May 4, 2024   5:53:48 AM ICT
ตลาดหุ้นไทย ลงทุนระยะยาวสบายใจได้

ในช่วง 4 ปีที่ผ่านมานี้ ตลาดหุ้นทั่วโลกโดยเฉลี่ยให้ผลตอบแทนอยู่ในระดับที่ดี หากจะดูผลตอบแทนจากเกณฑ์มาตรฐานจากดัชนี MSCI World Index ในช่วง 4 ปีที่ผ่านมานี้ ให้ผลตอบแทนเป็นบวกมาต่อเนื่องทุกปี โดยในปี 2003 บวก 40% ,ปี2004 บวก 14% ,ปี2005 บวก 22% และในปี 2006 บวก 17%

แต่ช่วงเวลาเดียวกันนี้ดัชนีหุ้นไทยไม่ได้ไปไหนไกลเลย เพราะมีปัจจัยลบทั้งภายใน และภายนอกประเทศที่กดดันตลาดหุ้นไทยอยู่นั่นเอง

การลงทุนในตลาดหุ้นไทยในปีหมูไฟนี้ "ตระกูลจิตร จิตตไสยะพันธ์" ประธานเจ้าหน้าที่บริหารการลงทุน บลจ.ธนชาต มองว่า เป็นปีที่ยากอีกปีหนึ่งสำหรับการลงทุนในตลาดหุ้นไทย โดยเฉพาะในช่วงครึ่งปีแรก ซึ่งหลายๆ ประเด็นก็เป็นปัจจัยที่ต้องให้ความสำคัญ และช่างน้ำหนักค่อนข้างมาก ตั้งแต่ประเด็นในเรื่องการเมืองในบ้านเราเองที่ว่านิ่งนี้ จะนิ่งจริงหรือเปล่า

เพราะต้องยอมรับว่าในปีนี้เป็นอีกปีที่มีการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญอีกครั้งในประเทศไทย เราจะมีรัฐธรรมนูญใหม่ซึ่งยังไม่รู้ว่าหน้าตาจะออกมาเป็นอย่างไร พรรคการเมืองจะเหลือกี่พรรคก็ยังไม่มีใครรู้ จะมีความวุ่นวายเกิดขึ้นมาอีกหรือไม่ ก็ไม่มีใครที่แน่ใจ 100% การเลือกตั้งจะมีขึ้นเมื่อไร เหล่านี้คือคำถามที่ยังคงรอคอยคำตอบทั้งหมด

นอกจากนี้ การเปลี่ยนแปลงทางด้านนโยบายเรื่องกฎหมายเกี่ยวกับการตรวจสอบการทุจริตต่างๆ ที่เกิดขึ้น มีหลายเรื่องที่ยังต้องติดตามดูว่าจะมีผลกระทบอะไรกับประเทศเราบ้าง ไม่ว่าจะเป็นการแก้ไขร่างพ.ร.บ.ประกอบธุรกิจคนต่างด้าว หรือสัญญาโทรคมนาคม เรื่องเกี่ยวกับมาตรการกำกับเงินทุนไหลเข้าของทางธนาคารแห่งประเทศไทย เรื่องของนอมินี เรื่องการตรวจสอบโครงการทุจริตต่างๆ ล้วนเป็นเรื่องที่เกี่ยวพันกับการลงทุนด้วย ซึ่งถือเป็นจุดด่างบางจุดในบริษัทเหล่านั้นอยู่ด้วย อันนี้ก็เป็นความเสี่ยงอย่างหนึ่งในการลงทุนเช่นเดียวกัน

