May 4, 2024   8:59:16 AM ICT
อิสรภาพทางการเงินด้วยหุ้น...ง่ายนิดเดียว โดย HP
          ถ้าใครที่ได้อ่านบทความสั้น ตั้งแต่สมัยเพิ่งมีเว็บนี้ใหม่ๆ ผมโพสต์เอาไว้ในกระทู้ แต่ไม่รู้ว่าจะหายไปหรือยัง แต่ก็ดึงเอากลับมาเล่าใหม่อีกครั้งได้ ไม่มีปัญหา
          ช่วงปีก่อนถึงปีนี้ หรือเปล่าไม่แน่ใจ หนังสือพ่อรวยสอนลูก โด่งดังมาก ยอดขายพุ่งกระฉูด หุ้นซีเอ็ดไม่รู้ว่ากระฉูดตามด้วยป่าวนะ หลายๆคนอ่านแล้ว ก็เหมือนได้ประกายไอเดียให้เข้ามาซื้อหุ้น แต่หลายๆคนที่เข้ามาซื้อหุ้นนั้น กลับลืมแก่นแท้หลักการของหนังสือไปซะสนิท
         
หลักการของหนังสือพ่อรวยข้อหนึ่งก็คือการสร้างกระแสเงินสด เพื่อทำให้เราอิสรภาพทางการเงิน ลำดับแรกเลยนั้น ต้องบอกก่อนว่า อิสรภาพทางการเงิน คืออะไร อิสรภาพหมายถึง คุณไม่ต้องอยู่ในภายใต้การบังคับจากใคร หรือสิ่งใดทั้งนั้น การเงิน ก็คือ เรื่องเงินๆทองๆ นั่นเอง อิสรภาพทางการเงิน จึงหมายถึง คุณมีเงินใช้จ่ายได้โดยไม่ต้องกังวลเรื่องใดๆทั้งสิ้น
          ทีนี้จะทำยังงัยดี หลักการนี้ ถ้าอยากจะขยายความก็ขอแนะนำหนังสือ หุ้นห่านทองคำ ครับ หาซื้อได้ตามร้านหนังสือทั่วไป ถ้าเอาชัวร์ มาที่ห้องสมุดตลาดหลักทรัพย์ มีทั้งให้อ่านฟรี และโซนขายให้ซื้อกลับไปอ่านได้ หลักการจะเหมือนกันครับ คือมองหาหุ้นที่เป็นหุ้นของบริษัทที่ดี ทำกำไรอย่างต่อเนื่อง ช่วงเศรษฐกิจซบเซา ก็กำไรนิดเดียว พอเศรษฐกิจปกติถึงดี ก็กำไรแบบเต็มเม็ดเต็มหน่วย และที่สำคัญอีกอย่างคือ ต้องจ่ายเงินปันผลสม่ำเสมอไม่มีขาด เพราะถ้าไม่จ่ายมา จะเอาเงินจากไหนใช้ล่ะครับ
          หลักข้อนึงที่จะเห็นกันบ่อยๆ ก็คือการดูที่ค่า Dividend yield ค่านี้ไว้ใช้คำนวณว่า เงินปันผลต่อหุ้นที่จ่ายนั้นเทียบกับราคาหุ้นปัจจุบันแล้วเป็นกี่เปอร์เซ็นต์ ยิ่งมากก็ยิ่งดี ผมเสนอหลักในการเลือกง่ายๆว่า ให้เปรียบเทียบกับผลตอบแทนการลงทุนแบบอื่นๆ ที่มีความเสี่ยงมากและน้อยกว่ากัน เช่น เงินฝากธนาคาร ปัจจุบันดอกเบี้ยเงินฝากยังอยู่ที่ 1 เปอร์เซ็นต์ ดังนั้น หุ้นสามัญที่มีความเสี่ยงมากกว่า ก็ควรจะอยู่ที่ 4 เปอร์เซ็นต์เป็นอย่างน้อย แต่ถ้าคุณลองไปมองพันธบัตรรัฐบาล ถ้าจำไม่ผิด ผลตอบแทนของพันธบัตรรัฐบาลอายุ 10 ปี จะให้ผลตอบแทนที่ 4 เปอร์เซ็นต์กว่า ดังนั้นคุณควรเลือกหุ้นที่ได้ค่า yield สัก 6 เปอร์เซ็นต์ขึ้นไป (นี่คือตัวอย่างนะครับ ถ้าเวลาผ่านไปอัตราผลตอบแทนเปลี่ยนไป คุณก็ต้องเปลี่ยนค่าตัวเลขใหม่นะ)
