ดัชนีหุ้นไทยวันที่ 26 ม.ค.64 ปิดที่ 1,512.83 จุด เพิ่มขึ้น 11.21 จุด มีมูลค่าซื้อขาย 87,825.28 ล้านบาท ต่างชาติขายสุทธิ 2,444.20 ล้านบาท

หุ้นมูลค่าซื้อขายสูงสุด EA ปิด 68.75 บาท บวก 4 บาท, SCGP ปิด 46.75 บาท ลบ 2.25 บาท, KTC ปิด 68.25 บาท บวก 4.25 บาท, KBANK ปิด 127.50 บาท บวก 1 บาท และ CBG ปิด 144.50 บาท ลบ 4 บาท

“วิลาสินี บุญมาสูงทรง” ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บล.โกลเบล็ก ประเมินทิศทางตลาดหุ้นไทยสัปดาห์นี้ แกว่งในกรอบ 1,470-1,530 จุด มีปัจจัยหนุนจากการฉีดวัคซีน COVID-19 คืบหน้าในหลายประเทศ
ขณะที่ ศบค.เตรียมพิจารณามาตรการผ่อนคลายต่างๆ โดยเฉพาะสถานศึกษาในพื้นที่สีเขียวรวมถึงแนวทางปฏิบัติของร้านอาหาร

แนะลงทุน 12 หุ้นเด่นที่ได้อานิสงส์จากการคลายล็อกกิจกรรมต่างๆ ได้แก่ ERW-CENTEL-MINT-AU-M-SISB และ SPA นอกจากนี้ยังแนะทยอยลงทุนหุ้นที่ได้อานิสงส์จากโครงการเราชนะ ได้แก่ TNP-KK-CPALL-BJC และ MAKRO

ด้าน “ชัยพร น้อมพิทักษ์เจริญ” รองกรรมการผู้จัดการ บล.บัวหลวง มองแนวโน้มตลาดที่กำลังพัฒนาไปสู่ขาขึ้นในปี 64 รับเศรษฐกิจทั่วโลกฟื้นตัว และฟันด์โฟลว์ไหลกลับ ทำให้มีมุมมองที่ดีต่อการลงทุนสินทรัพย์เสี่ยง โดยได้ปรับเพิ่มน้ำหนักการลงทุนในตลาดหุ้นจาก 60% เป็น 70% แบ่งเป็นหุ้นไทย 30% และหุ้นต่างประเทศ 40% เน้นหุ้นจีนและหุ้นสหรัฐฯ เพราะมีบริษัทเทคโนโลยีจำนวนมากที่เป็น New Economy และภายใน 10 ปีข้างหน้า ยังมีแนวโน้มเติบโตต่อเนื่อง

ขณะที่แนะปรับลดน้ำหนักการลงทุนตราสารหนี้จาก 15% เหลือ 5% และคงน้ำหนักการลงทุนในกองทุนอสังหาริมทรัพย์และทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ 10% และทองคำ 15%

ให้เป้าดัชนีหุ้นไทยปีนี้ไว้ที่ 1,550 จุด แนะลงทุนหุ้น 1.กลุ่มสินค้าโภคภัณฑ์ ได้แรงหนุนจากเศรษฐกิจโลกฟื้นตัว และกำลังซื้อกลับมา 2.กลุ่มที่เกี่ยวข้องกับการบริโภคในประเทศ กลุ่มคอนซูเมอร์ไฟแนนซ์ และกลุ่มพาณิชย์ 3.กลุ่มท่องเที่ยว คาดว่าจะกลับมาฟื้นตัว
ได้ครึ่งหลังปีนี้ และ 4.กลุ่มโรงพยาบาล

ขณะที่ให้หลีกเลี่ยง หุ้นกลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ เพราะราคาแพงเกินไปต้องใช้ความระมัดระวังในการลงทุนและกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ที่ยังไม่น่าสนใจในเวลานี้ ส่วนหุ้นธนาคารพาณิชย์ สามารถลงทุนได้คาดว่าอัตรา ผลตอบแทนน่าจะใกล้เคียงดัชนี หลังการตั้งสำรองฯน้อยลงในปีนี้.

อินเด็กซ์ 51