May 15, 2024   2:17:47 PM ICT
โบรกฯ ระบุต่างชาติยังเล่นสั้นฉุดหุ้นผันผวน

นักวิเคราะห์เชื่อ แรงซื้อต่างชาติที่เข้ามา โดยมียอดซื้อสุทธิกว่า 1.3 หมื่นล้านบาท เป็นเพียงหวังเก็งกำไรระยะสั้น เมื่อมีกำไรก็จะเทขายทันที เตือนรายย่อย ระมัดระวังการลงทุน หวังงานไทยแลนด์โฟกัส จะดึงเงินต่างชาติ ที่จะลงทุนระยะยาวจริงเข้ามา ส่วนวานนี้ดัชนีหุ้นแกร่งแรง นักลงทุนเทขายทำกำไร

โดยภาวะตลาดหุ้นวานนี้ (16 ก.ย.) ดัชนีเคลื่อนไหวในกรอบแคบๆ สลับระหว่างแดนบวกและแดนลบ โดยมีจุดสูงสุดของวันที่ระดับ 666.50 จุด เพิ่มขึ้น 4.22 จุด ส่วนต่ำสุดอยู่ที่ระดับ 659.26 จุด ลดลง 3.02 จุด และมาปิดตลาดที่ระดับ 662.39 จุด เพิ่มขึ้น 0.11 จุด คิดเป็น 0.02% มูลค่าการซื้อขายรวม 26,699.24 ล้านบาท โดยหุ้นกลุ่มที่มีแรงซื้อเข้ามามากสุด ได้แก่ กลุ่มพลังงาน ส่วนกลุ่มที่มีแรงขายออกมา ได้แก่ กลุ่มอสังหาริมทรัพย์ กลุ่มวัสดุก่อสร้าง และกลุ่มธนาคารพาณิชย์ ขณะที่นักลงทุนต่างชาติยังซื้อสุทธิต่ออีก 1,907.69 ล้านบาท

นายแสงธรรม จรณชัยกุล ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์ บริษัทหลักทรัพย์(บล.) เอเซีย พลัสเปิดเผยว่าภาวะการซื้อขายในช่วงนี้

มีแรงซื้อสุทธิจากนักลงต่างชาติอย่างต่อเนื่องโดยประเมินว่า จะเป็นการลงทุนในช่วงสั้น เหมือนกับพฤติกรรมปกติที่นักลงทุนต่างชาติมักจะเข้ามาลงทุนในช่วง 1-2 สัปดาห์แรกของเดือน จากนั้นก็จะเป็นเทขาย

ทั้งนี้จากการสังเกตพบว่า นักลงทุนต่างชาติเริ่มเข้าลงทุนในตลาดหุ้นไทยที่ระดับ 607 จุด ตั้งแต่วันที่ 25 - 31 สิงหาคม โดยมีแรงซื้อสุทธิ 3,970 ล้านบาท และตั้งแต่วันที่ 1 -15 กันยายน พบว่านักลงทุนต่างชาติยังคงซื้อต่อเนื่องประมาณ 11,322 ล้านบาท เมื่อคำนวณแรงซื้อในช่วง 20 ที่ผ่านมา พบว่า ต่างชาติซื้อสุทธิ 15,292 ล้านบาท ขณะที่การลงทุนของนักลงทุนภายในประเทศช่วง 3 อาทิตย์เป็นการขายสุทธิ

เขาประเมินว่า สาเหตุที่นักลงทุนต่างชาติกลับเข้าซื้อนั้น เพราะระดับราคาหุ้นปรับตัวลงมาค่อนข้างต่ำ เมื่อเทียบกับปัจจัยพื้นฐานของบริษัทจดทะเบียนในตลาด ประกอบกับปัจจัยลบเริ่มคลี่คลายทำให้ความกังวลหมดไป รวมทั้งช่วงนี้ มีการประชาสัมพันธ์ข่าวการจัดงานไทยแลนด์โฟกัส ทำให้นักลงทุนต่างชาติ ได้รับข้อมูลที่แท้จริง และเป็นข้อมูลล่าสุด ดังนั้นน่าจะสร้างความมั่นใจให้นักลงทุนต่างชาติ

กลับเข้าลงทุนอีกครั้ง

ส่วนเรื่องผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนนั้น ไม่ใช่ปัจจัยที่ต่างชาติจะนำใช้ตัดสินในการเข้าลงทุนในตลาดหุ้นไทย เนื่องจากประเทศไทยเผชิญข่าวร้ายมาตั้งแต่ต้นปี เช่นไข้หวัดนก ราคาน้ำมันแพง และการก่อการร้ายที่ภาคใต้ ส่งผลให้บริษัทจดทะเบียนไม่สามารถทำกำไรได้เต็มที่เพราะได้รับผลกระทบจากปัจจัยลบดังกล่าว ทั้งนี้คาดว่าการปรับตัวขึ้นของดัชนีในระยะนี้ เป็นการปรับตัวขึ้นระยะสั้นๆ และเมื่อต่างชาติมีกำไรก็จะเทขายออกมา

