April 30, 2024   8:23:44 AM ICT
เงินกับความสุข
คนส่วนใหญ่เชื่อว่าถ้าเรามีเงินเราจะมีความสุขมากขึ้น  คนเชื่อว่าคนรวยย่อมมีความสุขมากกว่าคนจน  ยิ่งรวยมากเท่าไร  ความสุขก็มากขึ้นเท่านั้น  เพราะคนเชื่อว่า  เงินสามารถซื้อความสุขได้แม้ว่าจะไม่ใช่ความสุขทุกอย่างแต่ก็ซื้อได้มาก  เงินสามารถใช้ซื้ออาหารอร่อย ๆ รับประทานได้  เงินสามารถพาเราไปท่องเที่ยวได้มากขึ้นและไกลขึ้น  เงินทำให้เราซื้อบ้านและซื้อรถยนต์ที่ทำให้เรามีหน้ามีตาในหมู่เพื่อนฝูงและคนรู้จัก  เงินทำให้เราส่งลูกไปเรียนโรงเรียนดี ๆ หรือไปเรียนต่างประเทศได้  เพราะฉะนั้น  อย่ามาพูดเลยว่าเงินกับความสุขไม่เกี่ยวกัน

                นั่นคือสิ่งที่คนที่ยังไม่ค่อยมีเงินหรือคิดว่าตนยังมีเงินไม่พอมักจะคิด  คนเหล่านั้นมักจะ  ฝันว่า  ถ้าเขามีเงินมากขึ้น  เขาคงจะมีความสุขมาก  เพราะสิ่งที่เขาคิดอยากจะได้แต่ยังทำไม่ได้เพราะมีเงินไม่พอ  เขาก็จะสามารถซื้อหามาได้  และนั่นคือความสุขที่เขากำลังพยายามไขว่คว้า   แต่เชื่อไหมครับว่าวันที่เขามีเงินพอและได้ใช้หรือบริโภคสิ่งที่เขา ฝันไว้แล้ว  สิ่งนั้นก็จะไม่ใช่ความสุขอีกต่อไป  เขาจะเริ่ม  ฝันถึง  ความสุข  ใหม่  ที่จะต้องใช้เงินมากขึ้นไปอีก   เงินคือความสุขหรือเงินเป็นสิ่งที่หลอกลวงกันแน่?


                ความสุขของคนนั้น  เพื่อที่จะอธิบายให้เป็นระบบ  ผมคิดว่าน่าจะต้องอิงกับความต้องการของมนุษย์ซึ่ง  แมสโลว์ ( Abraham Maslow) นักจิตวิทยาชื่อดังบอกว่ามี 5 ระดับ นั่นคือ  ความต้องการเบื้องต้น ได้แก่ อาหารและน้ำ   ความต้องการระดับสองคือ  ต้องการความปลอดภัยและความมั่นคงในชีวิต  เมื่อได้รับการตอบสนองแล้ว  ความต้องการจะยกระดับขึ้นไปเป็นระดับ 3 ซึ่งก็คือ  การได้รับการยอมรับในหมู่ญาติมิตรและเพื่อนฝูงให้เป็นส่วนหนึ่งของกลุ่ม  ขั้นต่อไปก็คือ  การมีสถานะที่โดดเด่นในสังคม  และสุดท้ายก็คือ  ความต้องการที่จะบรรลุถึงตัวตนที่แท้จริงซึ่งในทางพระอาจจะเรียกว่านิพพานไปเลย


                มาดูความสุขทางด้านอาหารว่าเงินซื้อได้หรือไม่?  ผมคิดว่าเงินซื้อความสุขด้านอาหารได้น้อย  ความสุขของการกินนั้น  ผมเชื่อว่าส่วนใหญ่อยู่ที่ความหิวและรสชาติของอาหารซึ่งไม่ค่อยได้เกี่ยวข้องกับราคามากนัก  คนทั่วไปอาจจะรู้สึกว่าหูฉลามนั้นอร่อยมาก  แต่นั่นเป็นเพราะเขาไม่ค่อยได้กินมัน  แต่ถ้าเขาได้กินมันบ่อยมาก  เขาอาจจะบอกว่าพะแนงเนื้ออร่อยกว่า   ดังนั้น  สำหรับความสุขในด้านของการกินแล้ว  ผมคิดว่า  ถ้าเราไม่จนเกินไป  เราจะมีความสุขไม่ต่างกับเศรษฐีมากนัก


