นายมาริษ ท่าราบ กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) ไอเอ็นจี (ประเทศไทย) กล่าวว่า ในสัปดาห์นี้ผู้บริหารระดับสูงของกลุ่มไอเอ็นจี จากประเทศเนเธอร์แลนด์ ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ของบริษัทจะเดินทางมาประเทศไทย เพื่อสรุปการขายหุ้นของ บลจ.ไอเอ็นจี (ประเทศไทย) ให้กับพันธมิตรที่สนใจ คาดว่าจะสรุปได้ภายในเดือนเมษายนนี้

“การเจรจามีความคืบหน้าไปมาก เหลือแค่เอกสารการถือหุ้น ซึ่งเบื้องต้น น่าจะถือหุ้นคนละครึ่งๆ” นายมาริษ กล่าว

สำหรับกลุ่มพันธมิตรดังกล่าวคือ ธนาคารพาณิชย์ในประเทศ ซึ่งพันธมิตรกลุ่มนี้มีธุรกิจ บลจ.อยู่แล้ว แต่การเข้ามาถือหุ้นใน บลจ.ไอเอ็นจี จะช่วยเสริมสร้างธุรกิจกันมากขึ้นและ บลจ.ไอเอ็นจี จับตลาดเฉพาะ (นีชมาร์เก็ต) คนละกลุ่มกับ บลจ.ดังกล่าว ขณะที่ไอเอ็นจีก็ได้ประโยชน์จากเครือข่ายสาขาของธนาคารพาณิชย์

สำหรับเป้าหมายการดำเนินงานหลัง มีพันธมิตรถือหุ้นแล้ว จากเดิมตั้งเป้าสินทรัพย์ในสิ้นปีนี้ไว้ที่ 1.8 แสนล้านบาท จากปัจจุบันอยู่ที่ 1.5 แสนล้านบาท ก็ปรับใหม่เป็น 2.8 แสนล้านบาท ในสิ้นปีนี้

“เหตุผลที่เพิ่มเป้าอีกแสนล้านบาท เพราะธนาคารที่จะมาเป็นผู้ถือหุ้นใหม่มีสาขาในประเทศกว่า 200 สาขา จึงช่วยขายสินค้าของเราได้มาก” นายมาริษ กล่าว

นายจุมพล สายมาลา ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ฝ่ายการตลาด-กองทุนรวม บลจ.ไอเอ็นจี (ประเทศไทย) กล่าวว่า หลังได้พันธมิตรใหม่แล้วคาดว่าจะเปิดตัวศูนย์บริการแก่ ผู้ถือหน่วยลงทุนอย่าง เป็นทางการ โดยศูนย์ดังกล่าวตั้งอยู่ที่อาคาร สินธร ทาวเวอร์ ชั้น 1 ซึ่งลูกค้าสามารถซื้อขายหน่วยลงทุนได้ โดยใช้งบลงทุนประมาณ 10 ล้านบาท

อย่างไรก็ตาม มีกระแสข่าวว่าพันธมิตรที่จะเข้ามาซื้อหุ้น คือธนาคารกรุงเทพ (BBL) และอาจใช้บริษัทหลักทรัพย์บัวหลวงถือหุ้นแทน โดยขณะนี้ธนาคารมีนโยบายไปลงทุน ต่างประเทศมากขึ้นและปัจจุบันถือหุ้นในบริษัทบำรุงราษฎร์ อินเตอร์ เนชั่นแนล โฮลดิ้ง โดย นายชาติศิริ โสภณพนิช กรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงเทพกล่าว ก่อนหน้านี้ว่าการลงทุน ในบริษัทดังกล่าวเป็นการเพิ่มโอกาสลงทุนในต่างประเทศ

ด้าน นายญาณศักดิ์ มโนมัยพิบูลย์ กรรมการผู้อำนวยการ บล.บัวหลวง กล่าวว่า การเข้าไปถือหุ้นใน บลจ.ที่มีอยู่ ในระบบเป็นเพียงทางเลือกหนึ่งในการขยายธุรกิจทางด้านกองทุนรวมได้อีกทางหนึ่ง นอกเหนือจากรอให้ทางการเปิดเสรีใบอนุญาตธุรกิจหลักทรัพย์ที่ บล.บัวหลวง พร้อมที่จะทำธุรกิจได้ทันที

แหล่งข่าววงการกองทุนรวม กล่าวว่า ธนาคารนครหลวงไทยคงไม่เข้าไปถือหุ้นใน บลจ.ไอเอ็นจี เพราะก่อนที่จะขอ ใบอนุญาตจัดตั้ง บลจ.นครหลวงไทยนั้น ธนาคารเคยถือหุ้น บลจ.ไอเอ็นจีอยู่และมีผลขาดทุนต่อเนื่อง จนไม่อยากใส่เงินเพิ่มทุนอีก จนในที่สุดเลือกที่จะขอใบอนุญาตทำเอง

อย่างไรก็ตาม การที่ธนาคารพาณิชย์จะถือหุ้นใน บลจ.สองแห่งนั้นสามารถทำได้ แต่หากถือรายใดอยู่แล้ว จะถือรายใหม่เกิน 10% ต้องขออนุญาตธนาคารแห่งประเทศไทยก่อน