May 2, 2024   11:14:48 PM ICT
ปู่โสม ? >> ดร.นิเวศน์

ปู่โสม

ำไทยที่พูดกันว่าปู่โสมเฝ้าทรัพย์นั้นผมไม่ทราบว่ามาจากไหน แต่ความหมายก็คือคนที่หวงแหนสมบัติเก็บเงินทอง ไว้ไม่ให้ใครมายุ่งและตัวเองก็ไม่ได้เอามาใช้ให้เป็นประโยชน์ คนที่มีลักษณะแบบนี้ส่วนใหญ่ก็น่าจะเป็นคนสูงอายุและมักไม่ตายง่ายเป็นคนที่มีอายุยืน ดังนั้นจึงเรียกว่าปู่ส่วนชื่อโสมนั้นผมไม่รู้จริง ๆ ว่ามาจากไหน

หุ้นในตลาดหลักทรัพย์หลายบริษัทก็มีลักษณะของปู่โสมเฝ้าทรัพย์เหมือนกัน ในทางวิชาการเรียกว่าหุ้น Assets Play คือหุ้นที่มีทรัพย์สินสุทธิมากเทียบกับมูลค่าหุ้นของบริษัทหรือ Market Capitalization

สินทรัพย์สุทธิก็คือทรัพย์สินทั้งหมดตีราคาออกมาตามมูลค่าที่เป็นจริงแล้วลบด้วยหนี้สินทั้งหมด ในทางทฤษฎีก็คือคุณสามารถเลิก บริษัทแล้วขายทรัพย์สินทั้งหมดได้เงินมาเท่าไรก็เอามาจ่ายหนี้ทั้งหมด สุดท้ายบริษัทก็มีแต่เงินสดเอามาจ่ายคืนให้กับผู้ถือหุ้นได้

มูลค่าตลาดของหุ้นหรือMarket Capนั้นก็คือเงินที่ต้องใช้ในการที่จะซื้อหุ้นทั้งหมดของ บริษัทจากตลาดหุ้นเป็นเจ้าของแต่เพียงผู้เดียวและจะทำอย่างไรกับบริษัทก็ได้รวมถึงการขายทรัพย์สินทั้งหมด คืนหนี้ และเอาเงินสดที่เหลือทั้งหมดมาเป็นของตนเองแต่เพียงผู้เดียว

เพราะฉะนั้น ถ้าทรัพย์สินสุทธิของบริษัทมีค่ามากกว่า Market Cap แล้ว ในทางทฤษฎี เราก็สามารถทำกำไรได้โดยการกู้เงินมาซื้อหุ้นของบริษัทดังกล่าวทั้งหมด เข้าควบคุมกิจการ ตัดขายทรัพย์สิน ใช้หนี้ และจ่ายเงินที่เหลือคืนให้กับตนเองเพื่อเอาไปใช้หนี้ส่วนตัวที่กู้มาทั้งหมด เงินที่เหลืออยู่ก้อนสุดท้ายก็จะเป็นของคุณแต่เพียงผู้เดียว เรียกว่ากำไรได้โดยไม่มีความเสี่ยงและไม่ต้องลงทุน

แต่ในทางปฏิบัตินั้นทรัพย์สินไม่ได้ขายได้ง่าย ๆ ราคาที่ได้ก็อาจจะต่ำกว่าที่ประเมิน แล้วคุณยังมีภาษีที่จะต้องจ่ายไม่น้อย ยังไม่รวมค่าใช้จ่ายในการที่จะ Take Over กิจการที่จะต้องมีที่ปรึกษาการเงินและอื่น ๆ อีกสารพัด ในการกู้เงินแบ็งค์เพื่อมาซื้อกิจการคุณก็ต้องมีเครดิตและทรัพย์สินมาวางเป็นหลักประกัน เพราะฉะนั้นถ้าทรัพย์สินสุทธิของกิจการมีมากกว่า Market Cap เพียงเล็กน้อย ก็ไม่คุ้มที่จะทำเรื่องนี้ และจะเรียกว่าเป็นหุ้น Assets Play ก็ไม่ได้ทรัพย์สินสุทธิจะต้อง มากกว่า Market Cap เท่าไรจึงจะเป็นหุ้น Assets Play นั้นไม่มีใครเคยนิยามไว้

ในความเห็นผมคิดว่าอย่างน้อยที่สุดสินทรัพย์สุทธิควรจะเป็น 2 เท่าของ Market Cap ถึงจะมีส่วนต่างเพียงพอที่จะพิจารณาว่าหุ้นจะเป็นหุ้น Assets Play หรือไม่ และก็ในทางปฏิบัติอีกเช่นกัน ก็เป็นเรื่องยากมากที่จะซื้อหุ้นของกิจการได้ทั้งหมดและตัดขายทรัพย์สินเลิกบริษัทโดยเฉพาะในประเทศไทย และถึงทำได้ก็ไม่ควรทำ เพราะทรัพย์สินโดยเฉพาะโรงงาน เครื่องจักร และอุปกรณ์ต่าง ๆ นั้น เวลาขายจริง ๆ ก็มักจะกลายเป็นเศษเหล็ก เพราะฉะนั้น ในการมองหาหุ้น Assets Play นั้น วิธีที่ดีกว่าก็คือการแบ่งทรัพย์สินของบริษัทออกเป็น 2 ส่วนคือส่วนที่ใช้ในการดำเนินธุรกิจหลักของบริษัทกับส่วนที่ไม่เกี่ยวข้องสามารถขายทิ้งได้หรือเรียกสั้น ๆ ในที่นี้ว่า ทรัพย์สินอื่น

