November 23, 2024   6:32:07 AM ICT
เว็บบอร์ด > ห้องสาระน่ารู้ > มาลงทุนกันเถอะ ตอน3 # ลงทุนในหุ้น
 

mama
สมาชิก

จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 82
วันที่: 29/02/2012 @ 16:33:00
คุณชอบกระทู้นี้หรือไม่

ผลการโหวต
ชอบ
0.00%
0 คน

ไม่ชอบ
0.00%
0 คน




ปัจจุบันมีคนสนใจลงทุนในหุ้นกันอย่างกว้างขวางครับ เพราะเป็นสินทรัพย์ที่มีสภาพคล่องสูงและมีโอกาสได้ผลตอบแทนสูงมากด้วย ( โอกาศเจ๊งก็มากด้วยเช่นกัน -_-) ดังนั้น เรามาทำความรู้จักหุ้นหรือตราสารทุนกันอีกสักครั้งครับ


หุ้นมีสองประเภท คือหุ้นสามัญกับหุ้นบุริมสิทธิ


หุ้นสามัญคือหุ้นที่แสดงสัดส่วนในการเป็นเจ้าของกิจการ โดยความเป็นเจ้าของจะถูกแบ่งตามจำนวนหุ้น ผู้ที่ถือหุ้นรายใหญ่ก็มักจะมีเสียงข้างมากเหนือผู้ถือหุ้นรายย่อยซึ่งผู้ถือหุ้นรายใหญ่นั้นก็มักจะมีข้อมูลเกี่ยวกับบริษัทมากกว่าผู้ถือหุ้นรายอื่นๆ ดังนั้นทางการจึงระบุให้การใช้ข้อมูลภายใน ( inside information) ก่อนการเผยแพร่ข้อมูลต่อตลาดเพื่อเป็นประโยชน์ในการทำธุรกรรมซื้อขายหุ้นของบุคคลใดๆถือเป็นการกระทำที่ผิดกฏหมาย ทั้งนี้ก็เพื่อเป็นการคุ้มครองผู้ถือหุ้นรายย่อยทางหนึ่ง


ผู้ถือหุ้นสามัญจะได้รับสิทธิ 4 ประการด้วยกันคือ สิทธิในการลงคะแนนเสียง , สิทธิในการรับเงินปันผลจากการดำเนินงาน, สิทธิในการได้สิทธิจองซื้อหุ้นใหม่ก่อนคนอื่น
และ ถ้ากิจการล้มละลายผู้ถือหุ้นมีสิทธิได้รับส่วนแบ่งที่เหลือของกิจการหลังจ่ายหนี้แล้วด้วย


ส่วนหุ้นบุริมสิทธิผู้ถือหุ้นจะได้รับสิทธิเช่นเดียวกับหุ้นสามัญ เพียงแต่จะได้รับเงินปันผลก่อนผู้ถือหุ้นสามัญในอัตราที่กำหนดแน่นอน แต่จะไม่ได้สิทธิลงคะแนนเสียงในที่ประชุมครับ

 กลับขึ้นบน
mama
สมาชิก

จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 82
#1 วันที่: 29/02/2012 @ 16:35:48 :



ผลประโยชน์จากการถือหุ้น
ปกติแล้วหุ้นที่ดี จะให้ผลตอบแทน 5 ลักษณะด้วยกัน ดังนั้นในการลงทุนหุ้นสักตัว เราต้องพิจารณาผลประโยชน์ที่คาดว่าจะได้รับในอนาคตเสมอครับ เพราะหุ้นบางตัวไม่ได้ให้ผลตอบแทนครบทั้งห้าแบบ ซึ่งมีดังนี้


เงินปันผล (Dividend)
คือ ส่วนของกำไรที่บริษัทแบ่งจ่ายให้ผู้ถือหุ้น สำหรับผู้ถือหุ้นบุริมสิทธิมักจะมีการกำหนดเอาไว้ตายตัวเป็นร้อยละของราคาที่ตราไว้ แต่เงินปันผลของหุ้นสามัญจะผันแปรไปตาม ผลการดำเนินงานของบริษัทในแต่ละปี ซึ่งในการจ่ายเงินปันผล คณะกรรมการของบริษัทจะประชุมเพื่อประเมินฐานะทางการเงินของบริษัทและความต้องการใช้เงินในอนาคต เมื่อมีมติแล้ว คณะกรรมการจะกำหนดการจ่ายเงินปันผลโดยกำหนดวันปิดสมุดทะเบียนหุ้น และวันจ่ายเงินปันผลซึ่งช่วงระหว่างปิดสมุดจนถึงวันจ่ายเงินปันผล คือช่งที่ขึ้นเครื่องหมาย XD ซึ่งแสดงว่าผู้ที่ซื้อหุ้นในช่วงนั้นจะไม่มีสิทธิในการรับเงินปันผล


