May 16, 2024   4:24:32 AM ICT
ทักษิณลั่นตลาดขาขึ้นสัปดาห์นี้ดัชนีมีลุ้นแนวต้าน680จุด
ไทยแลนด์โฟกัสดันตลาดหุ้นไทยคึกคัก ทักษิณลั่นตลาดหุ้นไทยเป็นขาขึ้น สมคิดมั่นใจต่างชาติอยากรู้จักเมืองไทย สนใจลงทุน แห่ร่วมงานกว่า 350 คน ผู้บริหารบจ.เตรียมโชว์วิสัยทัศน์บริหารงาน กิตติรัตน์หวังดึงเม็ดเงินต่างชาติ 5 หมื่นล้านบาท ขณะที่ภาวะการลงทุนสัปดาห์นี้ ข่าวดีหนุนตลาดอื้อ ดัชนีมีแววบวกต่อถึง 680 จุด โบรกเกอร์ชี้เอกยุทธมั่วเม็ดเงินต่างชาติรอบนี้ของจริง ไม่ใช่เม็ดเงินเทียม คาดซื้อสุทธิต่อเนื่องถึง 2 หมื่นล้านบาท แต่ยังต้องระวังเฟดขึ้นดอกเบี้ย ฉุดความเชื่อมั่น

     ตลาดหุ้นไทยขานรับงานยักษ์ระดับชาติไทยแลนด์ โฟกัส 2004 ซึ่งเริ่มวันนี้(20 ก.ย.) เป็นวันแรกและงานจะมีไปจนถึงวันที่ 23 ก.ย.เชื่อว่าการจัดงานดังกล่าวจะส่งผลให้เม็ดเงินต่างชาติ ไหลมาลงทุนในตลาดหุ้นไทยเพิ่มขึ้น เนื่องจากนักลงทุนสถาบันต่างประเทศ ได้ทำการตอบรับเข้าร่วมงานในครั้งนี้เป็นจำนวนมาก

     ทั้งนี้เป็นการแสดงให้เห็นว่า นักลงทุนเหล่านี้ให้ความสนใจการลงทุนในตลาดหุ้นไทย ดังนั้นเมื่อนักลงทุนต่างประเทศ ได้รับทราบข้อมูลพื้นฐานเกี่ยวกับ แนวโน้มการเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศและบริษัทจดทะเบียนในตลาดหุ้นไทย ก็น่าจะทำให้มีการเข้ามาลงทุนมากยิ่งขึ้น เพราะขณะนี้ค่าพี/อีถือว่าอยู่ในระดับต่ำ หากเทียบกับตลาดหุ้นอื่นในภูมิภาค

     พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี กล่าวในรายการ นายกฯทักษิณ คุยกับประชาชนว่า ตลาดหุ้นไทยเป็นตลาดขาขึ้น นักลงทุนที่ลงทุนในตลาดหลักทรัพย์ ถ้าไม่กู้เงินมาลงทุนปัญหาจะมีน้อย แต่พวกที่กู้เงินมาลงทุนและเล่นรายวันจะเดือดร้อน การลงทุนในตลาดหลักทรัพย์ คือ การออม การลงทุนวิธีหนึ่ง เป็นการนำเงินส่วนที่เหลือมาลงทุนแทนที่จะฝากธนาคารทั้งหมด และมีปรัชญาการลงทุน 3 ประการ คือ เลือกหุ้นที่มีปัจจัยพื้นฐานดีไม่ใช่ลงทุนเพราะข่าวลือ ขาดทุนอย่าขาย และอย่าตกใจ ซึ่งถ้านักลงทุนเข้าใจปรัชญา 3 ประการแล้ว การลงทุนในตลาดหลักทรัพย์ จะเป็นการลงทุนที่มีกำไร

