May 4, 2024   10:27:30 AM ICT
ดัชนีหุ้น ปีไก่
ถ้ายังจำกันได้ เมื่อต้นปีที่แล้วมีหลายสำนักออกมา ทำนายว่าดัชนีตลาดหุ้นในปี 2547 จะอยู่ที่ 900-1,000 จุด ช่วงนั้นตลาดหุ้นกำลังอยู่ในภาวะกระทิง ดัชนีเพิ่มขึ้นจาก 400 จุด เป็น 800 จุด ภายในเวลาไม่กี่เดือน ทุกคนต่างมองโลกในแง่ดี และคิดว่าดัชนีตลาดหุ้นจะเพิ่มขึ้นไปเรื่อยๆ อย่างไม่มีวันสิ้นสุด แต่ในขณะเดียวกัน ก็มีผู้ที่อยู่ในวงการหุ้นออกมาสวนกระแสบอกว่า ดัชนีตลาดหุ้นในปี ที่แล้วจะอยู่ที่ 600 จุดเท่านั้นเอง นักลงทุนที่ได้ยินข่าวนี้ก็เชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง เพราะไม่มีใครคิดว่าดัชนีตลาดหุ้นจะตกต่ำได้ถึงขนาดนั้น

เวลาเป็นเครื่องพิสูจน์ได้หลายอย่างรวมทั้งคำทำนายทั้งหลายเกี่ยวกับดัชนีตลาดหุ้นได้เป็นอย่างดี ปรากฏว่า ดัชนีตลาดหุ้นไทยในปี 2547 ปิดที่ระดับ 668 จุด ซึ่งเป็นที่ผิดคาดสำหรับหลายๆ คน ที่คิดว่าตลาดหุ้นจะไปได้ถึง 1,000 จุด แต่ในขณะเดียวกันก็มีหลายสำนักที่ทำนายดัชนีตลาดได้อย่างใกล้เคียง

สำหรับในปีนี้จะพบว่า สำนักต่างๆ ต่างออกมาทำนายดัชนีตลาดหุ้นเช่นเดิมว่า ในปีนี้ 2548 ดัชนีตลาดหุ้นจะอยู่ที่ระดับประมาณเท่าไหร่ ซึ่งความเห็นที่ได้ก็แตกต่างกันอย่างหลากหลาย บางท่านก็บอกว่าดัชนีตลาดหุ้นจะตกต่ำลงเหลือเพียงแค่ 500 จุด

บางสำนักก็บอกว่าดัชนีจะเพิ่มขึ้นไปอยู่ที่ 900 จุด หรือบางแห่งก็ประเมินแบบอนุรักษนิยมที่ราวๆ 780 จุด ซึ่งนับว่าปีนี้เป็นปีที่มุมมองต่อดัชนีตลาดหุ้นของนักวิเคราะห์ต่างๆ มีความแตกต่างกันอย่างมาก แล้วในสถานการณ์เช่นนี้นักลงทุนทั่วไปจะเชื่อใครดี

เรารู้กันอยู่แล้วว่า ไม่มีใครสามารถทำนายอนาคตได้ถูกต้องแม่นยำ 100 เปอร์เซ็นต์ แต่การคาดเดาทิศทางของตลาดหุ้นที่ผิดพลาดก็อาจจะทำให้นักลงทุนเสียโอกาสในการลงทุนได้เช่นกัน

ถ้านักลงทุนคิดว่า ดัชนีตลาดหุ้นปีนี้จะตกต่ำ ก็จะไม่กล้าซื้อหุ้นและหันมาถือเงินสดเก็บไว้แทน ถ้าปรากฏว่าปีนี้ดัชนีตลาดหุ้นได้สูงขึ้นตรงข้ามกับที่คาดคิดไว้ นักลงทุนก็จะเสียโอกาสในการที่จะซื้อหุ้นราคาถูก รวมทั้งถ้าตัดสินใจกลับไปซื้อหุ้นก็ต้องไปซื้อในราคาที่แพงขึ้น

แต่ในทางกลับกัน ถ้านักลงทุน ?คาดเดา? ว่าดัชนีตลาดหุ้นจะเพิ่มสูงขึ้น ก็อาจจะนำเงินที่มีเข้าซื้อหุ้นจนหมด ด้วยความคาดหวังว่า ราคาหุ้นจะเพิ่มสูงขึ้น แต่ในความเป็นจริงอาจจะพบว่าดัชนีตลาดหุ้นได้ลดต่ำลง ซึ่งราคาหุ้นโดยส่วนใหญ่ก็จะลดลงตามดัชนีไปด้วย ทำให้พอร์ตการลงทุนต้องประสบกับภาวะ ?ขาดทุน? อันเนื่องมากจากการถือหุ้นที่อยู่ในราคาสูง

จะเห็นว่า ไม่ว่าดัชนีหุ้นจะเพิ่มขึ้นหรือลดลง ถ้านักลงทุนคาดเดาดัชนีผิด ก็อาจจะทำให้การลงทุนเกิดความเสียหายขึ้นได้

ดังนั้นนักลงทุนส่วนใหญ่จึงมักจะให้ความสำคัญกับการคาดเดา ถึงการเพิ่มขึ้นหรือลดลงของดัชนีหุ้นค่อนข้างมาก เพราะถือว่าเป็นเรื่องสำคัญที่จะทำให้ การลงทุนนั้นกำไรหรือขาดทุนได้เป็นอย่างมากเลยทีเดียว

