April 29, 2024   4:47:53 AM ICT
หวั่นเอเชียกุมชะตาเศรษฐกิจUS

 เอเอฟพี ? การกว้านซื้อพันธบัตรคลังสหรัฐฯของเหล่าธนาคารกลางเอเชียกำลังถูกจับตามองด้วยความเคลือบแคลง โดยเฉพาะในจังหวะที่การเลือกตั้งประมุขทำเนียบขาวใกล้เข้ามาทุกขณะ โดยประเด็นที่นักการเมืองและผู้เชี่ยวชาญอเมริกันกังวลมากก็คือ ความมั่นคงของชาติ และปัญหาการขาดดุลบัญชีเดินสะพัดโป่งพอง
        ช่วง 2 ปีที่ผ่านมา ธนาคารกลางในเอเชีย นำโดยญี่ปุ่น และจีน กว้านซื้อสินทรัพย์ในสหรัฐฯนับแสนล้านดอลลาร์ โดยเฉพาะพันธบัตรคลัง เนื่องจากการลงทุนในหลักทรัพย์อเมริกัน เป็นวิธีหนึ่งที่ชาติเอเชียใช้ในการสกัดไม่ให้ค่าเงินของตนเองแข็งขึ้นเมื่อเทียบดอลลาร์ เพื่อให้สินค้าออกมีราคาถูกลงแต่มีเสน่ห์เย้ายวนยิ่งขึ้นในสายตาคนอเมริกัน
        ผู้สังเกตการณ์บางคนบอกว่า การถือครองสินทรัพย์อเมริกันจำนวนมากของชาติเอเชีย อาจช่วยรั้งอัตราดอกเบี้ยสหรัฐฯไว้ในระดับต่ำ อีกทั้งช่วยผ่อนเพลาภาระหนี้ของอเมริกา แต่ขณะเดียวกัน ก็ทำให้ยอดขาดดุลบัญชีเดินสะพัดของสหรัฐฯพุ่งทำสถิติสูงสุดที่ 541,800 ล้านดอลลาร์
        ทว่า ผู้สังเกตการณ์อีกส่วนกลัวว่า การที่ต่างชาติถือครองสินทรัพย์สหรัฐฯจำนวนมากมายมหาศาล อาจสร้างความเสียหายใหญ่หลวงต่อเศรษฐกิจแดนอินทรี หากมีการเทขายสินทรัพย์เหล่านั้นกระทันหัน
        ลอว์เรนซ์ ซัมเมอร์ส อธิการบดีมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด และอดีตรัฐมนตรีคลังสหรัฐฯสมัยบิลล์ คลินตัน เปรียบเทียบการกว้านซื้อสินทรัพย์สหรัฐฯของเอเชียว่า เหมือนกับการสะสมทองคำของชาติยุโรปเมื่อหลายศตวรรษที่แล้ว ผิดแต่ว่าสถานการณ์ของสหรัฐฯค่อนข้างล่อแหลมในแง่ของการพึ่งพิงเงินสดต่างชาติ ในทางกลับกัน ประเทศที่ถือครองเงินตราและหลักทรัพย์สหรัฐฯ ถือได้ว่าเป็นผู้กุมชะตาความมั่งคั่งของสหรัฐฯไว้ในมือ
        ปัจจุบัน ต่างชาติถือครองพันธบัตรคลังสหรัฐฯที่ซื้อขายในตลาดอยู่เกือบ 40% โดยแบงก์ชาติเอเชียเพิ่มการถือครองสินทรัพย์สหรัฐฯเป็นหนึ่งล้านล้านดอลลาร์โดยประมาณ
