May 16, 2024   9:29:45 AM ICT
ประชัย เตรียมต้านแผนฟื้นฟูถึงฎีกา

ประชัยเชื่อผลโหวต คณะกรรมการเจ้าหนี้ ในวันที่ 27 กันยายน มีมติเห็นชอบ ตามข้อเสนอของผู้บริหารแผน พร้อมเดินหน้าคัดค้านทุกศาล ตั้งแต่ศาลล้มละลาย จนถึงศาลฎีกา ระบุแผนปรับหนี้ ขาดความเป็นธรรม เอาเปรียบลูกหนี้ ส่วนทีพีไอโพลีน ยอมชำระดอกเบี้ยค้างชำระ 5 พันล้านบาท ด้วยวิธีการแปลงหนี้เป็นทุน ในราคาหุ้นละ 37 บาท

นายประชัย เลี่ยวไพรัตน์ อดีตประธานเจ้าหน้าที่บริหารบริษัทอุตสาหกรรมปิโตรเคมีกัลไทย จำกัด (มหาชน) หรือทีพีไอ เปิดเผยว่า

ภายหลังจากที่คณะผู้บริหารแผนเสนอแผนปรับโครงสร้างหนี้ต่อศาลล้มละลายกลางเมื่อวันที่ 6 กันยายนที่ผ่านมาและเตรียมจะเรียกประชุมคณะกรรมการเจ้าหนี้ในวันที่ 27 กันยายนนี้ เชื่อว่าคณะกรรมการเจ้าหนี้จะมีมติเห็นชอบกับแผนดังกล่าว

โดยคาดว่าคงจะมีการตกลงกันนอกรอบกันแล้ว แต่ในส่วนของผู้บริหารฝ่ายลูกหนี้ ตนก็จะยื่นขอคัดค้านแผนปรับโครงสร้างหนี้ให้ถึงที่สุด ทั้งศาลล้มละลายกลางและศาลฎีกา เนื่องจากแผนปรับโครงสร้างหนี้ไม่มีความเป็นธรรมต่อลูกหนี้และยังเป็นการดำเนินการที่ขัดต่อรัฐธรรมนูญ

ผมจะคัดค้านแผนปรับหนี้ในทุก ๆ ศาลจนกว่าจะชนะ และในการคัดค้านดังกล่าวจะไม่มีผลต่อการปรับโครงสร้างหนี้หากแผนดังกล่าวได้รับการอนุมัติจากศาลล้มละลายกลาง ก็สามารถเดินตามแผนได้ทันทีทั้งในส่วนของการลดทุนและการเพิ่มทุนแต่หากสุดท้ายศาลมีคำสั่งให้ตนเป็นผู้ชนะทุกอย่างก็ต้องตีกลับมาเหมือนเดิมและคงต้องเริ่มต้นใหม่ นายประชัยกล่าว

สำหรับแผนการปรับโครงสร้างหนี้ที่ถือว่าไม่เป็นธรรมกับลูกหนี้ก็คือการลดทุนจดทะเบียน การเพิ่มทุน รวมทั้งกรณีที่ให้กรรมการของบริษัทที่มีอยู่ในวันที่ศาลเห็นชอบด้วยแผนครั้งใหม่ทั้งคณะพ้นจากตำแหน่งและแต่งตั้งกรรมการชุดใหม่ที่เป็นบุคคลที่ผู้บริหารแผนเห็นสมควรอันเป็นการดำเนินการที่ฝ่าฝืนต่อมาตรา 90/1 และมาตราที่ 90/74 และ 90/75 แห่งพระราชบัญญัติล้มละลายพุทธศักราช 2483

เพราะคณะกรรมการที่มีอยู่ขณะที่ศาลมีคำสั่งให้ฟื้นฟูกิจการนั้นมีฐานะตามกฎหมายเป็นผู้บริหารของลูกหนี้ ที่มีหน้าที่ควบคุมกำกับดูแลการดำเนินงานของผู้บริหารแผน

นายประชัยกล่าวว่าจากเหตุผลและข้อเท็จจริงดังกล่าวจะเห็นได้ว่าการดำเนินการในฐานะผู้บริหารแผนของกระทรวงการคลังโดยคณะผู้บริหารแผนนั้นไม่มีความเป็นธรรมและผู้ถือหุ้นเดิมมุ่งครอบงำกิจการของลูกหนี้และไม่เป็นไปตามเจตนารมณ์ของการฟื้นฟูกิจการ

สำหรับผลการดำเนินงานของบริษัทในช่วงเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา บริษัทมี EBITDA ประมาณ 2.63 พันล้านบาท และเมื่อนับรวมตั้งแต่ต้นปีจนถึงเดือนสิงหาคม จะมี EBITDA รวม 14,388.65 ล้านบาท เมื่อเปรียบเทียบกับงวดเดียวกันของปี 2546 พบว่าเฉพาะในเดือนสิงหาคมมีรายได้ 757.31 ล้านบาทและตั้งแต่เดือนมกราคม-เดือนสิงหาคม 2546 มี EBITDA รวมเพียง 6,058.50 ล้านบาท

นอกจากนี้นายประชัย ยังได้กล่าวถึงความคืบหน้าในการปรับโครงสร้างทางการเงิน (รีไฟแนนซ์) ของบริษัททีพีไอโพลีนว่า ขณะนี้ทางลูกหนี้ได้เจรจาไกล่เกลี่ยกับเจ้าหนี้ในเรื่องการชำระมูลหนี้ที่เหลืออีกประมาณ 650 ล้านเหรียญสหรัฐ โดยในส่วนของดอกเบี้ยค้างชำระ 5,000 ล้านบาทนั้น ทางลูกหนี้จะยอมแปลงหนี้เป็นทุนในราคาหุ้นละ 37 บาท ให้เจ้าหนี้ ส่วนมูลหนี้คงเหลือ 650

ล้านเหรียญสหรัฐจะชำระเป็นเงินสด โดยจะทยอยจ่ายเป็นระยะเวลา 2 ปี ในอัตราดอกเบี้ย MLR+1 หลังจาก 2 ปี ทางลูกหนี้ก็จะขอรีไฟแนนซ์หนี้ส่วนที่เหลือ

สำหรับผลของการเจรจาของลูกหนี้กับทางคณะกรรมการเจ้าหนี้ในการขอซื้อหนี้คืนแบบมีส่วนลดครั้งที่สอง ที่มีเจ้าหนี้จำนวน 2 ราย คือริเวนิว เอเชีย และดอยช์แบงก์ ไม่สามารถสรุปได้ จะต้องรอคำสั่งศาลในวันจันทร์ที่ 20 ก.ย. นี้ว่าศาลจะมีคำสั่งให้เจ้าหนี้มารับชำระหนี้คืนแบบมีส่วนลดหรือ ศาลจะมีคำสั่งอย่างอื่น นอกจากนั้นในวันจันทร์นี้ ศาลจะนัดไกล่เกลี่ยเรื่องการสวอปหุ้น TPIPL กับโรงงานเม็ดพลาสติก LDPE

ที่มา www.manager.co.th

เข้าชม: 1,294

 
 

Copy Right © 2009-2012 © Thaihoon.Com