     ทำไมผมพูดอย่างนี้ ก็เพราะผมบริหารเศรษฐกิจ รู้ว่าเศรษฐกิจของเราจะดีอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากเราเป็นเอเชียที่ถูกมอง พอมองเห็นจีนก็จะมองเห็นไทย และจีนวันนี้ยืนยันว่า จากนี้ไปอีก 16 ปี ถึงปี 2020 จีนจะโตเฉลี่ยปีละร้อยละ 7 เพราะฉะนั้นของเรานี่ตราบใดที่ผมนั่งดูอยู่ร้อยละ 6 ไม่น่าจะมีปัญหา ปีที่แล้วเราโดนซาร์ส และปีนี้ไข้หวัดนก ความไม่สงบในภาคใต้ และราคาน้ำมันแพง เราก็ยังไปได้ดี ผมเชื่อว่าประเทศไทยเราสบายมากไม่น่ามีอะไรต้องห่วง ตราบใดที่ผมนั่งอยู่ตรงนี้ ผมจะดูทุกตัวเลข ดูทุกพฤติกรรม อะไรไม่ดีต้องสั่งแก้ไขให้หมดพ.ต.ท.ทักษิณ กล่าว

     ดร.สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวว่า มีความเป็นไปได้ว่า การจัดงานไทยแลนด์โฟกัสในครั้งนี้ ประเทศไทยเป็นประเทศแรก ที่จัดงานลักษณะนี้ขึ้น เพราะเขายังไม่เคยเห็นประเทศใดจัดงานอย่างนี้มาก่อนเชื่อว่าการที่นักลงทุนต่างประเทศ ให้ความสนใจเข้ามารับฟังข้อมูลเป็นอย่างมาก เนื่องจากต้องการรู้จักประเทศไทย มีความสนใจในการลงทุน รวมทั้งต้อการรับฟังนโยบายททางเศรษฐกิจจากพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีโดยตรง ซึ่งหากการจัดงานในครั้งนี้ประสบความสำเร็จ ในปีหน้าก็จะมีการจัดงานขึ้นอีก

     สำหรับผู้เข้าร่วมงานในครั้งนี้ประกอบด้วย สถาบันการลงทุนทั้งในและต่างประเทศจำนวน 250 สถาบันหรือประมาณ 350 คน ซึ่งในวันแรกของการจัดงาน จะมีการเชิญกองทุนขนาดใหญ่ประมาณ 8-9 รายร่วมรับประทานอาหารเช้ากับพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เพื่อรับฟังภาวะ ทิศทาง รวมทั้งนโยบายเศรษฐกิจของประเทศไทย

     หลังจากนั้นนายกรัฐมนตรีจะมีการปาฐกถาให้นักลงทุนสถาบันทุกรายรับฟัง รวมทั้งจะเชิญนักลงทุน ซึ่งเป็นบริษัทข้ามชาติมาบรรยายข้อมูล เพื่อให้นักลงทุนได้รับฟังว่า เพราะอะไรบริษัทข้ามชาติเหล่านี้ ถึงได้สนใจเข้ามาทำการลงทุนในประเทศไทย

     ส่วนช่วงบ่ายจะมีการเชิญผู้บริหารระดับสูงของบริษัทจดทะเบียน ในแต่ละกลุ่มอุตสาหกรรมมาร่วมนำเสนอข้อมูลของบริษัท รวมทั้งทิศทางแนวโน้มของแต่ละกลุ่มอุตสาหกรรมว่าเป็นอย่างไร และระหว่างวันจะเปิดโอกาสให้นักลงทุนต่างประเทศ ได้เข้าพบปะกับผู้บริหารบริษัทจดทะเบียนเหล่านี้แบบตัวต่อตัว โดยบริษัทจดทะเบียนที่เข้าร่วมงานครั้งนี้มีจำนวน50 บริษัท

     ขณะที่ในช่วงเย็นได้ทำการเชิญแขกพิเศษ เช่น นายอนันต์ อัศวโภคิน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แลนด์แอนด์เฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) และนายเจริญ สิริวัฒนภักดี ประธานกลุ่ม บริษัท เบียร์ไทย (1991) จำกัด (มหาชน) มาทำการบรรยายพิเศษ ให้นักลงทุนต่างชาติรับฟัง

     ส่วนในวันที่ 2 ของการจัดงานจะมีการเชิญ นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม มาทำการบรรยายเกี่ยวกับโครงการก่อสร้างส่วนต่อการขยายการขนส่งระบบราง และได้เชิญ นพ.พรหมมินทร์ เลิศสุริย์เดช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน มาบรรยายเกี่ยวกับนโยบายด้านพลังงานของประเทศ รวมทั้งได้เชิญนายธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล เลขาธิการสำนักงานก.ล.ต. มาพูดคุยพร้อมตอบข้อซักถามเกี่ยวกับระบบการกำกับดูแลกิจการที่ดีของไทยด้วยเช่นกัน

     นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง กรรมการและผู้จัดการ ตลท. กล่าวว่า การจัดงานไทยแลนด์ โฟกัส ไม่ได้คาดหวังว่าจะสามารถดึงเม็ดเงินลงทุนของนักลงทุนต่างชาติ เข้ามาลงทุนเพิ่มเป็นจำนวนเท่าใด แต่หลังจัดงานมีเม็ดเงินลงทุนไหลเข้ามาลงทุนเพิ่มประมาณ 5 หมื่นล้านบาท ก็ถือว่าเป็นระดับที่น่าพอใจ

     ทั้งนี้นักลงทุนต่างประเทศทั้งหมดที่เข้าร่วมงาน จะต้องออกค่าใช่จ่ายในการเดินทางและที่พักเอง แต่ก็มีผู้เข้าร่วมงานจำนวนมาก แสดงให้เห็นว่านักลงทุนต่างประเทศให้ความสนใจการลงทุนในตลาดหุ้นไทย เชื่อว่าหลังจากการรับฟังข้อมูลแล้ว จะส่งผลให้มีความสนใจการลงทุนในประเทศไทยมากยิ่งขึ้น

     ขณะที่ภาวะการลงทุนในตลาดหลักทรัพย์ฯสัปดาห์นี้ ดัชนีน่าจะยืนในแดนบวกได้ จากข่าวดีที่มีเข้ามาหนุนอย่างต่อเนื่อง ทั้งการจัดงานไทยแลนด์ โฟกัส แรงซื้อจากนักลงทุนต่างชาติ ที่ทยอยเข้ามาในตลาดตั้งแต่ปลายเดือนส.ค. ความชัดเจนของกองทุนหุ้นระยะยาว ที่เตรียมเปิดขายในเดือน ต.ค.

     ส่วนสถานการณ์ราคาน้ำมันยังคงอยู่ในระดับที่ทรงตัว ถึงแม้ราคาจะปรับขึ้นเล็กน้อยจากความกังวลเรื่องพายุเฮอริเคนในสหรัฐอเมริกา แต่ระดับราคาโดยรวมถือว่าไม่สูงมากนัก คาดว่าสถานการณ์ราคาน้ำมัน จะคลี่คลายคลงหลังจากกลุ่มโอเปค เพิ่มกำลังการผลิต ซึ่งจะส่งผลดีต่อการลงทุนในตลาดหุ้น ขณะที่การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด)ซึ่งจะได้ข้อสรุปในวันที่ 21ก.ย.นักลงทุนก็รับรู้ไปก่อนหน้านี้แล้ว คาดว่าในสัปดาห์นี้ดัชนีจะแกว่งตัวในกรอบประมาณ 650-680 จุด

     สำหรับกรณีที่นายเอกยุทธ อัญชันบุตร ประธานกรรมการบริหาร เครือโอเรียนเต็ล มาร์ท กรุ๊ป ประเทศอังกฤษ ออกมาแสดงความเห็นว่า นักลงทุนต่างชาติที่เข้ามาซื้อสุทธิขณะนี้ เป็นเม็ดเงินเทียม ที่รัฐบาลต้องการใช้ดันดัชนีตลาดนั้น จากการสอบถามไปยังโบรกเกอร์และผู้จัดการกองทุนต่างๆได้คำตอบว่า ไม่น่าจะเป็นไปได้

     เนื่องจากนักลงทุนที่เข้ามาลงทุนในขณะนี้ มีทั้งกองทุนที่ลงทุนระยะสั้นหรือต้องการเข้ามาเก็งกำไร(เฮดจ์ ฟันด์) และกองทุนประเภทลงทุนระยะยาว ซึ่งกองทุนประเภทนี้จะเลือกลงทุนในหุ้นที่มีปัจจัยพื้นฐานดี อย่างไรก็ตาม ผู้จัดการกองทุนและโบรกเกอร์ ต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า เม็ดเงินเทียมที่ใช้ดันดัชนี มีอยู่บ้างบางส่วน แต่ก็ไม่มีนัยสำคัญที่จะส่งผลให้ดัชนีขึ้นหรือลงได้