        ในระหว่างการประชุมใหญ่พรรคเดโมแครตเมื่อปลายเดือนที่แล้ว เพื่อรับรองจอห์น แคร์รี่ในฐานะผู้ชิงชัยตำแหน่งประธานาธิบดีอย่างเป็นทางการในศึกเลือกตั้งเดือนพฤศจิกายนที่จะถึงนั้น คลินตันได้โจมตีคณะบริหารของประธานาธิบดีจอร์จ ดับเบิลยู บุช ที่ยอมให้ต่างชาติเข้าไปมีอิทธิพลทางการเงินต่อระบบเศรษฐกิจของสหรัฐฯ
        อดีตผู้นำทำเนียบขาวสมัยที่แล้วกล่าวหาว่า รัฐบาลบุชยืมเงินต่างชาติ โดยเฉพาะญี่ปุ่นและจีน มาโปะยอดขาดดุลงบประมาณที่คาดว่าจะสูงสุดเป็นประวัติการณ์ถึง 445,000 ล้านดอลลาร์ในปีนี้
        ย้อนกลับไปเมื่อเดือนมีนาคม อลัน กรีนสแปน ประธานผู้ว่าการธนาคารกลางแห่งสหรัฐฯ (เฟด) เคยยอมรับว่า กังวลกับผลกระทบจากการเทขายพันธบัตรคลังสหรัฐฯของบรรดาแบงก์ชาติเอเชียภายในเวลาอันรวดเร็ว อย่างไรก็ดี เขาเชื่อว่าผลกระทบอาจมีไม่มากนัก เนื่องจากทุนสำรองของธนาคารกลางในเอเชียส่วนใหญ่อยู่ในรูปตราสารหนี้ระยะสั้น และมูลค่าการถือครองยังถือว่าน้อยมากเมื่อเทียบกับมูลค่ารวมในตลาดสินทรัพย์ระยะสั้นสกุลดอลลาร์
        ด้านมอร์ริส โกลด์สไตน์ เจ้าหน้าที่อาวุโสของสถาบันเศรษฐศาสตร์ระหว่างประเทศในวอชิงตัน ชี้ว่ารากเหง้าของปัญหาคือการเพิ่มขึ้นของยอดขาดดุลบัญชีเดินสะพัดของสหรัฐฯ ขณะที่ปัญหาของเอเชียอยู่ที่การไม่ยอมให้ค่าเงินของตัวเองแข็งขึ้นตามภาวะตลาด
        ทั้งบุชและแคร์รี่ต่างโจมตีจีนว่า พยายามกระตุ้นการส่งออกด้วยการประคับประคองเงินหยวนให้มีค่าต่ำเกินจริง โดยอ้างอิงยอดเกินดุลการค้าที่จีนมีต่อสหรัฐฯในปีที่ผ่านมา ซึ่งสูงถึง 124,000 ล้านดอลลาร์
        ทางการวอชิงตันกล่าวว่า การมีส่วนร่วมมากขึ้นในตลาดพันธบัตรสหรัฐฯของนักลงทุนต่างชาติ ซึ่งรวมถึงธนาคารกลางในเอเชีย ช่วยลดต้นทุนการกู้ยืม และสะท้อนถึงความมั่นใจของเจ้าหนี้ต่างชาติที่มีต่อสหรัฐฯ
        แต่ขณะเดียวกัน สมาชิกส่วนหนึ่งในคณะที่ปรึกษาด้านตลาดการเงินกลับเสนอให้รัฐบาลอเมริกันกระตุ้นธนาคารกลางในเอเชียที่ถือครองพันธบัตรคลังสหรัฐฯจำนวนมาก เข้าไปเล่นในตลาดรีโป คือตลาดที่มีข้อตกลงว่า ผู้ขายหลักทรัพย์ จะต้องตกลงกับผู้รับซื้อว่าจะกลับมาซื้อคืนในเวลาและราคาที่กำหนดกันไว้ เพื่อป้องกันความผันผวนในตลาด จากกรณีการเทขายสินทรัพย์สหรัฐฯ

www.manager.co.th ที่มา
       

เข้าชม: 1,768

 
 

Copy Right © 2009-2012 © Thaihoon.Com