                ความสุขที่จะได้จากความรู้สึกมั่นคงปลอดภัย  นี่เป็นความสุขที่เกิดขึ้นในใจเมื่อเรามีบ้านอยู่อาศัยที่ปลอดภัย  มีการงานที่มั่นคง   เรารู้ว่าเมื่อเราป่วยไข้จะได้รับการรักษาที่ดี  มีความอุ่นใจว่าถ้าเกิดปัญหาอะไรที่ไม่คาดคิดทางการเงินเรามีทางแก้ไขได้  และที่สำคัญ  รู้ว่าเมื่อแก่ตัวลง  เราจะมีเงินเลี้ยงดูตัวเองได้   การมีเงินสะสมน้อยหรือไม่มีสวัสดิการการรักษาพยาบาลเพียงพอก็ย่อมที่จะทำให้เรามีความกังวลและเป็นทุกข์ได้   อย่างไรก็ตาม  ความรู้สึกมั่นคงปลอดภัยนั้น  เป็นความสุขในระดับหนึ่งเท่านั้น  นั่นหมายความว่า   ถ้าคนเรามีความมั่นคงเพิ่มขึ้นไปอีก  ส่วนที่เพิ่มนั้นจะก่อให้เกิดความสุขเพิ่มน้อยมาก  ข้อสรุปก็คือ  เราต้องมีเงินในระดับหนึ่งเพื่อความมั่นคงในชีวิตถ้าจะให้ไม่เกิดทุกข์จากความกังวล


                การได้รับการยอมรับในหมู่ญาติมิตรและเพื่อนฝูงนั้น  ผมคิดว่าเงินไม่น่าจะมีส่วนมากนัก  การมีน้ำจิตน้ำใจเอื้ออารีน่าจะมีความสำคัญกว่าและสิ่งนี้ไม่สามารถซื้อได้ด้วยเงิน  ดังนั้น  ความสุขจากการที่เป็นส่วนหนึ่งของกลุ่มจึงเป็นเรื่องที่ไม่เกี่ยวกับเงินเลย


                การมีสถานะที่โดดเด่นในสังคมเป็นความต้องการในระดับที่สูงขึ้นมาและน่าจะเป็นความสุขอย่างหนึ่งที่เงินอาจจะซื้อได้  และนี่ก็คงเป็นเหตุผลสำคัญที่คนมีเงินใช้เงินซื้อบ้าน  รถยนต์ที่หรูหรา  และเครื่องแต่งกายราคาแพงเพื่อที่จะแสดงความโดดเด่นให้คนทั่วไปเห็นและยอมรับ  อย่างไรก็ตาม  ความสุขในด้านนี้มักจะมีด้านมืด  นั่นก็คือ  ผู้ที่ใช้ของหรูมักจะพบคนที่ใช้ของที่หรูกว่า  และความรู้สึกที่ด้อยกว่าโดยการเปรียบเทียบนั้น  บ่อยครั้ง มันกลบความสุขที่ควรจะได้รับ  และทำให้การใช้เงินซื้อสถานะของตนเองเพื่อให้เกิดความสุขนั้นไร้ผล  เพราะแทนที่จะเป็นสุขก็อาจจะกลายเป็นความทุกข์ได้


                ผมคงไม่พูดถึงความต้องการที่จะบรรลุถึงตัวตนที่แท้จริงซึ่งคงไม่เกี่ยวข้องกับเรื่องของเงินแต่น่าจะเป็นเรื่องของจิตใจล้วน ๆ   แต่อยากจะบอกว่าความสุขของคนนั้น  ส่วนใหญ่อยู่ที่เรื่องของสุขภาพกายและสุขภาพใจซึ่งเงินซื้อได้น้อยมาก   สุขภาพกายนั้น  ไม่ว่าคุณจะมีเงินมากเท่าไร  โอกาสที่คุณจะป่วยมีเท่ากับคนที่มีเงินน้อยหรือปานกลาง   เช่นเดียวกัน  สุขภาพใจนั้น  อยู่ที่การทำใจ    จากการสำรวจครั้งแล้วครั้งเล่าเราพบว่า  คนที่ใช้ชีวิตที่  พอเพียงมีความสุขกว่าคนที่ชอบบริโภค   ซึ่งไม่ได้เกี่ยวเลยว่าเขามีเงินมากหรือน้อย  ว่าที่จริงถ้าจะมีอะไรเกี่ยวก็น่าจะเป็นว่า  การมีเงินมากอาจจะเป็นความเสี่ยงว่าคุณจะมีความสุขน้อยลงถ้าคุณชอบบริโภค


                ข้อสรุปสุดท้ายของผมก็คือ  คนที่มีเงินน้อยเกินไปจะหาความสุขได้ยากเพราะความสุขหลายอย่างต้องใช้เงินซื้อหามา   ในอีกด้านหนึ่ง  คนที่มีเงินมากเกินไปไม่ได้หมายความว่าเขาจะต้องมีความสุขมากกว่าคนที่มีเงินปานกลาง  เพราะเงินนั้นซื้อความสุขได้ถึงระดับหนึ่งเท่านั้น   คนที่มีเงินพอประมาณ  สามารถที่จะเป็นแชมเปียนของคนที่มีความสุขได้  เพราะความสุขนั้น  ส่วนใหญ่มาจากสุขภาพกายและสุขภาพใจที่ซื้อไม่ได้ด้วยเงิน  ดังนั้น  ถ้าคุณเป็นคนที่มีเงินพอประมาณและใช้ชีวิตที่พอประมาณ  คุณก็น่าจะมีชีวิตที่มีความสุขไม่แพ้คนรวยโดยทั่วไปแล้ว


 ดร. นิเวศน์ เหมวชิรวรากร
เข้าชม: 1,648

 
 

Copy Right © 2009-2012 © Thaihoon.Com