รายย่อยเทขายหุ้นไอเน็ตหนัก กดราคาดิ่ง 11% เหตุไม่มั่นใจผลประกอบการไตรมาส 2 และโครงการเครื่องรูดบัตรอีดีซี มีความล่าช้า

นักลงทุนรายย่อยทิ้งหุ้นบริษัท อินเทอร์เน็ต ประเทศไทย(ไอเน็ต) ในการซื้อขายตลอดวานนี้ ( 6 ส.ค.) โดยเปิดตลาดวานนี้อยู่ในแดนลบที่ระดับ 5.50 บาท หลังจากนั้นก็แรงเทขายหุ้นออกมาอย่างหนักทำให้ราคารูดลงไปที่ระดับ 5.20 บาท ในช่วงเช้า

ส่วนช่วงบ่ายแรงขายยังมีออกมาอย่างต่อเนื่อง ทำให้ราคาหุ้นหลุดแนวรับ 5.20 บาท ทำให้นักลงทุนตื่น และมีแรงเทขายออกมา ก่อนจะปิดตลาดที่ 4.92 บาท ลดลง 0.63 บาท หรือ 11.4% วอลุ่ม 12.71 ล้านบาท

นักวิเคราะห์หลักทรัพย์จากบริษัทหลักทรัพย์ฟิลลิป กล่าวว่า สาเหตุที่ทำให้ราคาหุ้นไอเน็ต ปรับตัวลงแรงตลอดวัน และติด 10 อันดับหุ้นที่มูลค่าลดลงต่ำสุดตั้งแต่ช่วงเช้าวานนี้ เนื่องจากความล่าช้าของโครงการอีดีซี ที่เป็นการนำเสนอเครื่องรูดบัตรเครดิตใหม่

ด้านนักวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ไซรัส กล่าวว่า นอกเหนือจากจิตวิทยาตลาดหุ้นที่อยู่ในทิศทางขาลง ที่ทำให้หุ้นไอเน็ต ปรับตัวลงมาแล้ว ปัจจัยเรื่องโครงการอีดีซี ก็เป็นตัวฉุดราคาหุ้นไอเน็ต ให้ร่วงลงมาอีก เพราะความคืบหน้าโครงการอีดีซีน้อยมาก ด้วยปัญหาทางเทคนิค ทำให้ต้องเลื่อนรับรู้รายได้ในส่วนนี้ไป โดยปัจจุบันอยู่ระหว่างการปรับปรุงซอฟต์แวร์ให้เหมาะสมกับการใช้งาน

รายได้ในส่วนโครงการอีดีซี จะคิดเป็นประมาณ 17% ของรายได้ในส่วนของ Non-Access ทั้งหมด ดังนั้นจึงถือว่ามีผลให้ต้องมีการปรับประมาณการและราคาเหมาะสมใหม่ โดยไอเน็ตจะได้ขายเครื่องรูดบัตรใหม่ในราคาประมาณ 7,000 -10,000 บาทต่อเครื่อง แหล่งข่าว กล่าว

นอกจากนี้ อีกปัจจัยหนึ่งที่ส่งผลให้มีแรงขายหุ้นไอเน็ตออกมามากคือ แนวโน้มผลประกอบการไตรมาส 2 ปีนี้จะลดลงจากไตรมาสแรก เนื่องจากรายได้ทั้งในส่วน Access และ Non-Access ยังไม่เติบโต

ที่มา www.bangkokbiznews.com