ดัชนีหุ้นไทยวันที่ 27 ม.ค.64 ปิด 1,498.13 จุด ลบ 14.70 จุด มีมูลค่าซื้อขาย 78,817.59 ล้านบาท ต่างชาติขายสุทธิ 4,864.59 ล้านบาท

หุ้นมูลค่าซื้อขายสูงสุด EA ปิด 68.25 บาท ลบ 0.50 บาท, BANPU ปิด 11.10 บาท บวก 0.30 บาท, KBANK ปิด 125.50 บาท ลบ 2 บาท, GPSC ปิด 81.50 บาท ลบ 2 บาท และ PTT ปิด 39.25 บาท ลบ 0.50 บาท

บล.เอเซีย พลัส ออกบทวิเคราะห์ระบุว่า หลังกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) ปรับลดประมาณการจีดีพีไทยลงเหลือ 2.7%จากเดิม คาด 4% มองว่าตลาดหุ้นไทยตอบรับปัจจัยลบไปแล้ว แต่ยังต้องติดตามสถานการณ์ Covid-19 ซึ่งหากไทยควบคุมได้ดี และไม่มีการ กลับมาล็อกดาวน์เชื่อว่า Downside ต่อประมาณเศรษฐกิจจะไม่เกิดขึ้น

ส่วนจีดีพีโลก IMF ได้เพิ่มประมาณการจากเดิม 5.2% เป็น 5.5% ถือว่าเซอร์ไพรส์ตลาด โดย IMF มีมุมมองเป็นบวกจากพัฒนาการวัคซีน Covid-19 รวมถึงรัฐบาลทั่วโลกมีแผนนำเข้าวัคซีนมาฉีดภายในปี 64 ให้ได้เกิน 50% ของประชากร หนุนให้กิจกรรมเศรษฐกิจ ทั่วโลกกลับมาเป็นปกติ

โดยภาพรวมถือว่าส่งผลดีต่อ Fund Flow ที่น่าจะไหลเข้าสินทรัพย์เสี่ยงเพิ่มขึ้น รวมถึงยังไหลเข้าเอเชียต่อเนื่อง เนื่องจากคาดการณ์การเติบโตของเศรษฐกิจปี 64 ฝั่งเอเชียหลายประเทศยังสูงกว่า ภาพรวมของโลก

อีกทั้งการขึ้นค่าจ้างและภาษี ตามนโยบายของประธานาธิบดีโจ ไบเดน อาจกดดันให้กำไรบริษัทจดทะเบียนในระยะถัดไปลดลงได้ ขณะที่ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปรับตัวขึ้นมากแล้ว อาจเห็นการเคลื่อนย้ายของ Fund Flow เข้ามาในตลาดหุ้นฝั่งเอเชียที่ขึ้นมาน้อยกว่า เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ

และ Fund Flow มีโอกาสไหลเข้าหุ้นไทยมากขึ้นในระยะถัดไป ดังนั้น หากไทยควบคุม COVID-19 ได้ดี และจะเริ่มฉีดวัคซีนเดือน ก.พ.นี้ น่าจะผ่านจุดเลวร้ายไปแล้ว ดังนั้น ทิศทางเศรษฐกิจที่ดูดีขึ้น ช่วยเสริมกำไรบริษัทจดทะเบียนปี 64 ฟื้นตัวได้เร็วหนุนให้ Fund Flow ไหลเข้าตลาดหุ้นต่อเนื่อง

แนะกลยุทธ์ลงทุนเน้นหุ้นพื้นฐานกำไรฟื้นตามเศรษฐกิจ อย่าง BDMS, INSET, OSP!!

อินเด็กซ์ 51