* หลังจากตลาดหุ้นผิดหวังเรื่องการฉีด “วัคซีน” ก็ทำให้รู้ได้ทันทีว่า สถานการณ์ของตลาดหุ้นไทยต่อจากนี้จะแกว่งตัวผันผวนถี่ยิบขึ้นทุกวัน ซึ่งเป็นผลมาจาก “ข่าวดี” มีเข้ามาไม่ต่อเนื่อง ส่งผลให้นักเล่นกลุ่มสถาบันเทหุ้นเมื่อรู้สึกหวั่นใจออกมาทันที “โมนิก้า” ถึงต้องเบนเข็มการลงทุนไปหาหุ้นเล็กเพื่อลดความเสี่ยง หลังราคาหุ้นต่ำกว่าที่ควรจะเป็นค่อนข้างเยอะ บวกกับมีข่าวดีเข้ามาหนุนตลอดเวลา จึงต้องไหลตามน้ำแบบไม่มีเงื่อนไขไงล่ะคะ

* โดยเฉพาะในมุมของการดูหุ้นที่มีมาร์เก็ตแคปต่ำกว่าระดับ 5 พันล้านเป็นตัวตั้งต้น “โมนิก้า” ได้เห็นหุ้นดี ๆ ที่โลกหลงลืมมากมายหลายตัว จึงอยากนำเรื่องดังกล่าวมาบอกเล่าให้แฟนคลับฟังอีกครั้ง และจะเล่าประเด็นดังกล่าวให้ฟังบ่อยขึ้นในทุกอาทิตย์ เพราะสถานการณ์ของหุ้นมีการเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ เลยไม่อยากเห็นแฟนคลับตกขบวนรถด่วนเที่ยวสำคัญพะยะค่ะ

* ฉะนั้นการที่ดัชนีย่อตัวลงมาปิดที่ระดับ 1,565.73 จุด ลบไป 2.46 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 7.28 หมื่นล้านบาท จึงเป็นเรื่องที่ยอมรับได้ในทุกบริบทที่เกิดขึ้น และต้องเข้าใจด้วยว่า การเบ่งกำไรของหุ้นเล็กทำได้ง่ายกว่าหุ้นใหญ่ เพราะมีการแตกไลน์ธุรกิจทำได้ค่อนข้างคล่องตัว โดยเห็นได้จากการจับมือกันทำธุรกิจกัญชงในช่วงที่ผ่านมา ซึ่งเป็นโมเมนต์ของการโตไปด้วยกันมากกว่าแข่งกันโตนะจะบอกให้

* เด่นสุดจริง ๆ “โมนิก้า” ขอมองไปที่หุ้น HFT เพื่อชี้ให้เห็นทิศทางการเติบโตในปีที่ผ่านมาบรรเจิดขนาดไหน? แต่เขาว่ากันว่า ปีนี้จะบรรเจิดกว่าอย่างแน่นอน! เดี๊ยนถึงอยากให้แฟนคลับลองประเมินราคาปิดที่ 5.75 บาท บวกไป 0.45 บาท หรือขึ้นไป 8.50% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 203 ล้านบาท เทียบกับค่า PE 8.50 เท่า พ่วงด้วยเงินปันผลอีกหุ้นละ 0.30 บาทแบบนี้.. คุ้มค่าขนาดไหน น่าจะรู้อยู่แก่ใจ (ไม่ใช่เด็ก ๆ ไม่ต้องสอนกันมาก) นะคะ

* ในเมื่อมาด้วยสตอรี่ความหวัง “โมนิก้า” คงไปต่อที่หุ้นข้าวโพดหวาน SUN ซึ่งทำผลงานได้ค่อนข้างสวยหรูในปีที่ผ่านมา และในปีนี้ก็เชื่อกันว่า น่าจะเป็นปีที่ดีอีกปีหนึ่ง จึงมีแรงซื้อกลับมาไล่หุ้นอีกระลอก จนหุ้นพุ่งขึ้นมาปิดที่ 6.45 บาท บวกไป 0.70 บาท หรือขึ้นไป 12.15% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 131 ล้านบาท ท่ามกลางค่า PE 13 เท่าโชว์หราแบบนี้ มันช่างเหมาะสำหรับการโหนกระแสเสียจริง ๆ นะนายจ๋า!

