาถ่านหินจะยังสูงจนถึงช่วงปลายปี ก่อนจะอ่อนตัวลงในช่วงปี 52 ขณะที่ในไตรมาส 4/50 บริษัทจะบันทึกกำไรพิเศษจากการขายหุ้นบางส่วนใน บมจ.ลานนารีซอร์ทเซส ราว 400 ล้านบาท และขายหุ้น 2.4% ในบริษัท PT Indo Tambangraya Megah (ITM) ให้กับพันธมิตรราว 1 พันล้านบาท

MAJOR ตั้งเป้ารายได้ในปี 51 เติบโต 20-30% YOY
MAJOR ตั้งเป้ารายได้ในปี 51 เติบโต 20-30% YOY โดยมาจากรายได้จากภาพยนตร์ฟอร์มใหญ่ที่เข้าฉายอย่างต่อเนื่อง ขณะที่งบลงทุนในปี 51 คาดว่าจะอยู่ที่ประมาณ 600-700 ล้านบาท เพื่อจะนำเงินไปขยายโรงภาพยนตร์ใหม่อีก 40 โรง มีแผนเปิดเลนส์โบว์ลิ่งเพิ่มอย่างน้อย 20 เลนส์ และลงทุนในสาขารัตนาธิเบศร์บางส่วน

KH คาดกำไรสุทธิปี 51 สูงกว่าปีก่อน/ตั้งเป้ารายได้ปี 51 โต 10-15% YOY
KH คาดกำไรสุทธิปี 51 สูงกว่าปีก่อน พร้อมตั้งเป้ารายได้ในปี 51 เติบโต 10-15% ภายหลังได้ประโยชน์จากการเพิ่มค่ารักษาพยาบาลรายหัวในโครงการประกันสุขภาพของภาครัฐ ขณะที่รายได้รวมในปี 50 เติบโตกว่า 10% จากปี 49 ที่มีรายได้รวม 3.39 พันล้านบาท ซึ่งเป็นไปตามเป้าหมาย รวมทั้งมีกำไรสุทธิปี 50 สูงกว่าในปี 49 ที่มีกำไรสุทธิ 405.63 ล้านบาท และคาดว่าจะจ่ายปันผลงวดครึ่งหลังปี 50 ได้สูงกว่าในงวดครึ่งปีแรก

โดย บริษัทหลักทรัพย์ เกียรตินาคิน จำกัด ประจำวันที่ 9 มกราคม 2551

:lol:

 กลับขึ้นบน
kaisel
สมาชิก

จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 3,380
#1 วันที่: 09/01/2008 @ 10:44:09 :
ภาวะตลาดหุ้นรายวัน

อ่อนตัว ซื้อลุ้นเด้งแถว 800 จุด

KGI คาดว่าหุ้นไทยวันพุธจะปรับตัวลง ความกังวลต่อเศรษฐกิจอเมริกายังคงเพิ่มขึ้น และกระตุ้นให้ต่างชาติขายต่อ ทางฟากสหรัฐฯ ตลาดหุ้นผันผวนมาก ดัชนีดาวโจนส์เทรดโดยมีจุดสูงสุด/ต่ำสุดห่างกันถึง 341 จุด ก่อนจะปิดลบไปถึง 238 จุด หลังจากประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ AT&T ยักษ์ใหญ่ด้านโทรคมนาคม เตือนถึงการชะลอตัวของภาคการบริโภคของสหรัฐฯ ก่อนหน้านี้ภาคการบริโภคซึ่งคิดเป็น 2 ใน 3 ของจีดีพีสหรัฐฯ เป็นปัจจัยที่ตลาดมองว่าจะเติบโตได้ปานกลางแม้ภาคที่อยู่อาศัยจะถดถอย พอมีการเตือนเช่นนี้จึงส่งผลกระทบแรงต่อตลาด นอกจากนี้หุ้นสหรัฐฯ ยังได้รับผลกระทบจากข่าวที่ว่ามูดี้ส์ได้ปรับลดความน่าเชื่อถือของตราสารหนี้หลายต่อหลายตัวของ ธ. แบร์สเติร์นด้วย โดยรวมแล้วนักลงทุนต่างชาติน่าจะขายหุ้นลดความเสี่ยงต่อไป ด้านปัจจัยการเมืองในประเทศเข้าสู่ช่วงสำคัญ หลังคุณหญิงพจมาน ชินวัตร ภริยาอดีตนายกฯ ทักษิณ กลับมาสู้คดีในไทย ก่อนหน้าการประกาศจัดตั้งรัฐบาล 6 พรรค นำโดยพรรคพลังประชาชน ในวันสองวันนี้

