*ตลาดหุ้นไทยเมื่อวานนี้ เปิดเช้าในแดนลบ ก่อนจะขึ้นมาบวกระหว่างวัน และลงไปลบต่อตั้งแต่เวลา 15.20 น. จนมาปิดระดับ 1,617.65 จุด หลุดแนวรับ 1,625–1,620 จุด ส่วนวันนี้แนวรับถัดไปทางเทคนิค 1,605 จุด และแนวรับจิตวิทยาที่ 1,600 จุด หากหลุดที่แนวหลังนี้ คงต้องตัวใครตัวมันนั่นแหละ

*OR บมจ.ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก จะเข้าคำนวณดัชนี FTSE All World ณ ราคาปิดของวันนี้ และปกติแล้ว ก่อนหน้านั้น 1 วัน หรือเมื่อวานนี้ จะต้องมีแรงเก็งกำไรเข้ามา แต่กลับไม่ได้เป็นเช่นนั้น แถมราคายังร่วงลงไปอีก ดูแล้วเหมือนมีการดึง ๆ ราคาไว้ (ยัง) ไม่ให้วิ่งขึ้น ส่วนวันนี้ หากสถานการณ์ยังเหมือนเมื่อวานนี้ แนะนำให้ “เลี่ยง” หรือชิ่งไว้ก่อน เพราะปกติแล้ว กองทุนที่เข้าลงทุนตามดัชนี จะกดราคาให้ต่ำลงมาอีก จากที่เราเห็นการซื้อขายในกระดานก่อนที่ตลาดจะปิด หรือช่วงก่อน ATC คาดว่าราคาที่กองทุนจะเข้าเก็บน่าจะอยู่ราว ๆ 30.00 บาท บวก/ลบ

*หุ้น JAS “เจ้ามือ” รวยไปแล้ว หลังลากราคาขึ้นมาจาก 2.70-2.80 บาท ด้วยการทุ่มทุนลากเองมาแบบเดี่ยว ๆ เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา ก่อนจะปล่อยของออกไปก่อนล็อตนึง แล้วมาปล่อยอีกล็อตในวันอังคาร เมื่อมีรายย่อยเข้ามาช่วยกันลากขึ้นให้บริเวณ 3.34-3.36 บาท แล้วตบร่วงด้วยไม้ใหญ่ ๆ ส่วนวันพุธและพฤหัสฯ เหลือแต่รายย่อยเล่นกันเองแล้ว เจ้ามือนอนตีพุงสบาย มีเงินไปช้อปปิ้ง จ่ายหนี้ได้แบบชิล ๆ

*BLA กรุงเทพประกันชีวิต ราคาดีดเป็นม้าเลย หลังธนาคารกลางสหรัฐ หรือ เฟดส่งสัญญาณเตรียมขึ้นดอกเบี้ย สะท้อนให้เห็นว่า ดอกเบี้ยลงมาจนจุดต่ำสุดไปแล้ว และกำลังพลิกกลับหัวเป็นขาขึ้น สถานการณ์แบบนี้ หุ้นประกันรับประโยชน์เต็ม ๆ จากผลตอบแทนบอนด์ที่พุ่ง และไม่ต้องเผชิญกับตั้งสำรองอะไรแล้ว แนวโน้มกำไรปีนี้ของ BLA นักวิเคราะห์คาดว่า จะพุ่งเกิน 100% จากปีก่อนหน้าแน่นอน