* เรื่องข้างต้นทำให้เดี๊ยนต้องหันมามองหุ้น IMH หลังเปิดสตอรี่เกี่ยวกับบุ๊กรายได้ “รพ.ประชาพัฒน์” อย่างเป็นทางการ ราคาหุ้นก็พุ่งชนซิลลิ่งอย่างรวดเร็ว ก่อนจะปิดไปที่ระดับ 4.28 บาท บวกไป 0.98 บาท ท่ามกลางมูลค่าการซื้อขาย 95 ล้านบาท แถมยังมีการปรับเป้าขึ้นไปเป็น 5.30 บาทแบบนี้ “โมนิก้า” ย่อมมองเป็นช็อตของการไหลตามน้ำแบบไม่ต้องคิดอะไรมาก เพียงแต่การเคาะเที่ยวนี้ต้องเน้นสั้น ๆ ไว้ก่อนนะจ๊ะ

* ส่วนรายที่ต้องคิดหนักมากเป็นพิเศษ “โมนิก้า” คงมองไปที่หุ้น BC เพื่อชี้ให้เห็นกระแสสายเขียวมาแรงแบบเว่อร์ ๆ เพราะที่ผ่านมาบริษัทมีปัญหาขาดทุนเรื้อรังมาโดยตลอด แต่ทันทีที่บอกกับชาวโลกให้รู้ว่า เขาจะมาแนวเฮิร์บเต็มตัวแล้วนะ! ราคาหุ้นก็พุ่งขึ้นมาปิดที่ 2.02 บาท บวกไป 0.31 บาท หรือขึ้นไป 18.10% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 115 ล้านบาทอย่างรวดเร็วแบบนี้ มันใช่จริงเหรอ?.. อิอิอิ

* ขนาดหุ้นตัวแรงอย่างยุพา UPA ยังเกาะกระแสกับเขาขึ้นมาด้วยแบบงง ๆ ก่อนจะปิดไปที่ระดับ 0.27 บาท บวกไป 0.04 บาท หรือขึ้นไป 17.40% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 106 ล้านบาท “โมนิก้า” มองเป็นช็อตที่ต้องเน้นเร็วอีกเช่นกัน เพราะสตอรี่เที่ยวนี้เป็นเรื่องของ “เทิร์นอะราวด์” จึงต้องลุ้นกันหนักว่า ปีนี้จะมาจริงไหม? เพราะเคยช่วยลุ้นมาแล้วหลายรอบ..แต่ไม่มาสักทีนะสิ

* ก่อนจากกัน “โมนิก้า” ขอตบท้ายที่เรื่องรวบหุ้นเพื่อสานต่อภารกิจของ WEH ภายใต้การกุมบังเหียนของ “ประเดช” กันสักหน่อยดีกว่า เพราะขาเม้าท์ลือให้แซ่ดว่า นี่เป็นการถวายสิทธิ์เพื่อให้ช่วยจัดการทุกอย่างที่เกี่ยวข้องกับ “วินด์” แก่ก๊วนของ เฮีย.ป อย่างเบ็ดเสร็จเด็ดขาด จนนำไปสู่คำถามที่ว่า แมงเม่าที่ถือหุ้นมาเป็นปี.. เอาไงดี? เพราะกลัวจะเข้าตำรา “เตะหมูเข้าปาก..” ไงล่ะคะ

* ประเด็นดังกล่าวยังทำให้สมาคม “คนชอบเผือก” เสนอไอเดียแบบกิ๊ฟเก๋ว่า แมงเม่ายังมีสิทธิ์เลือกอยู่ตรงกลาง ซึ่งจะเป็นการบาลานซ์ขั้วอำนาจทั้งสองฝั่ง เพื่อรอวันที่ทุกอย่างชัดเจน ตอนนั้นค่อยมาเลือกข้างก็ยังไม่สายเกินไป “โมนิก้า” จึงขอเป็นตัวกลางบอกเล่าความคิดของคนเหล่านั้น เพื่อให้ทุกฝ่ายร่วมกันหาทางออกแบบ “วิน-วิน” เพราะเดี๊ยนเบื่อเรื่องเกมใต้ดินมากเหลือเกิน บวกกับฝั่งของ เฮีย.ป บอกชัดว่า ทั้งหมดเป็นเรื่อง “ไว้ใจ” หากแมงเม่า “ไม่ไว้ใจ” ก็ไม่ต้องเข้ามาอยู่ในโฮลดิ้ง..แฟร์ไหม?..ลองถามใจเธอดู..อิอิอิ