ดัชนีหุ้นไทย 13 ม.ค.64 ปิดที่ 1,547.31 จุด เพิ่มขึ้น 7.46 จุด มีมูลค่าซื้อขาย 106,700.02 ล้านบาท ต่างชาติซื้อสุทธิ 124.47 ล้านบาท

หุ้นมูลค่าซื้อขายสูงสุด PTT ปิด 44.50 บาท บวก 0.75 บาท, EA ปิด 67 บาท บวก 2.50 บาท, GPSC ปิด 85.75 บาท บวก 2.25 บาท, PTTEP ปิด 112.50 บาท บวก 5.50 บาท, KBANK ปิด 121.50 บาท บวก 2 บาท

มีแรงซื้อหุ้นแบงก์และพลังงานหลังราคาน้ำมันยังเพิ่มขึ้นต่อเนื่องโดยมีความคาดหวังผลประกอบการหุ้นกลุ่มแบงก์ที่จะดีขึ้น หลังราคาปรับตัวลงทรงตัวในระดับต่ำมานาน

ขณะที่หุ้น ITD ร่วงแรง หลังแจ้งตลาดถูกยกเลิกสัมปทานพัฒนานิคมฯทวายในเมียนมา โดยถูกกล่าวหาว่าผิดนัดไม่ชำระค่าสิทธิตามสัญญาและผิดเงื่อนไข ขณะที่ ITD และกลุ่มธุรกิจร่วมทุนรวม 5 บริษัท เตรียมให้ ฝ่ายกฎหมายทำหนังสือชี้แจงและโต้แย้งข้อกล่าวหา

ส่วนมาตรการเยียวยาผลกระทบโควิดรอบใหม่ของรัฐบาล 3 มาตรการได้แก่ เงินเยียวยารอบ 2 ให้ผู้ได้รับผลกระทบคนละ 3,500 บาท/เดือน เป็นเวลา 2 เดือน, ช่วยค่าน้ำค่าไฟ ก.พ.-มี.ค.64, หารือมาตรการช่วยเหลืออื่นๆ เช่น ค่าอินเตอร์เน็ต 3 เดือน รวมถึงขยายเวลาลดภาษีที่ดิน-สิ่งปลูกสร้าง และลดค่าธรรมเนียมการโอน

หลายโบรกเกอร์ออกมาวิเคราะห์กลุ่มหุ้นที่ได้ประโยชน์ทั้งกลุ่ม ค้าปลีก ไฟแนนซ์และอสังหาริมทรัพย์ โดยบล.ฟินันเซีย ไซรัสประเมินหุ้นที่ได้ประโยชน์ ดังนี้ RBF-MAKRO-CPALL-BJC-OSP-CBG และ TACC บล.เอเซียพลัส CRC-HMPRO และ CPALL บล.เคทีบี MTC-CPALL-TACC-BJC และ ORI

บล.คันทรี่กรุ๊ป BJC-CPALL-DOHOME และ GLOBAL บล.กสิกรไทย AEONTS-KTC-MTC-SAWAD-SAK-SINGER-SENA-LPN-SPALI บล.ดีบีเอสฯ กลุ่มอสังหาฯ นำโดย PSH-LALIN-SENA-LPN-PRIN

ปิดท้าย PTT แจ้งปรับสิทธิจัดสรรหุ้น OR ให้ผู้ถือหุ้นเดิม จากเดิมกำหนดที่ 95 หุ้น PTT ต่อ 1 หุ้นเพิ่มทุน OR ปรับเป็น 95.1997 หุ้น PTT ต่อ 1 หุ้น OR รวมจำนวนไม่เกิน 300 ล้านหุ้น เฉพาะผู้มีถิ่นที่อยู่ในไทยเท่านั้นโดยผู้ถือหุ้นของ ปตท. สามารถจองซื้อเกินกว่าสิทธิได้ และไม่มีกำหนดอัตราสูงสุดของการจองซื้อเกินกว่าสิทธิ!!

อินเด็กซ์ 51