กลยุทธ์: คาดว่า SET Index จะ อ่อนตัวทดสอบช่วงแนวรับสำคัญที่ 800-795 จุด ซึ่งน่าจะเข้าซื้อเก็งกำไรเพื่อรอขายรอบรีบาวด์ ในระยะนี้กลยุทธ์ให้เป็น ?ขึ้นขาย ลงซื้อ? ไปก่อน ระยะยาวกว่านั้นแนะให้สะสมหุ้นเมื่อตลาดปรับฐาน หากอ้างถึงเป้าหมายดัชนีของเราที่ 975 จุด ดัชนี SET แถว 800 จุด ให้โอกาสปรับขึ้นถึง 22% ทีเดียว

ความเห็นข่าวเด่นจากสถาบันวิจัยฯ
- SCB วางแผนที่จะดูดเงินฝากประมาณ 1 แสนล้านบาทในปี 2551 และเผยว่าจะเห็นการปรับขึ้นของดอกเบี้ยเงินฝากมากกว่าดอกเบี้ยเงินกู้ และยังคาดว่าจะส่วนต่างดอกเบี้ยอาจเริ่มปรับลดลงหรืออย่างดีคงที่จากปีที่แล้ว เราก็มีมุมมองเช่นเดียวกันและได้รวมผลกระทบไว้ในประมาณการแล้ว แม้อย่างนั้นก็ตามเรายังคาดว่า ความสามารถในการทำกำไรยังคงแข็งแกร่งด้วย ROAE ที่ยังจะเร่งตัวขึ้นกว่า 17% ในปีนี้ คงคำแนะนำ ซื้อ ที่ราคาเป้าหมาย 99.5 บาทต่อหุ้น

- CPF เตรียมสร้างโรงงานผลิตอาหารเลี้ยงกุ้งโรงที่ 3 ในอินเดีย เพื่อรองรับความต้องการทั้งในและต่างประเทศที่เพิ่มขึ้น โดยคาดว่าจะเริ่มการผลิตปลายปี 51 หรือต้นปี 52 ใช้เงินลงทุนรวม 10 ล้านเหรียญสหรัฐฯ (333 ล้านบาท) ธุรกิจอาหารสัตว์ในอินเดียเป็นธุรกิจที่ทำกำไรได้ดี การขยายกำลังการผลิตนี้จะทำให้รายได้จากอินเดียเพิ่มขึ้นได้ในอนาคต ช่วงที่ผ่านมาราคาหุ้นได้ปรับตัวลงมาก โดยปัจจัยพื้นฐานไม่ได้เปลี่ยน อีกทั้งเราคาดว่าปี 51 กำไรจะเติบโตได้ดี แนะนำ ซื้อ ราคาเป้าหมาย 5.85 บาท

- THAI อาจเปิดเที่ยวบินกรุงเทพฯ-สมุย เป็นครั้งแรกในเดือนเม.ย. 2551 เพื่อรองรับความต้องการที่เพิ่มขึ้น ข่าวดังกล่าวไม่ใช่ข่าวใหม่ เนื่องจาก THAI ได้เลื่อนการเปิดให้บริการมาแล้วครั้งหนึ่งในปี 2550 อย่างไรก็ตาม หากมีการให้บริการในเส้นทางดังกล่าวจริง ก็เชื่อว่าจะไม่ส่งบวกต่อผลประกอบการมากนัก เนื่องจากยังเป็นช่วงเริ่มต้น คงประมาณการและคำแนะนำ ถือ มูลค่าพื้นฐาน 44.8 บาท

โดย บมจ.หลักทรัพย์ เคจีไอ(ประเทศไทย) ประจำวันที่ 9 ม.ค. 2551

:lol:
 กลับขึ้นบน
kaisel
สมาชิก

จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 3,380
#2 วันที่: 09/01/2008 @ 10:44:50 :
ภาวะตลาดหุ้นรายวัน


