May 4, 2024   1:12:12 AM ICT
โซดา กับ ชาเย็น
คงไม่มีใครปฏิเสธแน่นอนว่า การลงทุนแบบเน้นปัจจัยพื้นฐาน กับการลงทุนแบบเทคนิคนั้น แตกต่างกันโดยสิ้นเชิง

การลงทุนแบบเน้นปัจจัยพื้นฐานมิได้ให้ความสนใจในเส้นกราฟหรือจิตวิทยามวลชนทั้งระยะสั้นและระยะยาวในตลาดหุ้นใดๆ ทั้งสิ้น ในขณะที่การลงทุนแบบเทคนิคเองก็มิได้ให้ความสำคัญต่อปัจจัยพื้นฐานทางธุรกิจแต่อย่างใดทั้งสิ้นเช่นกัน

ทั้งสองแนวทางต่างก็มีผู้สนใจนำไปใช้ประกอบการลงทุนในตลาดหุ้นและแม้แต่ตลาดอื่นๆ อีกมากมาย โดยเฉพาะการวิเคราะห์ทางเทคนิคสามารถนำไปวิเคราะห์การซื้อขายของสินค้าอื่นๆ มากมายเช่น ค่าเงิน ตลาดสินค้าล่วงหน้าต่างๆ ฯลฯ ส่วนการวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานนั้นก็มีผู้นำไปใช้ในการซื้อขายสินค้าหลายรูปแบบเช่นกัน ซึ่งเมื่อเร็วๆ นี้มหาเศรษฐีอันดับสองของโลก Warren Buffett ก็รวยจากการซื้อค่าเงินและโลหะเงิน อีกทั้ง จอร์จ โซรอส ก็เคยจัดการทุบตู้เซฟ ธนาคารแห่งชาติอังกฤษและธนาคารชาติบ้านเราด้วยการวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานทางเศรษฐกิจมหภาคนั่นเอง

การลงทุนแบบเน้นปัจจัยพื้นฐานนั้นเป็นแบบค่อยเป็นค่อยไป ช้าๆ แต่เน้นความมั่นคงของรายได้ กำไรของกิจการ ไม่ซู่ซ่าประทับในจอร์จ การลงทุนแบบนี้จึงเปรียบได้กับชาเย็น ที่รสชาติธรรมด๊า..ธรรมดา

ส่วนการลงทุนแบบเน้นปัจจัยทางเทคนิคนั้น เนื่องจากเน้นด้านอารมณ์ความรู้สึกของมวลชนในตลาด จึงจำเป็นจะต้องว่องไวในการตัดสินใจในบางโอกาส แต่ไม่จำเป็นต้องซื้อขายเร็ว บางท่านซื้อและถือหุ้นที่วิเคราะห์โดยปัจจัยทางเทคนิคนี้นานมาก ทั้งนี้เพราะปัจจัยทางเทคนิคส่งสัญญาณขาขึ้นระยะยาว และการที่อาศัยอารมณ์ความรู้สึกของมวลชนนี้เองการลงทุนแบบนี้ส่วนใหญ่จะมันส์ซะใจเปรียบได้กับความซ่า...ของโซดา

การลงทุนแบบเน้นความซ่ายิ่งกว่าโซดาก็ยังมีอีกนะครับ อาจเรียกได้ว่าโซดาไฟ คือเล่นหุ้นตามข่าว เล่นหุ้นตามปริมาณการซื้อขาย แบบนี้อวัยวะจำพวกตับ ไต ไส้พุงรวมทั้งหัวใจไม่แข็งแรงแล้วล่ะก็ ขอแนะนำให้อย่าไปยุ่งครับ เพราะอาจจากโลกนี้ไปขณะอยู่หน้าจอหุ้นก็เป็นได้

มีนักลงทุนหลายคนเช่นกันที่พยายามเอาโซดากับชาเย็นมาผสมกัน รสชาติจะออกมาเป็นอย่างไรนั้นต้องขอบอกว่าให้ไปลองกันเอาเอง เพราะระดับความจืดชืดกับความซ่าไม่เท่ากันครับ แต่ก็เห็นว่าได้ผลบ้างไม่ได้ผลบ้าง ซึ่งผมขอสรุปเอาเองว่ามันไม่ได้เป็นเพราะส่วนผสมไม่ดีหรอกครับ แต่มันเป็นเพราะเราควบคุมอารมณ์ของเราไม่ได้ต่างหาก เพราะเริ่มที่จะลดและเพิ่มส่วนที่แตกต่างกันเข้าไป เช่นพื้นฐานดี แต่ราคาลงแรง หรือพื้นฐานไม่ดีแต่ราคากำลังวิ่ง(อาจจะมีผู้หวังดีต่อหุ้นแต่ประสงค์ร้ายต่อแมลงเม่ากำลังก่อไฟรออยู่ก็เป็นได้) ซึ่งปัจจัยที่ขัดแย้งกันนี่เองทำให้เกิดอาการกลืนไม่ได้คายไม่ออกขึ้นมา และอาจพลาดพลั้งได้นั่นเองดังนั้นจึงขอแนะนำให้มือใหม่ทั้งหลายรอสะสมประสบการณ์ให้มากพอก่อนแล้วค่อยหัดผสมหลักการทั้งสองแบบนี้