"อีกปัจจัยที่สำคัญคือ เศรษฐกิจของประเทศไทยเองที่ต้องยอมรับว่าในปีนี้จะมีการชะลอตัวลงแน่ ในขณะที่เศรษฐกิจโลกโดยรวมจะขยายตัวประมาณ 5% แต่เศรษฐกิจของไทยน่าจะขยายตัวน้อยกว่าเศรษฐกิจโลกเฉลี่ยอยู่ประมาณ 4.0-4.5% ในปีนี้ โดยเฉพาะในช่วงครึ่งปีแรกที่การลงทุน และการบริโภคคงจะชะลอตัวจากปัจจัยภายในประเทศเป็นสำคัญ ส่วนเรื่องการส่งออกก็ยังคงต้องติดตามดูว่าการส่งออกที่เคยดีนั้นยังจะมีการชะลอตัวลงไปบ้างหรือไม่ แต่โดยภาพรวมเศรษฐกิจของประเทศไทยในปีนี้คงจะชะลอตัวลงแน่นอน"

จากปัจจัยดังกล่าวทำให้ตระกูลจิตร มองว่า การลงทุนในช่วงครึ่งปีแรกค่อนข้างที่จะยาก เพราะมีปัจจัยความเสี่ยงอยู่หลายอย่าง ซึ่งเป็นปัจจัยที่กดดันตลาดหุ้นไทยไม่ให้ไปไหนไกลในช่วงที่ผ่านมา ถ้าไปดูตลาดหุ้นในภูมิภาคเทรดกันอยู่ที่ระดับราคาต่อกำไรสุทธิ(P/E)ประมาณ 13-14 เท่า แต่ตลาดหุ้นไทยเทรดกันอยู่ที่ 8-10 เท่า ไม่ไปไหนเลยอยู่แบบนี้มาหลายปีแล้ว

หากตลาดหุ้นไทยจะหลุดจากกรอบนี้ไปได้ ปัจจัยหลายอย่างที่พูดถึงจะต้องคลี่คลาย หรืออย่างน้อยที่สุดก็ต้องเห็นแนวทางว่าจะมีพัฒนาการไปในทางบวกหรือทางลบ ซึ่งเป็นเรื่องที่ตอบได้ยาก แต่น่าจะเห็นความชัดเจนขึ้นในช่วงครึ่งปีหลัง ดังนั้นตลาดหุ้นไทยน่าจะเคลื่อนไหวในลักษณะ side way ในกรอบกว้างต่อไปที่ P/E ประมาณ 8-10 เท่า ซึ่งหากไม่มีเหตุการณ์เลวร้ายอะไรเกิดขึ้นตลาดหุ้นไทยเองก็น่าจะแกว่งตัวอยู่ในกรอบ 600-750 จุด ในช่วงครึ่งปีแรกนี้

"หากพัฒนาการที่ดี ส่วนตัวเชื่อว่าตลาดหุ้นไทย จะสามารถปรับตัวขึ้นไปได้ และไปได้เยอะด้วย เพราะตลาดหุ้นไทย discount ตลาดหุ้นในภูมิภาคมาตลอด แต่ถ้าจากนี้ไปจะให้ตลาดหุ้นไทยปรับขึ้นไปเลยคงเป็นไปได้ยากเพราะมีปัจจัยหลายตัวที่ไม่มีใครมองออกว่ามันจะเกิดอะไรขึ้น แต่ไม่ใช่ตลาดหุ้นไทยลงทุนไม่ได้ เพียงแต่ต้องใช้ความระมัดระวังในการลงทุนเท่านั้นเอง อาจจะลงทุนในธุรกิจอะไรที่ไม่ผูกกับการเปลี่ยนแปลงนโยบายของรัฐบาลมากนัก ธุรกิจที่ไม่ได้รับผลกระทบจากการบริโภค และการลงทุนที่ชะลอตัวหรือธุรกิจที่ต้องอาศัยเม็ดเงินจากต่างประเทศมากนัก ก็คงต้องเป็นธุรกิจสาธารณูปโภคดีๆ พื้นฐานแข็งแกร่ง จ่ายเงินปันผลสูงเป็นหลักในการลงทุนในช่วงนี้ไปก่อน"