ด้านนายภควัต โกวิทวัฒนพงศ์ ประธานกรรมการ บล.ทรีนิตี้ กล่าวว่า การจัดงานไทยแลนด์โฟกัส ส่งผลให้นักลงทุนต่งชาติให้ความสนใจในการเข้าลงทุนในตลาดหุ้นไทย เนื่องจากรับรู้ข้อมูลด้านปัจจัยพื้นฐานของประเทศมากยิ่งขึ้น และเห็นถึงการพัฒนาระบบบรรษัทภิบาลที่ดีขึ้น ซึ่งเป็นปัจจัยที่ต่างชาติให้ความสำคัญ

การจัดงานดังกล่าว ก็ถือเป็นโอกาสที่ดีของรัฐบาล ในการอธิบายความน่าสนใจของบริษัทจดทะบียนให้ต่างชาติได้รับรู้ ซึ่งจะเป็นปัจจัยให้เสริมให้ต่างชาติเข้ามาลงทุน ประกอบกับการจัดตั้งกองทุนระยะยาวจะทำให้มีเม็ดเงินเข้ามาในตลาดหุ้นมากขึ้น และประเมินว่าการลงทุนของนักลงทุนต่างชาติมีหลายรูปแบบทั้งระยะสั้นและยาว ดังนั้นนักลงทุนรายย่อย ควรระมัดระวังการลงทุน และอ่านสัญญานการซื้อขายของนักลงทุนต่างชาติให้ดี นายภควัตกล่าว

ด้านนายสุกิจ อุดมศิริกุล หัวหน้าหน่วยกลยุทธ์การลงทุน บล.พัฒนสิน แสดงความคิดเห็นต่อการลงทุนของนักลงทุนต่างชาติว่า

แรงซื้อขณะนี้ยังไม่มีความแน่ชัดว่านักลงทุนต่างชาติจะเข้าลงทุนระยะยาวหรือระยะสั้น แต่คาดว่าน่าจะเป็นการค่อยๆ เข้ามาลงทุนในระยะยาวมากกว่า เนื่องจากประเมินว่าราคาหุ้นในกระดานนับตั้งแต่ต้นปี มีการปรับตัวต่ำลงประมาณ 13% ในขณะที่ตลาดหลักทรัพย์ของประเทศเพื่อนบ้าน เช่นประเทศอินโดนีเซีย และประเทศฟิลิปปินส์ปรับตัวขึ้นมาถึง 18%

สาเหตุที่นักลงทุนต่างชาติกลับมานั้น เป็นเพราะราคาหุ้นต่ำและเป็นการตอบรับการจัดตั้งกองทุนหุ้นระยะยาว และการจัดงานไทยแลนด์ โฟกัสซึ่งนับว่าเป็นข่าวดีทั้งสิ้น ประกอบกับปัจจัยลบเรื่องอัตราดอกเบี้ยและราคาน้ำมันเริ่มส่งสัญญาณที่เป็นบวกต่อตลาดหุ้น

เมื่อพื้นฐานหุ้นเราดี นักลงทุนก็เกิดความเชื่อมั่นอักครั้ง นายสุกิจกล่าว

นอกจากนี้ ปัจจัยเรื่องการเลือกตั้งและการเมืองจะเป็นปัจจัยที่ต่างชาติใช้ในการตัดสินใจเข้าลงทุน โดยต่างชาติจะประเมินว่า

การเมืองของประเทศไทยโดยรวมจะมีความมั่นคงทางด้านนโยบายต่อเนื่องหรือไม่ เมื่อเทียบกับประเทศเพื่อนบ้าน ทั้งนี้จะสังเกตได้ว่าประเทศที่การเลือกตั้งดำเนินไปด้วยดี ความเคลื่อนไหวในตลาดหุ้นก็จะดีตามไปด้วย

ด้านนายวรุตม์ ศิวะศริยานนท์ ผู้อำนวยการฝ่ายอาวุโส บล.โกลเบล็ก เปิดเผยว่า การกลับเข้ามาลงทุนของนักลงทุนต่างประเทศในช่วงเดือนที่ผ่านมาเป็นเม็ดเงินจริง เพราะมีสัญญาณแสดงให้ว่าหลังจากที่สหรัฐได้ประกาศตัวเลขเศรษฐกิจไตรมาส 2 พบว่าดุลบัญชีเดินสะพัดขาดดุลถึง 1.6 แสนล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งทำให้ค่าเงินดอลลาร์อ่อนค่าลง เป็นผลให้เงินเริ่มไหลออก ดังนั้นคาดว่าในวันที่ 21 ก.ย.นี้ ธนาคารกลางสหรัฐคงจะขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพื่อป้องกันเงินไหลออก รวมถึงการจัดงานไทยแลนด์ โฟกัส จะเป็นปัจจัยหนึ่งที่ช่วยกระตุ้นการกลับเข้ามาลงทุนของนักลงทุนต่างประเทศอีกทางหนึ่งเช่นกัน

ที่มา นสพ.กรุงเทพธุรกิจ

เข้าชม: 1,213

 
 

Copy Right © 2009-2012 © Thaihoon.Com