แนวโน้มตลาดวันนี้
ตลาดหุ้นไทยวันอังคารดีดตัวโดยดัชนีเคลื่อนไหวในกรอบแคบ ๆ ดัชนีไม่หลุดแนว
รับเชิงจิตวิทยาที่ระดับ 800 จุด ดัชนี SET ปิดบวก 3.38 จุด (+0.42%) มาปิดที่
811.69 จุด มูลค่าการซื้อขายปานกลางที่ 1.6 หมื่นล้านบาท นักลงทุนต่างชาติขาย
สุทธิอีก 2,433 ล้านบาท คาดตลาดวันนี้ยังคงผันผวนโดยมีแนวโน้มปรับลงตาม
ทิศทางตลาดหุ้นต่างประเทศ และปัจจัยการเมืองที่กลับมาคลุมเครือ หากดัชนีหลุด
แนวรับเชิงจิตวิทยาที่ระดับ 800 จุดสำหรับนักลงทุนระยะสั้นแนะนำถือเงินสด ส่วน
นักลงทุนระยะยาวถือเป็นโอกาสดีในการเข้าซื้อสะสมหุ้นปัจจัยพื้นฐานดีในกลุ่ม
พลังงานที่ได้รับประโยชน์จากราคาน้ำมันที่ทรงตัวในระดับสูง กลุ่มธนาคารจากผล
ประกอบการปีนี้จะกลับมาเติบโตโดดเด่น รวมทั้งหุ้นที่มีอัตราผลตอบแทนเงินปัน
ผลสูงโดยเฉพาะในช่วงเวลานี้ที่ราคาหุ้นปรับลงมามากแล้ว (แนะนำ TLUXE DRT PSL JUTHA)

หุ้นแนะนำพิเศษ : EGCO (105 ซื้อ เป้าปี 51, 132) แม้จะพลาดประมูล IPP รอบ
ล่าสุด แต่แนวโน้มผลประกอบการยังคงแข็งแกร่ง จากหลายโครงการในมือที่จะ
ทยอยรับรู้รายได้เข้ามาในช่วง 3-4 ปีข้างหน้า เราคาดกำไรปี 50 ขยายตัว 38.5%YoY
และเฉลี่ย 5%ในช่วงปี 51-52 ปันผลจ่ายสม่ำเสมอ Dividend Yield 4- 5% ต่อปี (8)

สาระสำคัญวันนี้
CPF วางแผนสร้างโรงงานผลิตอาหารกุ้งแห่งที่ 3 ในอินเดีย (4.40 ซื้อ เป้าปี 51, 6.40)
TISCO แจ้งกำไรสุทธิปี50ตามคาด เพิ่มขึ้น 6.8%yoy (ปิด 27 ซื้อ เป้าปี51, 38)
STEC (5 ถือ เป้าปี 51, 5.70)ปรับลดประมาณการกำไรสุทธิปี 50 และปี 51 จากเดิม 29%และ 45%
BAY (24.20 ซื้อ เป้าปี 51, 35)ตั้งสำรองด้อยค่า CDO ใน 4 Q50 จะขาดทุนแต่จะฟื้นตัวแรงปี 51
KBANK (82 ซื้อ เป้าปี 51, 95)สินเชื่อเติบโตดีเกินคาดในปี50
SAT (14 ซื้อ เป้าปี 51, 21)ปรับประมาณการกำไรสุทธิปี 2007 ขึ้นจากอัตรากำไรขั้นต้นที่สูงขึ้นมากกว่าคาด
SCC (226 ซื้อ 267)ปรับประมาณการปี 51 ลง แต่ยังคงคำแนะนำ ซื้อ

ปัจจัยบวก
+ January Effect หรือเป็นช่วงต้นปีที่จะมีเม็ดเงินจากกองทุนทั้งในและต่างประเทศเข้ามาลงทุน
+ ตลาดหุ้นไทยมีราคาน่าสนใจในขณะนี้ที่ระดับPER 11.7 เท่า และอัตรา
ผลตอบแทนเงินปันผล 3.36%ต่อปี ขณะที่อัตราการขยายตัวของEPSของบจ.ปี
51มีแนวโน้มดีขึ้นมาก จากที่เราคาดว่าจะหดตัวราว -5% ในปี50 เป็นขยายตัวราว 15%ในปี51
+ BOIเผยยอดขอรับส่งเสริมการลงทุนในปี50เพิ่มขึ้น 32.7%yoy

ปัจจัยลบ
- การเมืองในประเทศกลับมาเป็นเรื่องที่คลุมเครืออีก ยังมีอีกหลายเรื่องที่ไม่ชัดเจน
อาทิการอนุมัติการเป็นสส.จากกลต. และคำตัดสินของศาลฏีกาแผนกคดีเลือกตั้ง
กรณีนอมินีของพรรคพลังประชาชน และการเพิกถอนผลการเลือกตั้งล่วงหน้า
เป็นต้น ทั้งหมดอาจนำไปสู่การจัดตั้งรัฐบาลที่ล่าช้าออกไป
- นักลงทุนทั่วโลกกังวลภาวะเศรษฐกิจสหรัฐชะลอตัว กดดันตลาดหุ้นสหรัฐและตลาดหุ้นทั่วโลกด้วย
- ราคาน้ำมันในตลาดโลกยังอยู่ในระดับสูงและมีแนวโน้มสูงขึ้นได้อีกจาก
สถานการณ์รุนแรงในตะวันออกกลาง
- ต่างชาติขายหุ้นไทยไม่หยุดตั้งแต่ต้นปี เมื่อวานขายสุทธิอีก 2.4 พันลบ.