โดยตระกูลจิตร แนะนำว่า สำหรับผู้ลงทุนผ่าน "กองทุนรวมหุ้นระยะยาว" หรือ "กองทุน LTF" เองนั้น ในสภาพการณ์ที่ตลาดหุ้นยังไม่รู้ว่าจะไปในทิศทางไหนเช่นนี้ การลงทุนโดยใช้หลัก Dollar Cost Averaging น่าจะเป็นกลยุทธ์ที่เหมาะสมที่สุด แม้ว่าคุณจะไม่ได้เข้าลงทุนในช่วงตลาดต่ำสุด หรือเข้าลงทุนในช่วงตลาดสูงสุด แต่โดยเฉลี่ยแล้วคุณจะลงทุนได้ด้วยต้นทุนที่ดีกว่าตลาดโดยรวม

อย่างไรก็ตาม เป็นกลยุทธ์ที่คนส่วนใหญ่จะทำกันไม่ค่อยได้ เป็นการลงทุนโดยใช้เงินลงทุนจำนวนเท่ากันเข้าไปลงทุนอย่างสม่ำเสมอ ในช่วงที่ตลาดหุ้นตก คุณก็ได้หน่วยลงทุนมากหน่อย ในช่วงที่ตลาดหุ้นสูง คุณก็ได้หน่วยลงทุนน้อยหน่อย เพราะตอนนี้ยังไม่มีใครรู้ว่าตลาดหุ้นจะไปในทิศทางไหน ขึ้นอยู่กับพัฒนาการที่จะเกิดขึ้นตามมา ซึ่งอาจจะเป็นไปในทางบวกหรือทางลบก็ได้ ซึ่งไม่มีใครรู้ การใช้กลยุทธ์การลงทุนแบบนี้จะปลอดภัยที่สุด

ทั้งนี้ หากเป็นการลงทุนในระยะยาว 5 ปีแล้ว รับรองว่ากองทุน LTF มีกำไรแน่นอน เพราะปัจจัยที่เกิดขึ้นนี้เป็นเพียงผลกระทบในระยะสั้นเท่านั้น

"ส่วนเม็ดเงินลงทุนต่างชาติที่เข้ามาในตลาดหุ้นไทยในช่วงนี้ น่าจะเป็นของกลุ่มเฮดจ์ ฟันด์ เป็นส่วนใหญ่ ไม่ใช่พวกนักลงทุนต่างชาติที่เป็นนักลงทุนระยะยาวจริงๆ เพราะนักลงทุนระยะยาวส่วนใหญ่ตอนนี้ยังคงรอดูความชัดเจนต่างๆ อยู่ อย่าลืมว่าประเทศไทยในตลาดโลกเล็กนิดเดียว ถ้าเขามีเงิน 100 บาท 1% ในประเทศไทยเขาจะมีหรือไม่ก็ไม่สำคัญ เขาพร้อมที่จะหยุดดูก่อน หากเห็นสัญญาณที่ดี เขาอาจจะเข้ามาลงทุน 2-3% ก็ได้ ดังนั้น ตอนนี้เม็ดเงินลงทุนระยะยาวส่วนใหญ่ยังไม่เข้ามา เวลาเห็นต่างชาติซื้ออย่าไปคิดว่าต่างชาติมั่นใจกลับเข้ามาลงทุนแล้ว นั่นอาจจะเป็นเพียงกลยุทธ์ในการลงทุนของบรรดาเฮดจ์ ฟันด์ ก็ได้ ที่ขายช็อตในราคาแพงแล้วมาซื้อกลับถูกก็ได้"

อย่างไรก็ตาม ตระกูลจิตร มั่นใจว่าตลาดหุ้นไทยในระยะกลางถึงยาวยังเป็นตลาดหุ้นที่น่าสนใจลงทุนอยู่นั่นเอง หากคุณเป็นนักลงทุนระยะยาวก็สามารถสบายใจได้ในระดับหนึ่งเลยทีเดียว

/

เข้าชม: 1,666

 
 

Copy Right © 2009-2012 © Thaihoon.Com