May 15, 2024   7:28:32 AM ICT
ดีอี แคปปิตอลเทรด วันแรกต่ำจองเฉียด 5%

นักลงทุนเทขายทำกำไรกดราคาไหล ผู้บริหารยังมั่นใจปีนี้ บริษัทสามารถทำกำไรได้ 200 ล้านบาท เนื่องจากเปิดห้างขาย ไดสตาร์ ดันรายได้โต 40%

ดีอี แคปปิตอล สวนหุ้นไอพีโอเทรดวันแรกราคาหลุดจอง 4.65% โดยปิดที่ 4.10 บาท ขณะที่บริษัทยังมั่นใจปีนี้จะสามารถทำกำไรได้ถึง 200 ล้านบาท เนื่องจากเปิดห้างขายสินค้ายี่ห้อไดสตาร์ดันรายได้โต 40 % ต่อเนื่อง พร้อมชูจุดแข็งด้านบริการครบวงจร

การซื้อขายหุ้นบริษัท ดีอี แคปปิตอล ในตลาดหลักทรัพย์วันแรกวานนี้ (17 ก.ย.) บรรยากาศโดยรวมเต็มไปด้วยความคึกคัก โดยเปิดทำการซื้อขายที่ระดับราคา 5.65 บาท จากราคาจอง 4.30 บาท ปรับตัวเพิ่มขึ้น 1.35 บาท หรือคิดเป็นการเปลี่ยนแปลง 31.39% จากนั้นมีแรงซื้อหนุนราคาหุ้นแตะระดับสูงสุดที่ 5.85 บาท ต่อมามีแรงเทขายออกมาเพื่อทำกำไร กดราคาหุ้นปรับตัวขึ้นไปแตะลึกสุดที่ 4.10 บาท และยืนปิดการซื้อขายที่ระดับราคา 4.10 บาท หรือลดลง 4.65% มูลค่าการซื้อขายทั้งสิ้น 1,157 ล้านบาท

นายวัฒน ตรีคันธา กรรมการผู้จัดการ บริษัท ดีอี แคปปิตอล เปิดเผยว่า การที่นักลงทุนให้ความสนใจเข้าลงทุนในบริษัทเป็นเพราะมีความเชื่อมั่นในการดำเนินธุรกิจของบริษัท ที่มีแนวโน้มการเติบโตที่ดี อีกทั้งไม่ได้รับผลกระทบจากปัจจัยลบต่างๆ

จุดแข็งที่ทำให้ลูกค้าและนักลงทุนเชื่อมั่นในบริษัทเรา ก็คือ การบริการที่ครบวงจร ทั้งบริการซ่อมบำรุง บริการจัดส่ง บริการขายโดยพนักงานแต่ละหน่วยงานได้รับการฝึกอบรมเป็นอย่างดี

ทั้งนี้ บริษัทตั้งเป้ารายได้ทั้งปีนี้ที่ 1.6 พันล้านบาท จากปีที่แล้วที่มีรายได้ 1040.67 ล้านบาท หรือคิดเป็นการเปลี่ยนแปลง 56% และตั้งเป้ากำไร 200 ล้านบาท จากปี 46 ที่มีกำไร 107.31 ล้านบาท คิดเป็นการเปลี่ยนแปลง 86.3 % และคาดว่ารายได้ใน 3 ปีข้างหน้าจะเติบโตในอัตรา 40% และพอร์ตสินเชื่อจะโต 40% ในสิ้นปีนี้ หรือมีพอร์ตสินเชื่อ 1.4 พันล้านบาท จากเดิมที่มี 1 พันล้านบาท ณ สิ้นเดือนสิงหาคม ทั้งนี้บริษัทใช้อัตราดอกเบี้ยกับลูกค้าที่ 1.5% ต่อเดือน หรือคิดเป็น 18% ต่อปี