ปัจจัยที่น่าติดตาม
- +10 ม.ค.51 สุนทรพจน์ของนายเบน เบอร์นันเก้ ประธานFed และการประชุมECB
และ BOE(ตลาดคาดว่าทั้งสองจะคงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ 4% และ 5.5%ตามลำดับ)

Stocks in trend
TRAF (18.10) ตลาดฯ สั่งห้ามซื้อขายเน็ต-มาร์จิ้นต่ออีก 60 วันทำการจนถึง 2 เม.ย.
51 จากเดิมที่อยู่ระหว่าง 21 พ.ย. 50-8 ม.ค.51 ... PTTAR (44 ซื้อ เป้าหมาย 55)
รายได้มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นจากค่าการกลั่นที่ปรับขึ้นตามราคาน้ำมันและการปล่อย
ลอยตัวก๊าซ LPG ตามราคาตลาดโลกเริ่มก.พ.51 (8) ... DELTA (22.20 ราคา
เหมาะสมตาม consensus 26.50) นักวิเคราะห์ยกให้เป็นหุ้นปันผลเด่น คาดอัตรา
ผลตอบแทนเงินปันผลปี 50 สูงถึง 8.2% ... TISCO (27 ซื้อ เป้าหมาย 38) ประกาศ
งบปี 50 เป็นไปตามคาดได้แรงหนุนจากสินเชื่อเช่าซื้อที่เติบโตอย่างแข็งแกร่ง (4)

Wall Street: ตัวเลขในภาคที่อยู่อาศัยแย่ฉุดหุ้นสหรัฐปิดร่วงต่อ
เมื่อวานนี้ตลาดหุ้นสหรัฐปิดร่วงลง ตลาดมีความกังวลต่อภาวะเศรษฐกิจเพิ่มขึ้นอีก
หลังสัญญาณภาคที่อยู่อาศัยยังแสดงความอ่อนแอ โดยยอดการทำสัญญาขายบ้านที่
สร้างเสร็จแล้วในสหรัฐประจำเดือนพ.ย.ร่วงลง ขณะที่เพิ่มความกังวลต่อภาคการใช้
จ่ายผู้บริโภคว่ามีแนวโน้มหดตัวลงจากการเปิดเผยของCEOบริษัทเอทีแอนด์ทีซึ่ง
เป็นบริษัทโทรศัพท์ที่ใหญ่ที่สุดในสหรัฐฯที่ว่าบริษัทกำลังได้รับผลกระทบจากการ
ชะลอตัวของภาวะเศรษฐกิจ ขณะที่หุ้นกลุ่มการเงินยังคงเป็นกลุ่มกดดันตลาดต่อไป
จากกระแสข่าวว่าบริษัทคันทรีไวด์ ซึ่งเป็นบริษัทที่ปล่อยกู้จำนองอันดับ1ของสหรัฐ
อาจยื่นขอล้มละลายหลังเผชิญความยากลำบากในการฟื้นตัวจากภาวะวิกฤตในตลาด
สินเชื่อSubprime อย่างไรก็ตามบริษัทออกมาปฏิเสธข่าวลือแล้ว DJIA -238.42(-
1.86%) ปิด 12,589.07 S&P500 -25.99(-1.84%) ปิด 1,390.19 และ Nasdaq -58.95(-
2.36%) ปิด 2,440.51

ราคาน้ำมัน: กังวลสถานการณ์ไนจีเรียดันราคาน้ำมันพุ่งขึ้น
ราคาน้ำมันปิดพุ่งขึ้นเมื่อวานนี้จากข่าวว่ากลุ่มติดอาวุธในไนจีเรียกำลังเตรียมการ
โจมตีที่โรงงานน้ำมันในไนจีเรีย และตลาดคาดการณ์ว่าปริมาณสำรองน้ำมันดิบ
สหรัฐจะลดลง WTIส่งมอบเดือนก.พ. พุ่ง +1.24(+1.3%) ปิด 96.33 ดอลลาร์/บาร์เรล
Brent ส่งมอบเดือนก.พ. เพิ่มขึ้น +1.15(+1.22%) ปิด 95.54 ดอลลาร์/บาร์เรล