*IRPC ราคาหุ้นไปต่อไม่ไหว แนวต้าน 4.06 บาท ยากที่จะผ่านจริง ๆ แม้ล่าสุดติดเข้าคำนวณดัชนี SET50 รอบครึ่งหลังของปีนี้ แต่อย่างว่าล่ะ ราคาหุ้นวิ่งขึ้นมาต่อเนื่อง (จนอัพไซด์จำกัด) ตั้งแต่ปลายปี 2563 แถว ๆ 2.10 บาท หรือผ่านมา 7-8 เดือนราคาหุ้นพุ่งขึ้นมาแล้ว 100% ในด้านพื้นฐาน แนวโน้มไตรมาส 2 กำไรยังเติบโตต่อเนื่องจากคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ จากส่วนต่างราคาผลิตภัณฑ์ส่วนใหญ่ที่ยังอยู่ในระดับที่ดีโดยเฉพาะกลุ่มปิโตรเคมีที่ได้ผลบวกจากการทยอยฉีดวัคซีนในประเทศต่าง ๆ ส่งผลให้อุปสงค์กลับมาฟื้นตัว เช่นเดียวกับกลุ่มปิโตรเลียมจะได้ผลบวกจากการใช้กำลังการผลิตเพิ่มขึ้นกำไรสุทธิปีนี้น่าจะอยู่ที่ 10,458 ล้านบาทเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยจากปีก่อนขาดทุน 6,152 ล้านบาท

*CPF บมจ.เจริญโภคภัณฑ์อาคาร ราคาหุ้นไม่หือไม่อือ หรือไม่รับรู้อะไรเลย ข่าวดีไม่มี ข่ายร้ายไม่ปรากฏ แนวต้าน 30.00 บาท แกร่งยิ่งกว่ากำแพงเมืองจีน ใครเล่นหุ้นตัวนี้ต้องดัดเล่นรอบระหว่าง 27.00-29.00 บาท หรือไม่ก็ซื้อถือยาว ๆ รับเงินปันผลกันไป เพราะดิวิเดนท์ยีลด์เกือบ 4% ถือว่าน่าสนใจไม่น้อย พกติดพอร์ตไว้ไม่เสียหายอะไร โดยเฉพาะช่วงที่ราคาลงมาบริเวณ 26.00-27.00 บา เหมาะต่อการทยอยเก็บ

*บมจ.ไซมิส แอสเสท (SA) คาด แนวโน้มไตรมาส 2/64 กระเป๋าจะตุงแน่ ๆ จากผลการดำเนินงานจะดีขึ้น ทั้งจากยอด Pre-sale ที่จองเพิ่มขึ้นพรวดพราด หลังรุกทำการตลาดผ่านช่องทางออนไลน์ และเน้นสินค้าที่ตอบโจทย์ลูกค้ากลุ่ม Real Demand มากขึ้น ส่วนตอนนี้มียอดขายที่รอรับรู้รายได้ หรือ Backlog อยู่ที่ 6,391 ล้านบาท มีโครงการพร้อมอยู่ (Ready to Move) 6,767 ล้านบาท และมีโครงการที่อยู่ระหว่างก่อสร้าง 15,590 ล้านบาท

*ชวินดา หาญรัตนกูล เอ็มดีสาวสวย บลจ.กรุงไทย หรือ KTAM ฝากแจ้งมาว่า KTAM มีมติจ่ายเงินปันผล 4 กองทุน “มั่ง มี ศรี สุข” ให้ผู้ลงทุนพร้อมกันวันที่ 30 มิ.ย.นี้ ประกอบด้วย กองทุนเปิดกรุงไทยมั่งคั่ง (ชนิดจ่ายเงินปันผล) หรือ KTMUNG-D ในอัตรา 0.13 บาท ต่อหน่วย กองทุนเปิดกรุงไทยมีทรัพย์ (ชนิดจ่ายเงินปันผล): หรือ KTMEE-D ในอัตรา 0.10 บาท ต่อหน่วย กองทุนเปิดกรุงไทยศรีสิริ (ชนิดจ่ายเงินปันผล) หรือ KTSRI-D ในอัตรา 0.10 บาท ต่อหน่วย และกองทุนเปิดกรุงไทยสุขใจ (ชนิดจ่ายเงินปันผล) หรือ KTSUK-D ในอัตรา 0.09 บาท ต่อหน่วย สำหรับรอบปีบัญชี 1 มี.ค. 2564-31 พ.ค. 2564