กำไรจากส่วนต่างของราคา (Capital Gain/Loss)
กำไรจากส่วนต่างของราคาที่ผู้ถือหุ้นขายไปเมื่อเทียบกับราคาที่ซื้อมา เนื่องจากตลาดหุ้นมีราคาที่ผันแปรตลอดเวลาซึ่งคาดการณ์ได้ยาก ทำให้เกิดความเสี่ยงที่จะได้รับผลตอบแทน
มากน้อยหรือติดลบแตกต่างกันไป
 กลับขึ้นบน
mama
สมาชิก

จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 82
#2 วันที่: 29/02/2012 @ 16:40:12 :



การแตกหุ้น (Split)
จะเกิดเมื่อหุ้นมีราคาในตลาดสูงมากจนนักลงทุนรายย่อยไม่สามารถลงทุนได้ โดยการแตกหุ้นให้มีราคาต่ำลงแต่ก็จะมีปริมาณหุ้นเพิ่มขึ้นตามสัดส่วน ดังนั้นผู้ถือหุ้นที่มีหุ้นโดนแตกหุ้นจึงไม่มีผลกระทบต่อสัดส่วนการถือครองหุ้น เพียงแต่มีประโยชน์ช่วยให้มีการซื้อขายมากขึ้น และสภาพคล่องที่ดีขึ้น


สิทธิการจองซื้อหุ้นออกใหม่ (Right Issue)
เป็นสิทธิที่ให้แก่ผู้ถือหุ้นของบริษัทในการจองซื้อหุ้นสามัญออกใหม่จากการเพิ่มทุน ซึ่งจะเป็นไปตามสัดส่วนของหุ้นที่ถืออยู่ และในราคาที่กำหนด ซึ่งมักจะต่ำกว่าราคาที่ขายให้บุคคลทั่วไป ทั้งนี้ สิทธิจองซื้อหุ้นออกใหม่สามารถเปลี่ยนมือได้ โดยถ้าผู้ถือหุ้นไม่ต้องการจะใช้สิทธิจองซื้อหุ้นใหม่ ก็สามารถขายสิทธิดังกล่าวให้คนอื่นในตลาดหุ้นได้


หุ้นปันผล (Stock Dividend)
คือการออกหุ้นใหม่เพื่อจ่ายเป็นปันผลให้แก่ผู้ถือหุ้นที่มีชื่อในวันที่ปิดสมุดทะเบียนหุ้น ประโยชน์ที่บริษัทจะได้รับคือการช่วยเพิ่มปริมาณหุ้นในตลาดคล้ายๆกับการแตกพาร์
 กลับขึ้นบน
mama
สมาชิก

จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 82
#3 วันที่: 29/02/2012 @ 16:42:01 :




อัตราส่วนทางการเงินเพื่อใช้ในการวิเคราะห์หุ้น
ในการจะเลือกลงทุนในหุ้นตัวใดตัวหนึ่ง เราจำเป็นต้องพิจารณาข้อมูลเพื่อเลือกหุ้นซึ่งมีผลการดำเนินงานที่น่าสนใจ โดยปัจจุบันตลาดหลักทรัพย์ได้เตรียมข้อมูลพื้นฐาน เพื่อเผยแพร่ให้นักลงทุนทราบเป็นประจำอยู่แล้ว ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะมีประโยชน์เป็นอย่างยิ่งเมื่อนำมาประยุกต์ใช้ เราสามารถติดตามข้อมูลเหล่านี้ได้ในหนังสือพิมพ์ธุรกิจ ซึ่งประกอบไปด้วยอัตราส่วนทางการเงิน 3 ตัวด้วยกันคือ