โดยรายได้ที่ทำให้บริษัทโตตามเป้า ส่วนหนึ่งจะมาจากแผนการเปิดห้างสรรพสินค้า 2 แห่งเพื่อจัดจำหน่ายสินค้ายี่ห้อไดสตาร์ จำนวน 2 แห่ง มีงบลงทุนแห่งละ 40 ล้านบาท สำหรับทำเลในการเปิดนั้นกำลังอยู่ในช่วงการพิจารณามีตัวเลือก 3-4 จังหวัดที่ภาคใต้ คือ สุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช หาดใหญ่ และภูเก็ต เนื่องจากบริษัทมีฐานลูกค้าในภาคใต้จำนวนมาก ซึ่งเมื่อเปิดดำเนินงานแล้ว บริษัทจะรับรู้รายได้ในทันที และอีกส่วนหนึ่งเป็นผลจากการขยายสาขาของบริษัท ให้ได้ 120 สาขาในปีนี้ จากปัจจุบันมีสาขา 70 สาขา

นอกจากนี้ บริษัทมีแผนจะเพิ่มจำนวนตัวแทนขายเช่าซื้อ 315 ราย เป็น 600 ราย ในอีก 2 ปี ข้างหน้า โดยบริษัทมีการจัดการในด้านเรื่องหนี้เสียที่ดีมาก ทำให้มีหนี้เสียเพียง 1% ทั้งนี้ฐานลูกค้าหลักของบริษัทคือ ลูกค้าที่มีรายได้ตั้งแต่ 5,000-10,000 บาท /เดือน

ทั้งนี้บทวิเคราะห์จาก บล.ฟิลลิปให้ราคาที่เหมาะสมของบริษัท ดีอี แคปปิตอล ที่ 5.45 - 5.75 บาท พร้อมกับคาดการณ์กำไรทั้งปี 2547 ที่ 197.6 ล้านบาท หรือ 0.41 บาทต่อหุ้น มูลค่าบัญชีอยู่ที่ 2.13 บาท และปันผลในอัตราจ่ายที่ 40% ของกำไรสุทธิ 0.16 บาท หากอิงกับ P/E และ P/BV เฉลี่ยของคู่แข่งทางตรงและทางอ้อมได้แก่ ไมด้า ซิงเกอร์ เคทีซี และอิออน ที่ 13.3 เท่าและ 2.7 เท่าตามลำดับ

สำหรับบทวิเคราะห์จาก บล.ซีมิโก้ ประเมินว่า เงินที่ได้รับจากการเพิ่มทุน จะช่วยเพิ่มโอกาสการขยายธุรกิจของบริษัทเป็นผลให้กำไรสุทธิเติบโตในอัตราก้าวกระโดดถึง 48% ในปี 47 และ 69% ในปี 49 จากราคา IPO 4.30 บาท

มูลค่าที่ตราไว้ต่อหุ้น(พาร์) 1 บาท และประเมินราคาที่เหมาะสมที่ 4.2-5.3 บาท

บล.ไซรัส ระบุว่า จุดเด่นของ ดีอี แคปปิตอล คือ การที่บริษัทมีขนาดเล็ก ทำให้มีอัตราการเติบโตในระดับสูง โดยกำไรจากการดำเนินงานในช่วงครึ่งแรกปี 47 เพิ่ม 48% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และคาดว่ากำไรจากการดำเนินงานในปี 47 และปี 48 จะเพิ่ม 70% และ 37% ตามลำดับ บริษัทมีแผนขยายสาขาในเชิงรุกจาก 70 สาขา และ 315 ตัวแทนจำหน่ายในครึ่งแรกปี 47 เป็น 180 สาขา และ 600 ตัวแทนจำหน่าย จึงคาดการณ์กำไรจากการดำเนินงานในปี 2547 และ 2548 ที่ 0.38 บาทต่อหุ้น และ 0.52 บาทต่อหุ้น ตามลำดับ

โดยประเมินมูลค่าตามปัจจัยพื้นฐานปี 2547 ที่ 5.70 บาท ซึ่งมี P/E คิดจากกำไรปี 2547 ที่ 15 เท่า และคาดว่าจะลดลงเป็น 11 เท่าในปี 48

ที่มา กรุงเทพธุรกิจ

เข้าชม: 1,236

 
 

Copy Right © 2009-2012 © Thaihoon.Com