April 30, 2024   2:12:22 PM ICT
ลงทุนต้องรู้จักคำว่า พอ

สรวิศ อิ่มบำรุง

ถ้าคุณสะกดคำว่าพอไม่เป็น สะกดคำว่าขาดทุนไม่เป็น แบบนี้ไม่ได้ เวลาได้มากคุณก็อยากได้มากขึ้นๆ ไม่รู้จักคำว่าพอ การลงทุนของคุณก็จะไม่มีคำว่าพอ

*************

ชื่อของ "อัจฉราพร ศิริไพรวัน" กรรมการผู้จัดการ บมจ.รสา พร็อพเพอร์ตี้ ดีเวลลอปเม้นท์ ในวันนี้อาจจะยังไม่เป็นที่คุ้นเคยในหมู่นักลงทุนมากนัก แต่ในอนาคตอันใกล้นี้เชื่อว่าชื่อของหญิงเก่งมากความสามารถคนนี้ จะเป็นที่รู้จักและคุ้นเคยในหมู่นักลงทุนไทยมากขึ้นไม่มากก็น้อย เพราะเธอเตรียมจะนำบริษัทเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย(SET)ในไม่ช้านี้ วันนี้เราจะมาทำความรู้จักเธอในเรื่องราวของการออมและการลงทุนกันก่อน

อัจฉราพร บอกว่า ในช่วงเริ่มต้นชีวิตทำงานก็ไม่ค่อยได้มีการจัดระเบียบเรื่องการเงินมากนัก ช่วงแรกมีเงินมาก็ใช้หมด แต่เมื่อเริ่มที่จะมีเงินเหลือเก็บบ้างจึงเริ่มที่จะหันกลับมามองดูตัวเอง และจัดระเบียบการเงินให้เป็นเรื่องเป็นราวมากขึ้นตามลำดับ คล้ายกับเด็กที่เมื่อเวลาโตขึ้นเรื่อยๆ ก็จะเริ่มมีระเบียบมากขึ้นอะไรอย่างนั้น

เธอมองว่าการมี "ระเบียบในชีวิต" เป็นเรื่องสำคัญไม่ว่าจะเป็นเรื่องอะไรก็ตาม ไม่ใช่เฉพาะเรื่องการเงินเพียงอย่างเดียว

การจัดสัดส่วนในชีวิตในการทำงาน ในการใช้ชีวิตเป็นเรื่องที่สำคัญมาก ถามว่าเคยทำงาน 365 วันมั้ย ก็เคย ทำติดต่อกันไม่หยุด โอเคมันก็เป็นช่วงหนึ่งของชีวิตที่เป็นประสบการณ์ที่น่าสนใจ แต่เราก็ไม่ควรใช้ชีวิตอย่างนั้นตลอดไป ต้องรู้จักผ่อนหนักผ่อนเบา เล่นมากเกินไปก็ไม่ดี ทำงานมากเกินไปก็ไม่ดี มองว่าสัดส่วนตรงนี้มันสำคัญ ปัจจุบันจึงทำงานเหมือนหนึ่งเล่นไปทุกวัน สร้างบรรยากาศการทำงานให้ผู้ร่วมงานสนุก ทุกคนจะได้ปล่อยพลังสร้างสรรค์ออกมาได้เต็มที่

"ต้องให้เขารู้สึกสะดวก รู้สึกสนุก การทุ่มเทในการทำงาน ถ้าไปสร้างความกดดัน คุณต้องใส่ยูนิฟอร์ม ต้องตอกบัตร คงไม่ต่างอะไรจากหุ่นยนต์ สมองที่จะคิดสร้างสรรค์ก็คงหายไปหมด มันก็หายไปตอนนั้นแหละ การจัดระเบียบการเงินก็เป็นไปตามช่วงเวลาของชีวิตด้วยเช่นเดียวกัน ซึ่งถือเป็นอีกเรื่องหนึ่งที่ต้องมีการจัดระเบียบเช่นเดียวกัน"

ปัจจุบันพอร์ตการลงทุนของอัจฉราพรแบ่งเป็นส่วนของเงินฝากประมาณ 30% ลงทุนผ่านกองทุนรวม 30% ส่วน 40% ที่เหลือก็จะเป็นส่วนที่เอาไว้ใช้จ่ายทั้งเพื่อประโยชน์ส่วนตัว และประโยชน์ต่อส่วนรวมในรูปของการบริจาคต่างๆ