ส่วนนักลงทุนระดับขึ้นหิ้งแล้ว และสามารถผสมโซดาเข้ากับชาเย็นได้อย่างกลมกล่อม ไม่จืดไป ไม่ซ่าไปนั้นเห็นจะเป็น คุณคัดท้าย ขาประจำแห่ง
www.thaivalueinvestor.com คุณคัดท้ายเริ่มต้นการลงทุนโดยใช้การวิเคราะห์ทางเทคนิค หลังจากแก่วิชาผ่านร้อนผ่านหนาวมาพอได้แล้วก็มาศึกษาการลงทุนแบบเน้นคุณค่า แล้วก็เริ่มผสมหลักการลงทุนทั้งสองแบบเข้าด้วยกัน ซึ่งผมเองก็แอบใช้บริการคุณคัดท้ายบ่อยๆ เพราะกำลังหัดเป็นบาร์เทนเดอร์อยู่

การผสมการลงทุนนี้เริ่มจะใช้การวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานสรรหาหุ้นที่พื้นฐานกิจการดีมาหลายๆ บริษัท จากนั้นจึงเลือกคัดแต่บริษัทชั้นยอดๆ เอาไว้ ต่อมาก็ใช้ปัจจัยทางเทคนิคตรวจสอบอารมณ์ของผู้เล่นในตลาดกับหุ้นนั้นๆ เพื่อหาจังหวะซื้อให้ได้ราคาที่ถูกที่สุดเท่าที่จะทำได้ ถ้ายังไม่ได้ราคาที่กำหนดไว้ก็ยังไม่ซื้อใช้วิธีรออย่างใจเย็น ซึ่งเป็นไปตามแนวทางของนักลงทุนแบบเน้นคุณค่าเลยครับ แต่เมื่อราคาลงมาตามที่กำหนดแล้วเราจะซื้อ และถ้ายิ่งลงยิ่งซื้อ เพราะราคาที่กำหนดไว้นั้นต่ำกว่ามูลค่าที่คำนวณไว้แล้วมาก มีส่วนต่างความปลอดภัยมาก ยิ่งซื้อยิ่งได้กำไรครับ และจะกำไรเมื่อซื้อด้วยครับ แน่นอนครับเมื่อซื้อแล้วต้องขายออกนักลงทุนแบบผสมนี้จะไม่รอจนพื้นฐานเปลี่ยนครับ เขาจะขายหุ้นเมื่อราคาที่วิเคราะห์ทางเทคนิคนั้นแสดงว่าถึงจุดสูงสุดแล้วครับ ซึ่งอาจใช้เวลาเป็นอาทิตย์ เป็นเดือน หลายเดือน หรือระดับปีก็ได้ครับ

มาถึงตรงนี้แล้วก็ทำให้ผมคิดถึงคำพูดของ Warren Buffett ว่า ?ราคาหุ้นจะเปลี่ยนแปลงตามอารมณ์ในระยะสั้น แต่มูลค่าหุ้นนั้นจะเปลี่ยนแปลงไปตามพื้นฐานในระยะยาว? ซึ่งดูแล้วก็น่าจะเข้าได้กับการผสมหลักการทั้งสองแบบเข้าด้วยกัน คืออาศัยอารมณ์คนส่วนใหญ่เพื่อหาโอกาสซื้อหุ้นในราคาที่ต่ำกว่ามูลค่ามากๆ และรอให้พื้นฐานเปลี่ยนแปลงจนมูลค่าสูงขึ้นและราคาหุ้นวิ่งไปจนเกินมูลค่าแล้วขายออก

แต่มันก็เป็นเรื่องยากที่เราจะผสมเอาหลักการที่มีความซู่ซ่ากับความจืดชืดเข้าไว้ด้วยกันให้พอเหมาะ เพราะเราจะต้องปรับแต่งอารมณ์ความรู้สึกให้ลงตัวกันพอดี ให้ชานั้นมีความซ่าของโซดาที่พอเหมาะไม่กัดลิ้นจนเกินไป ผมเองเคยลองมาแล้วแต่มันกัดลิ้นผมนิดหน่อยครับ ยังไม่ลงตัวดีเลย

สรุปได้ว่าการลงทุนทั้งสองหลักการนี้สามารถเอามาผสมผสานกันได้ แต่ยากเอาการ ดังนั้นใครที่ยากจะลองเอาไปผสมกันบ้างก็ไม่น่าจะเป็นภัยต่อการลงทุนนักถ้ารู้จักหนักเบาให้ถูกจังหวะและรสชาติออกมาอย่างที่เราชอบ ใครจะไปรู้ว่าเราอาจจะได้ ชาเย็นรสซ่าขนานใหม่อย่างที่คุณคัดท้ายดื่มอยู่บ่อยๆ ก็เป็นได้

ที่มา กรุงเทพธุรกิจ

เข้าชม: 2,877

 
 

Copy Right © 2009-2012 © Thaihoon.Com