ด้าน นายบันเทิง ตันติวิท ประธานกรรมการ บริษัท ทุนธนชาต จำกัด (มหาชน) (TCAP) และประธานกรรมการ ธนาคารธนชาต จำกัด (มหาชน) (TBANK) กล่าวว่า ภายหลังธนาคารแห่งโนวาสโกเทียเข้ามาถือหุ้นใน TBANK 24.99% จะมีการโอนสินทรัพย์ของโนวาสโกเทียมาที่ TBANK ประมาณ 3-4 พันล้านบาท ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นสินเชื่อ ทั้งนี้ ธนาคารจะต้องมาร่วมวางแผนการดำเนินธุรกิจในระยะ 3 ปี จากพันธมิตรรายใหม่อีกครั้งหนึ่ง แต่ในเบื้องต้นธนาคารจะยังคงเน้นธุรกิจเช่าซื้อรถยนต์ เนื่องจากพันธมิตรรายใหม่มีความเชี่ยวชาญในธุรกิจนี้อยู่แล้ว ซึ่งการผนึกความร่วมมือระหว่างกันจะช่วยเสริมให้ธุรกิจของ TBANK เติบโตได้ก้าวกระโดดมากขึ้น
"ธนาคารแห่งโนวาสโกเทียถือหุ้นใน TBANK 24.99% จะสามารถส่งคนเข้ามานั่งเป็นกรรมการได้ 3 คน จากกรรมการทั้งหมด 10 คน และถ้าสัดส่วนเพิ่มเป็น 49% ธนาคารแห่งโนวาสโกเทียสามารถส่งคนเข้ามานั่งเป็นกรรมการใน TBANK ได้ 5 คน" สำหรับ การทำเทนเดอร์ออฟเฟอร์จากผู้ถือหุ้นรายย่อยของ TBANK จะเกิดขึ้นเมื่อธนาคารแห่งโนวาสโกเทียเข้ามาถือหุ้นใน TBANK ครบตามจำนวนที่ตกลง ซึ่ง TCAP จะทำเทนเดอร์ออฟเฟอร์ในราคา 16.37 บาท โดยเป็นราคาเดียวกันกับหุ้นที่ออกใหม่และขายให้แก่ธนาคารแห่งโนวาสโกเทีย
“ในเบื้องต้นธนาคารแห่งโนวาสโกเทียจะเข้ามาถือหุ้นใน TBANK 24.99% แต่ทั้งนี้จะต้องได้รับการอนุญาตจากธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ก่อน ซึ่ง TCAP ก็หวังว่าหากเกิดการเปลี่ยนแปลงทางด้านนโยบายหรือกฎหมายการเงินเกี่ยวกับเรื่องสัดส่วนการถือหุ้นของต่างชาติ ซึ่งคาดว่าน่าจะเกิดขึ้นได้ในไม่ช้านี้น่าจะทำให้ ธปท.อนุญาตให้ธนาคารแห่งโนวาสโกเทียเข้ามาถือหุ้นใน TBANK ได้ถึง 49%” นายบันเทิง กล่าว
นายบันเทิง กล่าวต่อว่า หากกระบวนการเข้ามาซื้อหุ้น TBANK ของธนาคารแห่งโนวาสโกเทียเสร็จสิ้น TCAP จะต้องทำเทนเดอร์ออฟเฟอร์จากผู้ถือหุ้นรายย่อยใน TBANK ในราคา 16.37 บาท เพื่อนำ TBANK ออกจากตลาดหลักทรัพย์ เนื่องจาก TBANK มีสภาพคล่องต่ำ ถือหุ้นใหญ่โดย TCAP ถึง 99.36% ประกอบกับพันธมิตรรายใหม่ที่จะเข้ามาอย่างธนาคารแห่งโนวาสโกเทียไม่ได้กังวลกับ TBANK ไม่ได้จดทะเบียนในตลาดหุ้น ดังนั้นจึงไม่ขัดข้องหาก TCAP จะเพิกถอน TBANK ออกจากตลาด TCAP
ด้านนักวิเคราะห์ บล.ฟินันซ่า จำกัด กล่าวถึงหุ้น TCAP ว่าแนะนำ “ถือ” ราคาเป้าหมาย ที่14.40 บาท โดยให้เหตุผลว่า สำหรับปีนี้คาดว่า TCAP จะเปิดสาขาเพิ่มไม่เกิน 40 แห่ง (vs. 60 ในปี 06) และตั้งเป้าสินเชื่อปีนี้ขยายตัวเพียง 6% เพราะแนวโน้มยอดขายรถใหม่ไม่สดใส (คาดยอดขายรถยนต์ในประเทศปี 07 อยู่ที่ 7 แสนคัน เพิ่มขึ้นเพียง 3% YoY จากปี 06) และ 80% ของสินเชื่อของ TCAP มาจากเช่าซื้อรถยนต์ใหม่ อย่างไรก็ตามคาดว่า NIM ปีนี้จะดีขึ้นจาก 2.80% เป็น 3% จากการลดลงของต้นทุนหลังเงินฝากดอกเบี้ยพิเศษทยอยหมดอายุ/หมดโปรโมชั่นไป และหันไปให้ความสำคัญกับ Fee-based incomeมากขึ้น โดยเฉพาะที่มาจากธุรกิจประกันชีวิตในรูปค่าเบี้ยประกัน เพื่อลดการพึ่งพิงการปล่อยสินเชื่อส่วนการตั้งสำรองฯ กฎ IAS 39 ไม่มีผล เพราะธนาคารมีสัดส่วน LLRs/NPLs ที่ค่อนข้างสูง (73% vs.66% ค่าเฉลี่ยของกลุ่ม) แต่เพื่อเป็นไปตามหลักระมัดระวังและสอดคล้องกับความเสี่ยงในธุรกิจ จึงประมาณการค่าใช้จ่ายสำรองฯปีละประมาณ1 พันล้านบาท ตั้งแต่ปี 07 เป็นต้นไป ในแง่กำไรสุทธิ คาดปีนี้จะโตโดดเด่น 31% YoY เป็น 1.93 พันล้านบาทในปี 07 แต่ถึงกระนั้นก็ยังไม่เท่าช่วง 3 ปีก่อนหน้านี้ (03-05) ที่ทำได้ปีละประมาณ 2.7-3.1 พันล้านบาท นอกจากนี้คาดว่าบริษัทจะลดระดับ Dividendแค่ “ถือ” เพราะไม่ดีพอที่จะซื้อ แต่ก็ไม่แย่จนต้องขาย
“แม้ราคาจะมี Upside 13% จากเป้าหมาย @ 14.40 บาท (ตามวิธี BV Multiple หาราคาที่ปี 2010 คิดส่วนลดกลับพร้อมเงินปันผลระหว่างทาง) แต่แนะนำแค่ “ถือ” เพราะไม่เด่นพอที่จะซื้อ แต่ก็ขายไม่ลงเพราะไม่แพง จุดเปลี่ยนของ TCAP น่าจะอยู่ที่การมีพันธมิตรเพื่อเสริมเขี้ยวเล็บมากกว่า”