ข่าวบริษัท
CPF วางแผนสร้างโรงงานผลิตอาหารกุ้งแห่งที่ 3 ในอินเดีย (4.40 ซื้อเป้าปี 51, 6.40)
CPF เตรียมสร้างโรงงานอาหารกุ้งโรงที่ 3 ในอินเดีย ใช้เงินลงทุน 10 ล้าน
ดอลลาร์สหรัฐ กำลังผลิต 80,000 ตันต่อปี คาดว่าจะก่อสร้างโรงงานได้
ปลายปีนี้ โดย CPF มีโรงงานผลิตอาหารกุ้งอยู่ในอินเดียแล้ว 2 แห่ง โรงงาน
แรก CPF ถือหุ้น 30% เครือซีพีถือหุ้น 70% กำลังผลิต 90,000 ตันต่อปี และ
อีก 1 แห่ง CPF ถือหุ้น 70% เครือซีพีถือหุ้น 30% กำลังผลิต 80,000 ตันต่อปี
มียอดขายปี 2550 ที่ผ่านมาปริมาณ 120,000 ตัน มูลค่า120 ล้านดอลลาร์
สหรัฐ (ราว 4,014 ล้านบาท) ในปี 2551 คาดว่าจะมีปริมาณขายเพิ่มขึ้น 20% -ฐานเศรษฐกิจ

ความเห็น: การขยายการลงทุนเพิ่มเติมในอาหารกุ้งที่อินเดียนั้นจะส่งผลดีต่อ
ยอดขายของ CPF อย่างไรก็ตาม CPF มีสัดส่วนยอดขายจากการลงทุนใน
ประเทศอินเดียคิดเป็น 3 ? 4% ของยอดขายทั้งหมด เรายังคงคำแนะนำซื้อ
เนื่องจากราคาปัจจุบันยังต่ำกว่าราคาเป้าหมายมาก ? สุโชติ

TISCO แจ้งกำไรสุทธิปี50ตามคาด เพิ่มขึ้น 6.8%yoy (ปิด 27 ซื้อ เป้าปี51, 38)
TISCO แจ้งกำไรสุทธิปี50ที่ 1.65 พันลบ.เพิ่มขึ้น 6.8%yoy จากธุรกิจในกลุ่ม
ทั้งในส่วนของธุรกิจสินเชื่อเช่าซื้อ ธุรกิจประกันชีวิตธนกิจ และธุรกิจการ
จัดการกองทุนซึ่งประสบความสำเร็จอย่างมาก ส่วนต่างดอกเบี้ยรับและจ่าย
กว้างขึ้นจาก 3.1% เป็น 3.5% ในปี 2550 ส่วนรายได้ดอกเบี้ยและเงินปันผล
สุทธิ 24.3%yoy และรายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ยเติบโต 6.3% โดยมีสาเหตุหลักมา
จากรายได้ค่าธรรมเนียมและบริการ ทั้งนี้ในปี 2550 ธนาคารมียอดสินเชื่อ
15,616.55 ล้านบาท เพิ่มขึ้น7.2% ส่วนพอร์ตสินเชื่อเช่าซื้ออยู่ที่ 64,684.40
ล้านบาท เพิ่มขึ้นถึง 10,439.76 ล้านบาท หรือ 19.2% ขณะที่หนี้ที่ไม่
ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) มีจำนวน 3.2 พันล้านบาท หรือ 4.3% ของพอร์ต
ทั้งหมดซึ่งลดลงจากสิ้นปีก่อนที่ 4.6%

ความเห็น TISCOรายงานกำไรสุทธิเป็นไปตามที่เราคาดไว้ และคาดว่าปี51
จะเป็นปีที่ดีมากของTISCOเช่นกันโดยคาดกำไรสุทธิปี51จะขยายตัวสูงราว
23%yoy มาอยู่ที่ 2 พันลบ. ดังนั้น คงคำแนะนำ ซื้อ เป้าปี51ที่ 38 บาท คาด
TISCOจะจ่ายเงินปันผลที่ 2 บาทต่อหุ้น ซึ่งคิดเป็นอัตราผลตอบแทนสูงถึง7.4%ต่อปี(สุนันทา)

โดย บจ.หลักทรัพย์ โกลเบล็ก ประจำวันที่ 9 มกราคม 2551

:lol:
 กลับขึ้นบน

 
 

Copy Right © 2009-2012 © Thaihoon.Com