เวิร์ค พอยท์กำหนดราคาไอพีโอหุ้นละ 15 บาท ที่ปรึกษามั่นใจราคาไม่แพง เพราะกำหนดจากการสำรวจราคาสถาบันจองล้น 10 เท่าด้านโบรกเกอร์ระบุ ราคาสูงเต็มมูลค่าปีนี้แล้ว ซื้อแต่ต้องถือยาว
นายครรชิต ควะชาติ ผู้อำนวยการฝ่ายวาณิชธนกิจ บล.ธนชาติ ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงินในการเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนให้กับประชาชนทั่วไป (ไอพีโอ) ของบริษัทเวิร์คพอยท์ เอ็นเทอร์เทนเมนท์ (WORK) เปิดเผยว่า การกำหนดราคาเสนอขายหุ้นไอพีโอที่ระดับ 15 บาทต่อหุ้น เป็นราคาที่ได้จากการสำรวจความสนใจในการซื้อหุ้นของนักลงทุนประเภทสถาบัน ซึ่งมีความต้องการสูงถึง 10 เท่า ดังนั้นเชื่อว่าราคาที่เสนอขายไม่สูงมาก และมีราคาปิดต่อกำไรต่อหุ้น หรือ พี/อี เรโช อยู่ที่ 11 เท่า
นักวิเคราะห์รายหนึ่งเปิดเผยว่า การกำหนดราคาไอพีโอที่ 15 บาทถือว่าเป็นราคาสูงและเต็มมูลค่า จากการวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานของบริษัท โดยคาดว่าปีนี้จะมีกำไรสุทธิประมาณ 208 ล้านบาท และราคามูลค่าที่เหมาะสมหุ้นละ 15.60 บาท ซึ่งราคาที่เทียบกับความสามารถในการทำกำไรอยู่ที่ 15 เท่า เมื่อนำมาเปรียบเทียบกับกลุ่มอุตสาหกรรมบันเทิงที่มีการดำเนินธุรกิจที่คล้ายกันแล้ว ถือว่าอยู่ในระดับสูง แต่ถ้าถือลงทุนระยะยาวลงทุนได้
การกำหนดราคาเต็มมูลค่า แสดงให้เห็นว่าบริษัทมั่นใจในธุรกิจ แต่ถือว่าราคาสูงไม่ค่อยมีส่วนต่างให้กับนักลงทุน แต่ถ้าพิจารณาปีหน้าราคามูลค่าที่เหมาะสมจะอยู่ที่ประมาณ 18 บาท และคาดว่าจะมีกำไรประมาณ 240 ล้านบาท อัตราเติบโตปีละประมาณ 20% ซึ่งบริษัทน่าจะทำได้ต่อเนื่อง เพราะมีรายการใหม่ๆ เข้ามาและยังไม่ได้รับรู้รายได้เต็มที่ นักวิเคราะห์กล่าว
อย่างไรก็ตามในปี 2549 เชื่อว่า บริษัทจะมีอัตราเติบโตที่ดีมาก เนื่องจากหลังไอพีโอแล้วจะนำเงินไปสร้างสตูดิโอใหม่ ทำให้ต้นทุนในการดำเนินธุรกิจของบริษัทต่ำลง และอาจจะเป็นปีที่มีอัตราเติบโตมากที่สุด รวมทั้งน่าจะยังได้รับการสนับสนุนจากสถานีโทรทัศน์ช่อง 9
ขณะที่บทวิเคราะห์ บล.กรุงศรีอยุธยา ระบุว่าเวิร์ค พอยท์ ดำเนินธุรกิจผลิตรายการโทรทัศน์ โดยรายการของบริษัทได้รับรางวัลจากการประกวดต่างๆ ศักยภาพดังกล่าวทำให้ เวิร์ค พอยท์ มีการเติบโตของเวลาออกอากาศเฉลี่ย 29% ในรอบ 3 ปีที่ผ่านมา และมีโอกาสที่จะได้เวลาออกอากาศเพิ่มขึ้นในอนาคต การแข่งขันที่รุนแรงของสถานีโทรทัศน์ต่างๆ สำหรับปี 2547-2548 ฝ่ายวิจัยประเมินกำไรของบริษัทภายใต้สถานการณ์ที่อนุรักษ์ (ไม่มีรายการใหม่เพิ่ม)คาดว่า บริษัทจะมีกำไร 207 ล้านบาทและ 230 ล้านบาท กำไรต่อหุ้น 1.04 และ 1.15 บาท จากเวลาออกอากาศที่เพิ่มขั้น 4 รายการ
ทั้งนี้จากการเติบโตของกำไรสุทธิต่อหุ้น หรือ EPS ที่สูงกว่ากลุ่มบันเทิงจึงประเมินราคาเหมาะสมของ เวิร์ค พอยท์ มีมูลค่าเหมาะสม 17.20 บาท ประมาณการกำไรปี 2547-2548 : คาดว่าจะมีรายได้ 972 ล้านบาทและ 1013 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 59% และ 4% ในปี 2547-2548 ตามลำดับ โดยสมมติฐานว่าไม่มีรายการใหม่เพิ่มขึ้น ซึ่งเป็นสมมติฐานที่อนุรักษนิยมมาก เมื่อพิจารณาจากศักยภาพของบริษัท และโอกาสที่เกิดขึ้นท่ามกลางการแข่งขันที่รุนแรง ของสถานีโทรทัศน์ต่างๆ โดยปี 2547 คาดว่าจะมีกำไรสุทธิ 207 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 90% จากงวดเดียวกันปีก่อน ส่วนปี 2548 คาดว่าจะมีกำไรสุทธิ 230 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 11% งวดเดียวกันปีก่อน จากการรับรู้รายได้ของรายการใหม่เต็มที่ และได้ประโยชน์จากอัตราภาษีจ่ายที่ลดลง
ที่มา กรุงเทพธุรกิจ | 