ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากกรณีที่ น.ส.ปองรัตน์ รัตนะตวณานนท์ ผู้จัดการฝ่ายวิเคราะห์ หลักทรัพย์ บล.บัวหลวง ให้สัมภาษณ์สาเหตุที่ทำให้ราคาใบอนุพันธ์ แสดงสิทธิ์ซื้อหุ้นสามัญ SCIB-C1 ทรุดตัวลดลง เกิดจากนักลงทุนตอบรับวันหมดอายุของ SCIB-C1 คือ วันที่ 25 พ.ย. ซึ่งถือว่าใกล้เข้ามาแล้ว และจะมีการขึ้นเครื่องหมายห้ามซื้อขายหุ้นเป็นการชั่วคราว (SP) ประมาณ 1 เดือนก่อนหมดอายุนั้น นายสมพล เกียรติไพบูลย์ ประธานกรรมการธนาคารนครหลวงไทยกล่าวว่า ข้อมูลดังกล่าวไม่เป็นความจริง
หุ้น SCIB-C1 จะไม่มีการขึ้นเครื่องหมายเอสพี โดยนักลงทุนสามารถซื้อขายได้จนถึงวันที่ 25 พ.ย. อย่างไรก็ตาม ในเรื่องนี้ธนาคารได้ส่งหนังสือตำหนิการกระทำไปยัง บล.บัวหลวงแล้ว ขณะนี้ต้องรอผลว่าผู้บริหาร บล.บัวหลวงจะมีการจัดการเรื่องนี้อย่างไร และในวันนี้ (13 ส.ค.) จะนำเรื่องนี้ไปหารือกับตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย และคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ส่วนการที่ น.ส.ปองรัตน์ออกมาให้สัมภาษณ์เรื่องการขึ้นเครื่องหมายเอสพีหุ้น SCIB-C1 กับหนังสือพิมพ์และมีการตีพิมพ์เมื่อวันที่ 12 ส.ค. ที่ผ่านมา ในเรื่องนี้ก็ต้องดูสภาพแวดล้อมว่า มีการกระทำแล้วกี่ครั้ง การลงบทสัมภาษณ์ของหนังสือพิมพ์ เป็นการนำสัมภาษณ์เดิมที่เคย ให้สัมภาษณ์ผ่านสำนักข่าวมาใช้ หรือเป็นการให้สัมภาษณ์ใหม่ นายสมพล กล่าว
ด้านนายสมใจนึก เองตระกูล ปลัดกระทรวงการคลัง ในฐานะประธานกรรมการกองทุนรวม วายุภักษ์ กล่าวว่า จะเชิญผู้จัดการกองทุนรวมวายุภักษ์ 1 มาหารือที่กระทรวงการคลัง วันเดียวกัน เกี่ยวกับแนวทางการลงทุนในตลาดหลักทรัพย์ในช่วงที่ผ่านมา เพราะขณะนี้ราคาหุ้นในตลาดหลักทรัพย์ได้ปรับตัวลดลงไปมากแล้ว โดยเฉพาะหุ้นในกลุ่มธนาคารพาณิชย์ที่กองทุนรวมวายุภักษ์ 1 ถืออยู่นั้นมีการสั่งซื้อเพิ่มหรือไม่ เพราะถ้าไม่มีคำสั่งซื้อเพิ่มในช่วงนี้ถือเป็นการเสียโอกาสในการลงทุนอย่างมาก
รายงานแจ้งว่า ในเร็วๆนี้ นายสมใจนึก จะหารือกับ ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล ผู้ว่าการธนาคาร ประเทศไทย (ธปท.) อย่างไม่เป็นทางการ ภายหลังจากรับทราบข้อมูลจากผู้บริหาร นาคารพาณิชย์ของ รัฐและนักลงทุนว่ามาตรการบางอย่างของ ธปท.ในการควบคุมและ ดูแลกิจการของธนาคารพาณิชย์ ไม่ค่อยเหมาะสมกับภาวะเศรษฐกิจที่กำลังฟื้นตัว ซึ่งที่ผ่านมานายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รมว.คลัง หารือกับผู้ว่าการ ธปท. หลายครั้งแล้ว โดยเฉพาะเรื่องการใช้ดุลพินิจของ ธปท. ที่สร้างความสับสนให้นักลงทุน แต่ก็ไม่เป็นผล ขณะที่นายสมคิดไม่ต้องการเข้าไปแทรกแซง ธปท. จึงปล่อยให้ผู้ว่าการ ธปท.ทำงานโดยอิสระ ซึ่งกลับไปใช้มาตรการที่เข้มงวดมากๆ จนก่อปัญหาให้แก่ธนาคารพาณิชย์ นอกจากนี้ นายสมใจนึกยังจะหารือกับ ก.ล.ต. และตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยด้วยว่า สาเหตุที่หุ้น SCIB-C1 ทรุดลงมากเช่นเดียวกับหุ้นธนาคารกรุงไทย เกิดจากบทวิเคราะห์ ของนักวิเคราะห์ที่เข้าใจฐานะและกิจการของธนาคารทั้ง 2 แห่งผิดพลาดหรือไม่ อย่างไรก็ดี หากมีความเข้าใจถูกแล้ว แต่ยังวิเคราะห์ผิดๆ หรือมีเจตนาจะทำผิดก็น่าจะลงโทษตามกฎหมาย
นายก้องเกียรติ โอภาสวงการ ในฐานะนายกสมาคมนักวิเคราะห์หลักทรัพย์ กล่าวว่า ช่วงนี้ตลาดหุ้นมีความอ่อนไหวและจิตวิทยาของผู้ลงทุน ถูกกระทบหนักการออกมา ให้ความเห็นหรือให้สัมภาษณ์ของนักวิเคราะห์ ต้องใช้ความระมัดระวังเป็นพิเศษ ขอให้นักวิเคราะห์ คำนึงถึงความรับผิดชอบและหน้าที่ของตัวเองให้ดี.
ที่มา นสพ.ไทยรัฐ | 