โดย อัจฉราพรยอมรับว่า เรื่องของการออมและการลงทุนดูจะเป็นเรื่องที่เธอไม่ค่อยจะถนัดเท่าไรนัก เวลาส่วนใหญ่ของเธอจะหมดไปกับการทำงานที่ตัวเองรักมากกว่า สำหรับเงินฝาก 30% นั้น เป็นสภาพคล่องที่เผื่อไว้สำหรับทุกๆ อย่างในชีวิตที่อาจจะเกิดขึ้นมา เพราะชีวิตต้องไม่ตั้งตนอยู่ในความประมาท ต้องเผื่อเจ็บไข้ได้ป่วยสารพัด วัตถุประสงค์ของเงินลงทุนในส่วนนี้เพื่อดำรงเป็นสภาพคล่องของชีวิตที่สามารถจะเปลี่ยนกลับมาเป็นเงินสดได้ตลอดเวลา ดอกเบี้ยน้อยหน่อยก็ไม่เป็นไร แต่ว่ามันสามารถที่จะเปลี่ยนมาเป็นเงินสดได้รวดเร็ว เพราะในชีวิตอะไรก็เกิดขึ้นได้ เราไม่เคยรู้อะไรหรอกจริงๆ แล้ว สิ่งที่เราวางแผนเอาไว้ไม่ใช่ว่าจะต้องเป็นตามนั้น ทุกอย่างจะต้องมีการปรับเปลี่ยนเพื่อให้เหมาะกับกาลเทศะ และสถานการณ์อยู่ตลอดเวลา เงินฝากในส่วนนี้ก็เช่นเดียวกัน

"ในส่วนของการลงทุนผ่านกองทุนรวมอีก 30% ก็ใช้บริการ บลจ.ไม่กี่แห่ง ส่วนหนึ่งเพราะตัวเองไม่มีเวลาด้วย จึงตัดสินใจที่จะเลือกใช้บริการของกองทุนรวม ซึ่งผลตอบแทนในช่วงที่ผ่านมาก็ถือว่าอยู่ในระดับที่น่าพอใจ"

โดยอัจฉราพร บอกว่า การลงทุนผ่านกองทุนรวมเองก็จะมีรุ่นน้องที่สนิทกันช่วยดูแลให้ เพราะส่วนตัวเองแล้วไม่ค่อยมีเวลาๆ ส่วนใหญ่จะให้กับการทำงาน แต่ทาง บลจ.ก็จะมีการทำรายงานการลงทุนส่งมาให้เราดูตลอด ซึ่งเราก็จะติดตามการลงทุนเอาจากรายงานการลงทุนที่ทาง บลจ.ส่งมาให้ด้วย และอีกส่วนก็จะมีน้องที่สนิทกันช่วยดูให้ โดยตัวเองจะยึดหลักการลงทุนแบบมีสติ รอบคอบ แล้วอย่างหนึ่งที่สำคัญคือ ต้องรู้จัก "ตัดใจ" ถึงจุดหนึ่งเมื่อการลงทุนเกิดผลขาดทุนไปถึงระดับหนึ่ง คุณต้องตัดขายขาดทุน(Cut Loss)ไป คือ ขาดทุนก็คือ ขาดทุน บางคนไม่กล้าที่จะตัดขายขาดทุน แต่ส่วนตัวเองแล้วจะมีจุดที่กำหนดไว้ในใจเลยว่าขาดทุนเท่าไร ถึงตัดขายขาดทุน เท่าไรที่จะรับ เท่าไรที่จะพอ

"ถ้าคุณสะกดคำว่าพอไม่เป็น สะกดคำว่าขาดทุนไม่เป็น แบบนี้ไม่ได้ เวลาได้มากคุณก็อยากได้มากขึ้นๆ ไม่รู้จักคำว่าพอ การลงทุนของคุณก็จะไม่มีคำว่าพอ อย่าไปมองว่าพรุ่งนี้เราอาจจะได้มากกว่านี้อีก เราไม่มีเวลาดูแลขนาดนั้น เท่าไรแล้วพอก็แล้วแต่ เพราะแต่ละคนจุดของคำว่าพอไม่เหมือนกัน อย่าไปคิดว่าทุกอย่างจะต้องที่สุดๆ ไม่ได้หรอก เราไม่มีเวลาจะไปนั่งเฝ้าขนาดนั้น"