     นายโกสินทร์ ศรีไพบูลย์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ ยูโอบีเคย์เฮียน(ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า แรงซื้อจากนักลงทุนต่างชาติจะเป็นตัวหนุนให้ตลาดหุ้นไทยปรับตัวเพิ่มขึ้นได้ในระยะปานกลาง โดยเฉพาะจากกองทุนประเภทเฮดจ์ ฟันด์ ซึ่งมีแนวโน้มว่าจะใช้เวลาสำหรับการลงทุนรอบนี้ประมาณ 1 เดือน โดยทยอยเข้ามาตั้งแต่ปลายเดือนส.ค.ที่ผ่านมา จนขณะนี้ก็ยังคงมีเข้ามาอย่างต่อเนื่อง แต่บางกองทุนอาจใช้เวลามากหรือน้อยกว่านี้ ขึ้นอยู่กับนโยบายของแต่ละกองทุน

     ทั้งนี้สาเหตุที่กองทุนเฮดจ์ ฟันด์ ตัดสินใจเข้ามาลงทุนในช่วงนี้เป็นเพราะมองว่าผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนในไตรมาส 3 และไตรมาส 4 จะออกมาดี ประกอบกับการจัดงานไทยแลนด์ โฟกัส น่าจะช่วยสร้างบรรยากาศและภาพลักษณ์ที่ดีให้กับตลาดได้

     ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นับตั้งแต่วันที่ 25 ส.ค.ถึงวันที่ 16 ก.ย.ที่ผ่านมา นักลงทุนต่างชาติเข้ามาซื้อสุทธิทั้งสิ้น 17173.92 ล้านบาท และจากสถิติที่ผ่านมาต่างชาติจะทยอยซื้อจนกระทั่งยอดสุทธิถึง 20000 ล้านบาท ถึงจะเริ่มทยอยขายออกเพื่อทำกำไรและเคลื่อนย้ายเงินไปลงทุนในตลาดอื่น

     ขณะที่กองทุนหุ้นระยะยาว หรือ LTF ที่มีทั้งสิ้น 19 กองทุน มูลค่าประมาณ 5.7 หมื่นล้านบาทก็เตรียมเข้าลงทุนในตลาดเร็วๆนี้ หลังจากที่แต่ละบลจ.เริ่มมีความชัดเจนในตัวกองทุน และเชื่อว่าส่วนใหญ่จะเปิดขายหน่วยได้ในเดือนต.ค.ซึ่งจะสอดรับกับจังหวะที่นักลงทุนต่างชาติเริ่มเคลื่อนย้ายเงินไปลงทุนในตลาดอื่น

     อย่างไรก็ตามสัปดาห์นี้ ต้องจับตาปัจจัยลบเรื่องการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟด ซึ่งหลายฝ่ายคาดว่า จะต้องปรับขึ้นอีกอย่างน้อย 0.25% และแม้ว่าธนาคารพาณิชย์ส่วนใหญ่จะตอบรับกับสัญญาณดังกล่าวไปแล้ว ด้วยการทยอยปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยบ้าน และอัตราดอกเบี้ยเงินฝากบางประเภท แต่นักลงทุนในตลาดยังคงกังวลกับการประชุมของธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.)ว่าจะปรับอัตราดอกเบี้ยตามเฟดหรือไม่ในวันที่ 20 ต.ค.นี้

     ขณะที่ดัชนีตลาดหลักทรัพย์เมื่อวันศุกร์(17 ก.ย.) ปิดบวก 6.34 จุด มาที่ 668.73 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขายหนาแน่นที่ 27502.90 ล้านบาท โดยนักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ 1674.25 ล้านบาท นักลงทุนรายย่อยขายสุทธิ 824.55 ล้านบาท และนักลงทุนสถาบันขายสุทธิ 849.71 ล้านบาท

ที่มา www.kaohoon.com

เข้าชม: 1,260

 
 

Copy Right © 2009-2012 © Thaihoon.Com