ดัชนีหุ้นไทยวันที่ 21 ธ.ค.63 ปิดที่ 1,401.78 จุด ลดลง 80.60 จุด มูลค่าการซื้อขาย 129,435.44 ล้านบาท ต่างชาติซื้อสุทธิ 3,794.98 ล้านบาท

หุ้นมูลค่าซื้อขายสูงสุด KBANK ปิด 110 บาท ลบ 9 บาท, BANPU ปิด 10.90 บาท ลบ 0.40 บาท, PTT ปิด 40.50 บาท ลบ 2.25 บาท, STGT ปิด 73.50 บาท ลบ 0.25 บาท, CPALL ปิด 59.75 บาท ลบ 2.25 บาท

หุ้นไทยดิ่งลงแรงจากความกังวลการระบาดของ COVID–19 รอบใหม่ กดดันการบริโภคและการท่องเที่ยวในประเทศที่กำลังฟื้นตัว

บล.เอเซียพลัส ประเมินหุ้นกลุ่มที่ได้รับผลกระทบน้อย รวมถึงหุ้นที่ได้ประโยชน์ จากการกลับมาระบาดอีกครั้งของ Covid-19 ระบุว่า Covid-19 ส่งผลกระทบต่อกิจกรรมการส่งออกของไทย เพราะสินค้าในท่าเรือที่รอคอยการส่งออกต้องใช้เวลานานขึ้น

เนื่องจากต้องตรวจคัดกรองที่เข้มงวดยิ่งขึ้น ขณะที่สินค้าส่งออกจำเป็นต้องหาที่จัดเก็บชั่วคราวส่งผลบวกต่อธุรกิจคลังสินค้าที่บริการอยู่ภายในพื้นที่ท่าเรือ

ขณะที่การ Lockdown จุดเสี่ยงทั่วทั้งจังหวัดที่สมุทรสาครที่เป็นจุดระบาดครั้งใหม่ส่งผลให้การคมนาคมขนส่งภายในจังหวัดสะดุด และอาหารทะเลในพื้นที่ราคาปรับตัวลดลง น่าจะทำให้ผู้ประกอบการแปรรูปอาหารทะเลต้องหาสถานที่เก็บสต๊อกวัตถุดิบ จำพวกอาหารสด และอาหารทะเล โดยธุรกิจคลังเย็นของ JWD (20% ของรายได้) มีพื้นที่บริการรับฝากสินค้าสัดส่วนราว 50% ตั้งอยู่ในพื้นที่ย่านมหาชัย น่าจะได้รับประโยชน์จากการรับฝากอาหารทะเลแช่แข็งในปริมาณสูง

ทั้งนี้ JWD ยังคงดำเนินงานปกติ แนะนำซื้อให้ราคาเป้าหมายปี 64 อิง DCF อยู่ที่ 11 บาท

ขณะที่หุ้นกลุ่มถุงมือยางที่ได้ประโยชน์จากการระบาดของ COVID-19 ได้แก่ STGT และ STA จากความต้องการใช้ถุงมือยางเพิ่มขึ้น อีกทั้ง Valuation ยังน่าสนใจ จึงแนะนำซื้อ STGT (FV@B130) และ STA (FV@B50) ที่ปัจจุบันซื้อขายที่ PER ปี 64 เพียง 4 และ 2 เท่า ตามลำดับ

กลุ่ม ICT ช่วงที่มีการระบาด COVID–19 ช่วงแรก เป็นหนึ่งในอุตสาหกรรมที่ปรับฐานน้อยมาก จึงเชื่อว่าในรอบนี้น่าจะปรับฐานจำกัดเช่นกัน โดยชื่นชอบ ADVANC มากสุด

กลุ่ม Global Play เช่นหุ้นที่อิงกับราคาน้ำมันดิบ ชอบหุ้นใหญ่อย่าง PTT มากสุด โดยผลการดำเนินงานค่อยๆฟื้นตัวตามเศรษฐกิจโลกในภาพใหญ่ หนุนความต้องการใช้ปิโตรเลียม/ปิโตรเคมีเพิ่มขึ้น ขณะที่ Valuation ยังโดดเด่น ราคาหุ้นยัง laggard กลุ่ม มองเป็นโอกาสหาจังหวะเข้าลงทุน หุ้น Toppicks คือ PTTและ ADVANC!!

อินเด็กซ์ 51