          ทีนี้ก็มาถึงขั้นตอนการเลือกหุ้น คุณสามารถหาข้อมูลย้อนหลังได้จากโบรกเกอร์ที่คุณเปิดบัญชีไว้ หรือจากแหล่งข้อมูลของตลาดหลักทรัพย์ นอกจากจะเลือกหุ้นที่สามารถทำกำไรได้ในภาวะเศรษฐกิจขาลงแล้ว คุณต้องเช็คผลประกอบการย้อนหลัง และประวัติการจ่ายปันผลย้อนหลังด้วย โดยบริษัทที่ดีจะต้องมีกำไร และจ่ายปันผลต่อเนื่องอย่างน้อย 10 ปี แต่บางบริษัทที่ทำได้ดีมาตลอด แต่สะดุดไปแค่ในช่วงปี 2540-41 แต่หลังจากนั้นก็กลับมมีากำไรและจ่ายปันผลได้จนถึงปัจจุบัน ก็ยกให้ว่ายังควรนำมาพิจารณา แต่ก็ต้องพิจารณาให้รอบคอบทุกตัว เพราะตัวที่แม้ว่าจำประวัติดีมาตลอด อนาคตอาจเปลี่ยนไปได้
          หลักการเพิ่มเติมอย่างหนึ่งที่จะทำให้คุณสบายใจก็คือ การเลือกบริษัทที่ดี ค้าขายของให้กับคนหมู่มาก สินค้ามีแบรนด์เป็นของตัวเอง และเป็นสินค้าที่คนจำเป็นต้องกินต้องใช้ หรือเป็นบริการที่คนต้องใช้เป็นประจำ และก็มาดูฐานะการเงินว่ามีหนี้ไม่มากเกินไป บริษัทที่ดีควรมีหนี้รวมไม่มากกว่า 3-4 เท่าของกำไรสุทธิ และก็มีกระแสเงินสดจากการดำเนินงานเป็นบวกด้วย ฐานะการเงินเหล่านี้ดูได้จากงบการเงิน และข้อมูลย้อนหลังจากแหล่งข้อมูลดังที่ได้บอกไปแล้ว
          เมื่อคุณซื้อหุ้นได้แล้ว คุณก็ถือหุ้นนั้นไว้ และก็ต้องคอยติดตามผลการดำเนินงาน และผลประกอบการอยู่เสมอด้วย เพราะถ้าเกิดคุณไม่ได้ติดตาม แล้ววันหนึ่งหลายอย่างที่เคยดี เปลี่ยนไปเป็นไม่ดีแล้ว ถ้าบริษัทเจ๊ง เงินลงทุนของคุณทั้งหมดก็อาจกลายเป็นศูนย์ได้ แต่ถ้าคุณติดตามและรู้ว่ามันเปลี่ยนไปในทางไม่ดีแบบถาวรแล้ว ก็ตัดใจขายออกมาทันทีเลย อย่าไปกลัวขาดทุนใดๆทั้งสิ้น
          เคล็ดลับง่ายๆอีกอย่างนึง ถ้าคุณยังไม่มีความจำเป็นที่จะต้องนำเงินปันผลที่ได้ไปใช้จ่าย วิธีนั้นก็คือการนำเงินปันผลที่ได้ไปซื้อหุ้นเดิมต่อ เช่น ถ้าคุณมีหุ้น A 10,000 หุ้น คุณได้ปันผลมาหุ้นละ 1 บาท ก็ได้เงินมา 10,000 บาท คุณก็นำเงินนี้มาซื้อหุ้น A ต่อ สมมติว่าซื้อได้อีก 500 หุ้น คุณก็มีหุ้นเพิ่มเป็น 10,500 หุ้น ก็จะทำให้เงินที่คุณใช้ซื้อหุ้นจริงๆแค่ 10,000 หุ้นแรกเท่านั้น ส่วนอีก 500 หุ้นที่ซื้อจากเงินปันผลก็เหมือนได้มาฟรี หรือจะแบบนำมาหารกับเงินที่ใช้กับการซื้อหุ้น 10,000 หุ้นแรก ตั้งหารด้วย 10,500 หุ้น ก็จะทำให้ต้นทุนเฉลี่ยต่อหุ้นต่ำลงไปอีก ไม่แน่ถ้าคุณถือไว้สัก 5-10 ปี คุณอาจมีหุ้นฟรีอยู่ในมือเป็นหลายหมื่นหลายแสนหุ้นก็ได้ เพราะปันผลที่ได้มากก็คืนทุนที่จ่ายไปหมดแล้ว อีกทั้งยังเอาไปซื้อหุ้นเพิ่มได้อีกตั้งเยอะด้วย ทีนี้ไม่ว่าหุ้นจะวิ่งไปราคาไหน คุณก็มีแต่กำไรทั้งนั้น
          สุดท้ายก่อนจบ ก็แนะนำอีกครั้งให้ลองอ่านหนังสือ หุ้นห่านทองคำ เพื่อจะได้เข้าใจหลักการนี้มากขึ้น และที่สำคัญก็คือ ความไม่รู้คือการเสี่ยง การลงทุนก็มีความเสี่ยง แต่ควบคุมให้เสี่ยงน้อยลงได้ด้วยความรู้ที่ถูกต้องครับ
เข้าชม: 2,589

 
 

Copy Right © 2009-2012 © Thaihoon.Com