นอกจากการลงทุนในสินทรัพย์ทางการเงินแล้ว อัจฉราพรยังมีการลงทุนในคอนโดมิเนียมให้เช่าอีก 2 ห้อง บนถนนสุขุมวิทซึ่งดูจะเป็นรูปแบบการลงทุนที่สอดคล้องกับวิถีชีวิตของเธออยู่มากทีเดียว โดยเธอบอกว่าการลงทุนในคอนโดมิเนียมให้เช่านี้เป็นการลงทุนที่ดี และสามารถสร้างผลตอบแทนเป็นที่น่าพอใจ และสูงกว่าดอกเบี้ยที่ได้รับจากการฝากแบงก์อีกด้วย ซึ่งลงทุนมาได้ประมาณ 10 ปีแล้ว ก็มีผู้เช่าเข้าพักอย่างต่อเนื่อง ซึ่งจุดหนึ่งที่สำคัญคือ ทำเล(Location)และตัวโปรดักท์หรือสินค้าของเราเอง แม้ว่าในช่วงนี้จะมีหลายคนบอกว่าคอนโดมิเนียมกำลังโอเวอร์ซัพพลาย คุณก็ต้องกลับมาที่รายละเอียดว่าตัวไหนที่โอเวอร์ ไม่ใช่ว่าโอเวอร์ซัพพลายแล้วจะต้องโอเวอร์ซัพพลายทั้งหมด ไม่ใช่

"เหมือนช่วงวิกฤติเศรษฐกิจเขาบอกว่าบ้านเหลือเต็ม แต่ช่วงนั้นจำได้ว่าเราขายบ้านได้ดีมากเลย สร้างไม่ทันขาย ไม่ได้มั่นใจในตัวเองมากนัก ก็ธรรมดา เพียงแต่ว่าทุกครั้งที่เกิดอะไรต้องวิ่งหาลูกค้าให้เจอว่าความต้องการที่แท้จริง(Real Demand)อยู่ตรงไหน ลูกค้าจริงๆ แล้วอยู่ไหน เราสนองความต้องการของลูกค้าถูกจุดหรือเปล่า ถ้ายังถูกจุดมันก็ยังใช่ ก็ยังสามารถที่จะไปได้ คอนโดมิเนียมให้เช่า 2 ห้อง ซึ่งทำมาประมาณ 10 ปีแล้ว ก็มีลูกค้าเช่าตลอด แล้วราคามันก็ดีด้วย ราคาไม่ตกจากวันที่ซื้อ ผลตอบแทนก็สูงกว่าเงินฝากหลังหักค่าดูแลรักษาอะไรแล้วก็ถือว่าเป็นการลงทุนที่คุ้มมากเลยทีเดียว"

อัจฉราพร บอกว่า เป้าหมายในการลงทุนของตัวเอง ก็เพื่อที่จะทำให้สินทรัพย์ที่มีอยู่นั้นงอกเงยออกดอกผล สร้างผลตอบแทนที่ดีให้กับการลงทุนและควรจะได้ผลตอบแทนในระดับที่ดีกว่าเงินฝากด้วย โดยเธอจะประเมินผลการลงทุนของตัวเองปีละครั้งเพื่อดูว่าในรอบปีที่ผ่านมาเป็นอย่างไรบ้าง ทำได้ดีแค่ไหนให้คะแนนตัวเองบ้าง โดยที่ไม่ต้องไปโลภมาก ซึ่งประเมินผลการดำเนินงานของตัวเองในช่วงที่ผ่านมาก็ถือว่าอยู่เกณฑ์ที่น่าพอใจ ก็พอใจ แล้วก็คิดว่าส่วนที่ได้มาจะเอาไปทำอะไร เราก็มาคิดต่อ เอาไปเที่ยวบ้าง เอาไปทำบุญบ้างแล้วแต่ คืนกำไรให้ชีวิต คืนกำไรให้สังคม เป็นรูปแบบการลงทุนที่ตัวเองใช้อยู่ในปัจจุบัน

ที่สำคัญอัจฉราพรมองว่า จะทำอะไรก็แล้วแต่ ต้องรู้ตรงนั้นก่อน ต้องศึกษาข้อมูลตรงนั้นให้ดีก่อน รู้ให้จริงก่อนที่จะเข้าไปทำ การลงทุนเองก็เช่นเดียวกัน เรื่องอะไรที่ตัวเองไม่รู้จัก ก็จะไม่เข้าไปลงทุน แม้การลงทุนนั้นจะให้ผลตอบแทนที่น่าสนใจมากแค่ไหนก็ตาม

เข้าชม: 1,701

 
 

Copy Right © 2009-2012 © Thaihoon.Com