ประเมินหลังเลือกตั้งทุนนอกเข้า กองทุนต่างชาติลงทุนแบบหวือหวา เข้า-ออก เร็วกว่านักลงทุนสถาบัน เร่งเสริมศักยภาพตลาดหุ้น รับความเคลื่อนไหว
จ.พี.มอร์แกนเตือนตลาดหุ้นไทยเสริมศักยภาพ ปรับตัวรับเฮดจ์ฟันด์ที่เข้ามาลงทุนมากขึ้น ระบุ ทุนนอกจะเข้ามาอย่างชัดเจน หลังเลือกตั้งปีหน้า เหตุพื้นฐานเศรษฐกิจแกร่ง หากรัฐบาลชุดเก่ายังกลับมาบริหารประเทศ จะช่วยหนุนทุนคุณภาพและคล่องตัวจากสหรัฐและยุโรปไหลเข้าต่อเนื่อง ล่าสุดให้น้ำหนักลงทุนไทย เหนือเกณฑ์เฉลี่ย
นายราฟ พาร์ค ประธานเจ.พี.มอร์แกน ประจำเอเชีย-แปซิฟิก กล่าวระหว่างงานเลี้ยงต้อนรับผู้บริหารคนใหม่ของเจ.พี.มอร์แกนในไทย โดยประเมินแนวโน้มตลาดไทยว่า หลังเลือกตั้งทั่วไปในไทยปีหน้า เงินทุนที่มีคุณภาพจากสหรัฐและยุโรป น่าจะไหลเข้าไทยต่อเนื่อง หลังจากตลาดหุ้นไทยปีที่แล้วทรงตัว และเมื่อต้นปีนี้ต่างชาติเริ่มเคลื่อนไหวเข้ามาในไทย เป็นการฉวยจังหวะเคลื่อนไหวเร็วขึ้น เข้ามาในขณะที่ตลาดปรับตัวลงในเอเชีย แต่ถือว่ากลับเข้ามาและโยกเงินเข้าไปในตลาดที่ถูกกว่า
นายพาร์คมองว่า นักลงทุนจะรอบคอบมากขึ้นในช่วงใกล้เลือกตั้งในเอเชีย แม้พวกเขาไม่ชอบความไม่แน่นอนช่วงนี้ เช่น อินโดนีเซีย นักลงทุนน่าจะหยุดรอดูผลการเลือกตั้งก่อน แต่หลังการเลือกตั้งทั่วไปในไทยคาดว่าทุนต่างชาติที่ลงทุนในหุ้น รวมทั้งเงินลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ (เอฟดีไอ) น่าจะไหลเข้ามาต่อเนื่อง
นักลงทุนไม่ชอบความไม่แน่นอนช่วงที่มีเลือกตั้งในเอเชีย ไม่ว่าจะในไทย อินโดนีเซีย หรือฟิลิปปินส์ แต่ตอนนี้เราเห็นว่านักลงทุนต่างชาติยังเชื่อมั่นคิดจะลงทุนในไทย โดยเฉพาะหลังเลือกตั้งการไหลเข้ามาของเงินลงทุนจะมีมากขึ้นทั้งในรูปเงินลงทุนในหุ้นและเอฟดีไอ กำลังของภาคการผลิตในไทยอยู่ที่เกือบ 70% หรือมากกว่านี้ เราคาดว่าเอฟดีไอน่าจะไหลเข้ามาในไทยมากขึ้นปีหน้า นายพาร์ค คาดการณ์
ด้านนายกรณ์ จาติกวาณิช ประธานของเจ.พี.มอร์แกนในไทย กล่าวสอดรับกับนายพาร์คว่า ช่วงที่ผ่านมามีเงินเข้าตลาดหุ้นไทยมาก และโดยเฉพาะในช่วงที่จะมีงานไทยแลนด์ โฟกัส และแม้หุ้นปรับตัวลงมาบ้างก่อนหน้านี้ หลังราคาน้ำมันปรับขึ้น แต่ไม่กระทบเศรษฐกิจเท่าใด นักลงทุนจึงคิดกลับเข้ามาลงทุน เป็นการมองยาวต้อนรับรัฐบาลใหม่ด้วย
ทั้งนี้ นายกรณ์ เตือนว่าในช่วงที่ผ่านมา โครงสร้างนักลงทุนต่างชาติเปลี่ยนไปทั่วโลกไม่ใช่แต่ไทย มีกองทุนเก็งกำไร (hedge fund) มากขึ้น และลงทุนแบบหวือหวาเข้าออกเร็วกว่านักลงทุนสถาบันที่ไทยคุ้นเคย ส่วนนี้ต้องเป็นอะไรที่ปรับตัวให้ชิน จึงจำเป็นต้องเสริมศักยภาพตลาดหุ้นรองรับความเคลื่อนไหวจากต่างประเทศ ส่งเสริมนักลงทุนสถาบันในประเทศให้สำคัญและมีน้ำหนักมากขึ้น
นักลงทุนส่วนใหญ่คาดหวังจากการเลือกตั้งคงไม่มีการเปลี่ยนแปลง ความเสี่ยงคงจะมีน้อยมาก เป็นจังหวะดีที่จะมีเงินไหลเข้าตลาดในช่วงนั้น หากรัฐบาลชุดนี้เข้ามาได้อีกหลังเลือกตั้ง เชื่อว่านักลงทุนโดยรวมจะมองเศรษฐกิจและหุ้นไทยมีความคล่องตัวในช่วง 1-2 ปี แต่ก็ขึ้นอยู่กับเศรษฐกิจใหญ่อย่างสหรัฐและญี่ปุ่นด้วย เรามองตลาดน่าจะไปได้ตามการขยายตัวของเศรษฐกิจ ตอนนี้เจ.พี.มอร์แกนยังให้น้ำหนักลงทุนเหนือเกณฑ์เฉลี่ย นายกรณ์