Price-Earnings Ratio ( P/E )
เป็นสัดส่วนที่คำนวณโดยนำราคาปิดของหุ้น หารด้วยกำไรต่อหุ้น ค่าที่คำนวณได้จะมีค่าเป็นเท่า ซึ่งแสดงให้เห็นว่า ราคาหุ้นที่ซื้อขายกันอยู่นั้นมีราคาเป็นกี่เท่าของกำไรต่อหุ้นที่ได้รับใน 1 ปี ซึ่งถ้ามองอย่างง่ายๆ เราสามารถนำค่า P/E มาเป็นเกณท์เปรียบเทียบในการเลือกหุ้นได้เช่นกัน โดยหุ้นที่มีค่า P/E ต่ำกว่า ถือว่ามีความน่าลงทุนมากกว่า เพราะเท่ากับว่าหุ้นนั้นมีราคาถูกกว่าตัวอื่น
 กลับขึ้นบน
mama
สมาชิก

จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 82
#4 วันที่: 29/02/2012 @ 16:44:23 :



อัตราผลตอบแทนเงินปันผล ( Dividend Yield )
เป็นอัตราส่วนที่แสดงผลตอบแทนในรูปเงินปันผลที่ได้รับใน 1 ปี เปรียบเทียบเป็น % กับราคาหุ้น โดยเราสามารถนำค่าที่ได้ ไปเปรียบเทียบเพื่อเลือกหุ้นที่ให้ผลตอบแทนเงินปันผล สูงสุดได้ด้วย แต่ในแง่การลงทุนสัดส่วนตัวนี้ควรคำนวณจากเงินปันผลที่คาดว่าจะได้รับในอนาคต นำมาหารด้วยราคาหุ้นในปัจจุบัน แต่เนื่องจากเงินปันผลที่คาดว่าจะได้รับนั้นเป็นเรื่องที่ยังไม่เกิดขึ้น คำนวณได้ยากมาก ในทางปฎิบัติจึงมักจะนำเงินปันผลในรอบปีที่ผ่านมามาใช้แทน


อัตราส่วนราคาหุ้นต่อมูลค่าทางบัญชี ( Price to Book Value )
เป็นอัตราส่วนพื้นฐานอีกตัวที่ใช้วัดความถูกแพงของหุ้นได้ดีเช่นกัน คำนวณได้โดยนำราคาหุ้นในปัจจุบันมาหารด้วยมูลค่าหุ้นทางบัญชี ถ้าสัดส่วนที่คำนวณมาได้มากกว่า 1 ก็แสดงว่าราคาหุ้นในปัจจุบันมีมูลค่าสูงกว่ามูลค่าจริงๆของหุ้นเมื่อคำนวณจากมูลค่ากิจการรวมตามงบการเงิน ดังนั้นในทางปฎิบัติยิ่งหุ้นตัวใดมีสัดส่วนราคาต่อมูลค่าทางบัญชีต่ำกว่า 1 มากเท่าไหร่ก็ยิ่งแสดงว่ามีราคาถูก น่าจูงใจต่อการลงทุนมากเท่านั้น
 กลับขึ้นบน
มิสเตอร์M
สมาชิก

จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 29
#5 วันที่: 16/12/2013 @ 14:22:12 :
แนะนำหนังสือหุ้น หนังสือเจาะหุ้นVIโรงพยาบาล เป็นหนังสือเกี่ยวกับข้อมูลของโรงพบาลไทยที่อยู่ในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เหมาะสำหรับนักลงทุนที่จะซื้อเก็บไว้ศึกษาเป็นข้อมูลในการลงทุน ล่าสุดวางแผงได้อาทิตย์เดียว ยอดจำหน่ายในร้านนายอินทร์ติดอัน16 และในร้านซีเอ็ดบุ๊คส์เซ็ฯเตอร์ติดอันดับ40 ในหมวดบริหารธูรกิจ และคงจะยิ่งแรงขึ้นไปอีกในปี2557
ไฟล์แนบ
 กลับขึ้นบน
firstcy
สมาชิก

จังหวัด: นครราชสีมา
โพสต์: 64
#6 วันที่: 23/10/2015 @ 23:41:42 :
 กลับขึ้นบน

 
 

Copy Right © 2009-2012 © Thaihoon.Com