วิธีที่ผมใช้ก็คือดูว่าบริษัทมีทรัพย์สินอื่นอยู่เท่าไร แล้วเอาตัวนี้หักด้วยหนี้สินระยะยาวของบริษัท เหลือเท่าไรนี่ก็คือ ?เงิน? ที่เอามาแจกคืนผู้ถือหุ้นได้โดยไม่กระทบกระเทือนกิจการปกติของบริษัท ?เงิน? ส่วนนี้ผมจะเอามาหักออกจากราคาหุ้นหรือ Market Cap ซึ่งเป็นเงินที่ผมจ่ายเพื่อซื้อหุ้นในตอนแรก ผลที่ได้ก็คือเงินที่ผมจ่ายสุทธิเพื่อซื้อความเป็นเจ้าของกิจการปกติของบริษัท

ตัวอย่างเช่น บริษัทจดทะเบียนแห่งหนึ่งทำธุรกิจซื้อมาขายไป ราคาหุ้นอยู่ที่หุ้นละ 10 บาท บริษัทมีหุ้นทั้งหมด 100 ล้านหุ้น ดังนั้นบริษัทมี Market Cap 1000 ล้านบาท แต่บริษัทมีเงินสดส่วนเกินที่ไม่จำเป็นต้องใช้ในการค้าขายปกติของบริษัทอยู่ถึง 1000 ล้านบาทเหมือนกันในขณะที่ไม่มีหนี้สินระยะยาวเลย เพราะฉะนั้น ถ้าคุณจ่ายเงิน 1000 ล้านบาท เพื่อ Take Over บริษัท คุณก็สามารถเอาเงินสด 1000 ล้านบาทที่บริษัทมีอยู่มาจ่ายเป็นปันผลให้กับตนเอง ผลก็คือ คุณได้บริษัทมาโดยไม่ต้องใช้เงินเลย

ในความเป็นจริง บริษัทที่มีคุณสมบัติใกล้เคียงกับบริษัทดังกล่าวนั้น คงจะมีอยู่ในตลาดหลักทรัพย์ค้นหาได้ไม่ยาก แต่ปัญหาอยู่ที่คุณคงไม่สามารถไปซื้อหุ้นบริษัท 100% หรือ แม้แต่ 50% เพื่อที่จะมีอำนาจในการสั่งจ่ายเงินสดที่มีอยู่เป็นปันผลให้กับผู้ถือหุ้นได้ถามว่าทำไมผู้ถือหุ้นปัจจุบันจึงไม่ทำถ้าสิ่งนี้จะทำให้ผู้ถือหุ้นที่ลงทุนซื้อหุ้นทุกคนได้ประโยชน์ ผมเองก็ตอบไม่ได้ทั้งหมด สิ่งที่ผมรู้ก็คือการทำแบบนี้คนที่ไม่ได้ประโยชน์ก็คือผู้บริหารที่ควบคุมบริษัทอยู่ เพราะเขาไม่ได้อะไรและจะต้องสูญเสียทรัพย์สินในบริษัทออกไปให้กับผู้ถือหุ้นแทนที่จะเก็บเอาไว้ใช้ในอนาคตหรือในช่วงที่บริษัทอาจมีปัญหาทางการเงิน เพราะฉะนั้นผู้บริหารจึงไม่กระตือรือร้นในเรื่องนี้อย่างแน่นอน

แต่ถ้าผู้ถือหุ้นใหญ่ต้องการล่ะ ? อย่างไรเสียผู้บริหารก็ต้องทำไม่ว่าจะชอบหรือไม่ ประเด็นนี้คงต้องดูว่าผู้บริหารกับผู้ถือหุ้นใหญ่เป็นคนเดียวกันหรือไม่ เพราะถ้าเป็นคนเดียวกันเขาอาจจะคิดว่าเก็บเงินเอาไว้น่าจะเป็นประโยชน์กับตัวเองในฐานะผู้บริหารมากกว่า แต่ถ้าไม่ใช่ ผมก็ยังหาเหตุผลไม่ได้ว่าทำไมจึงมีบริษัทจดทะเบียนที่มีเงินสดส่วนเกินล้นบริษัท และไม่มีหนี้ระยะยาวที่จะต้องชำระคืน แต่บริษัทก็ไม่ยอมจ่ายเงินนั้นคืนให้กับผู้ถือหุ้น

ถ้าจะให้ผมตอบคำถามในช่วงใกล้หมดเวลาทำข้อสอบตอนนี้ก็คือ หุ้นเหล่านี้เป็นหุ้น Assets Play ที่เราไม่สามารถปลดปล่อยทรัพย์สินให้กับผู้ถือหุ้นได้เพราะเจ้าของเป็นปู่โสมเฝ้าทรัพย์ เพราะฉะนั้น ถ้าคิดจะเล่นหุ้น Assets play ต้องระวังปู่โสมครับ

ที่มา www.settrade.com


 

เข้าชม: 3,109

 
 

Copy Right © 2009-2012 © Thaihoon.Com