ทั้งนี้ นายกรณ์เห็นว่า หลังรัฐบาลชุดนี้กลับมารับตำแหน่งน่าจะมีโครงการยักษ์หลายโครงการ ต้องได้รับการผลักดัน ส่งผลทั้งแง่ดีและลบ ในแง่ดีรัฐบาลผลักดันการลงทุนช่วยดันเศรษฐกิจโตทำให้เศรษฐกิจก้าวต่อไป ด้านลบอาจเป็นสิ่งที่ท้าท้ายเมื่อสภาพคล่องในระบบลดลงสถานการณ์เริ่มเปลี่ยนแปลงจากเดิม ตลาดต่างประเทศเริ่มสำคัญมากขึ้น
ส่วนนายวรภัค ธันยาวงษ์ ซึ่งเป็นผู้บริหารใหม่ของเจ.พี.มอร์แกน ที่เข้ามารับตำแหน่งกรรมการผู้อำนวยการ เพื่อเข้ามาดูตราสารหนี้และตลาดทุนโดยเฉพาะกล่าวถึงเศรษฐกิจไทยในปีหน้าหรือหลังเลือกตั้งทั่วไป จะเป็นจุดหักเหเพราะเครดิตประเทศกับผลประกอบการบริษัท รวมทั้งงบบัญชีดีขึ้น
หลังเลือกตั้งผลจะชัดเจนว่า ภาครัฐกับเอกชนลงทุนมากขึ้น ซึ่งจะเอื้อต่อการทำธุรกิจ โดยมีโครงการสาธารณูปโภคขั้นพื้นฐานของรัฐต้องใช้เงินทุนเพิ่ม และหลังปีหน้าสภาพคล่องหลายแบงก์ในไทยจะเริ่มตึงตัว การลงทุนจะต้องการเงินทุนจากที่อื่นมาช่วย แบงก์ไทยต้องปรับตัวรวมกิจการมากขึ้น ขณะที่ภาคธุรกิจต้องจับตามองคือสื่อสารหลังการแต่งตั้ง กทช.และภาคพลังงานอย่าง ปตท.กับ ปตท.สผ.มีศักยภาพลงทุนได้ทั้งในและต่างประเทศ นายวรภัค กล่าว
ขณะที่นายกรณ์ระบุว่า หลังจากรับนายวรภัคเข้ามาร่วมทีมบริษัทช่วยให้บริษัทมองตลาดเงินกว้างขึ้น ดึงผู้เชี่ยวชาญตราสารหนี้และการบริหารความเสี่ยงเข้ามาเสริมทัพ และบริษัทจะยังคงเน้นลูกค้าเป็นนักลงทุนสถาบันทั้งในด้านหลักทรัพย์และวาณิชธนกิจต่อไป ด้วยความแตกต่างจากวาณิชธนกิจต่างชาติทั่วไป 3 ด้าน คือ ไม่แข่งกับสถาบันการเงินไทย การเข้ามาในฐานะพาร์ทเนอร์ ช่วยเหลือสถาบันการเงินไทยพัฒนาเทคโนโลยีกับธุรกิจการเงินใหม่ๆ และให้ความสำคัญกับลูกค้าเป็นบริษัทกับรัฐบาลในระยะยาว
ตอนนี้ถึงเวลาที่ทุนต่างชาติมีคุณภาพมากจากยุโรปและสหรัฐ จะไหลเข้ามาในไทย ปัญหาท้าทายในการทำธุรกิจ คือ ต้องคิดปรับรูปแบบธุรกิจจากเดิมบ้าง ให้เกิดสมดุลทันกับการขยายตัวของเศรษฐกิจกับภาวะสภาพคล่องมีมากขึ้น และภาคธนาคารแข็งแกร่งขึ้น ในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา ประเทศไทยปรับตัวได้ดีมาก โดยส่วนตัวแล้วเชื่อมั่นไทยมาก และเชื่อว่ารัฐบาลมุ่งมั่นและทำในสิ่งที่ถูกต้อง ช่วยนักลงทุนต่างชาติรายใหญ่ทั้งจากยุโรปและสหรัฐหันกลับมาไทยและมองไทยแง่ดี นายพาร์ค กล่าว
ทั้งนี้ นายพาร์คให้ข้อมูลว่าประมาณต้นเดือน ต.ค. เจ.พี.มอร์แกนจะนำบริษัทไทย 15 รายไปร่วมงานประชุมเอเชียประจำปี (Annual Asia Conference) ที่นิวยอร์ก ซึ่งเป็นการประชุมครั้งใหญ่ที่สุดในอเมริกาเหนือ ในงานจะมีนักลงทุนสถาบันจากทั่วโลกประมาณ 500 รายเข้าร่วมงาน ซึ่งนายกรณ์เสริมว่า บริษัทจะนำคณะของรัฐมนตรีคลังของไทยและบริษัทไทยซึ่งเป็นบริษัทที่มาร์เก็ตแคปมากอย่างปูนใหญ่ และ ปตท.ไปจนถึงบริษัทขนาดเล็กบางแห่งด้วย ไปพบนักลงทุนสถาบันจากทั่วโลก
ที่มา กรุงเทพธุรกิจ | 