สำหรับการลงทุนแบบ เน้นคุณค่า?นั้น ไม่ได้ให้ความสำคัญกับการ คาดเดา?ดัชนีหุ้นสักเท่าไหร่นัก เพราะคิดว่าราคาหุ้นหรือดัชนีตลาดหุ้น มักจะมีความผันผวนอยู่เสมอ ตามสภาวะความโลภและความกลัวของนักลงทุนในตลาด และราคาหุ้นในตลาดก็ไม่ได้เป็นสิ่งที่ชี้ว่ามูลค่าที่แท้จริงของหุ้นนั้นเป็นเท่าไหร่

นักลงทุนแบบเน้นคุณค่าจะมีมุมมองที่ว่า ดัชนีตลาดหุ้นมีไว้ให้นักลงทุนสังเกตดูว่า มีอะไรผิดปกติเกิดขึ้นในตลาดหรือไม่ เพื่อที่นักลงทุนจะได้หาโอกาสจากอารมณ์ของตลาดหุ้น ดังคำของอาจารย์ เบนจามิน เกรแฮม ที่กล่าวเอาไว้ว่า

?ตลาดหุ้นมีไว้เพื่อรับใช้เรา ไม่ใช่ชี้นำเรา?

นักลงทุนสามารถหาประโยชน์จากความผันผวนของตลาดหุ้นได้เสมอตลอดเวลา โดยที่ไม่ต้องคอยคาดเดาว่าดัชนีจะเพิ่มขึ้นหรือลดลงไปในทิศทางไหน

ดัชนีตลาดหุ้นมักจะถูกครอบงำจากราคาหุ้นของบริษัทที่มีมูลค่าตลาดสูงๆ เพราะการคำนวณดัชนีมักจะมีการให้น้ำหนักตามมูลค่าตลาดของหุ้นแต่ละบริษัท ดังนั้นบางครั้งการที่ดัชนีตลาดหุ้นเพิ่มสูงขึ้น อาจจะเกิดจากราคาหุ้นที่เพิ่มสูงขึ้นของบริษัทใหญ่ๆ เพียงไม่กี่บริษัท

ในกรณีเช่นนี้จะมีหุ้นขนาดเล็กจำนวนมากที่ไม่ได้มีราคาเพิ่มขึ้นตามดัชนี ในขณะเดียวกันเมื่อดัชนีลดต่ำลงก็มีหุ้นจำนวนมากที่ราคาไม่ได้ลดต่ำลงไปด้วย บางครั้งผลตอบแทนการลงทุนของนักลงทุน อาจจะไม่ได้เป็นไปตามดัชนีตลาดหุ้นแต่อย่างใด

การที่ดัชนีตลาดลดลง นักลงทุนส่วนใหญ่มักจะรู้สึกอึดอัด ไม่สบายใจ เพราะกลัวจะซื้อหุ้นแล้วขาดทุน ในภาวะเช่นนั้นแทนที่นักลงทุนจะกลัวและถอยออกนอกตลาด ก็อาจจะเป็นโอกาสดีที่จะได้ซื้อหุ้นที่ดีในราคาถูก เรียกว่าเปลี่ยนวิกฤติให้เป็นโอกาส แต่สิ่งสำคัญก็คือ นักลงทุนจะต้องมั่นใจว่าการวิเคราะห์ของเรานั้นถูกต้อง

ส่วนในกรณีที่ดัชนีตลาดเพิ่มสูงขึ้น ก็จะทำให้มูลค่าหุ้นในพอร์ตการลงทุนของนักลงทุนเพิ่มขึ้นไปด้วย

ถ้านักลงทุนสนใจที่จะคาดเดาดัชนีให้ถูกต้องแม่นยำ สุดท้ายก็มักจะพบกับความผิดพลาดอยู่เสมอ เพราะไม่มีใครทำนายอนาคตได้ถูกต้องอยู่ตลอดเวลา การคาดเดาดัชนีที่ผิดพลาดจะทำให้เสียโอกาสในการลงทุน รวมถึงอาจจะต้องขาดทุนในกรณีที่ดัชนีตลาดหุ้นปรับตัวลดลงแทนที่จะเพิ่มขึ้นอย่างที่คาดเดาไว้ ดังนั้นการลงทุนแบบเน้นคุณค่า ที่พิจารณาจากพื้นฐานของบริษัทมากกว่าที่จะคำนึงถึงดัชนีตลาดหุ้น จึงสามารถลงทุนได้ทั้งตลาดขาขึ้น และตลาดขาลง ถ้าถามว่า ดัชนีหุ้นปีไก่ 2548 จะอยู่ที่ระดับที่เท่าไหร่ ก็คงตอบได้ง่ายๆ ว่า ไม่มีความสำคัญมากนัก

ถ้าดัชนีลดลงก็เป็นโอกาสดีที่จะซื้อหุ้นดีราคาถูก ถ้าดัชนีเพิ่มขึ้น ก็ทำให้มูลค่าพอร์ตการลงทุนเพิ่มขึ้น การลงทุนทั้งหมดสามารถปฏิบัติได้โดยไม่ต้องไป คาดเดา ดัชนีตลาดหุ้นแต่อย่างใด

ที่มา บทความของคุณ วิบูลย์ พึงประเสริฐ (bangkokbizweek.com)

เข้าชม: 3,020

 
 

Copy Right © 2009-2012 © Thaihoon.Com