บล.กิมเอ็ง (ประเทศไทย) เปิดเผยว่า ภาวะตลาดหุ้นไทยเมื่อวานนี้(20ก.ย.)ก็ได้มีการทำกำไรจากลูกค้ารายบุคคล และ กองทุนภายใน โดยที่นักลงทุนต่างประเทศได้เข้าซื้อหุ้นขนาดใหญ่อย่างต่อเนื่อง โดยตลาดมีการซื้อขายที่คึกคักเฉียด 3 หมื่นล้าน ซึ่งผลงานของหุ้นหลักต่าง ๆ ออกเป็นภาวะธรรมดาธุรกิจ การซื้อขายในตลาดที่ดี และ เงินสดที่กองทุน และ ลูกค้าไปมีอยู่ในขณะนี้จะสามารถทำให้ตลาดมีดุลยภาพไปได้ในระยะเวลาพอควรกลุ่มที่ปรับตัวลงมากที่สุดคือ TPI/TPIPL จากความคืบหน้าของการปรับโครงสร้างหนี้ ในส่วนที่ลดทุน กระบวนการเพิ่มทุนในแง่ราคาหุ้นใหม่ และ นโยบายการลดหนี้
       
       โดยเราก็ไม่ได้แนะนำให้ซื้อหุ้น TPI เนื่องจากแม้การปรับโครงสร้างหนี้สำเร็จราคาปัจจุบันก็ไม่ถูก และ เราเห็นว่าควรเน้นเรื่องผลบวกทั้งระบบในแง่การสางหนี้ขนาดใหญ่ที่เป็นปัญหามาช้านาน และ ธนาคารเจ้าหนี้รายใหญ่คือ BBL, BAY และ SCIB โดยอาจรวมไปถึงพันธมิตรการลงทุนกลุ่มต่าง ๆ จะดีกว่า
       
        อย่างไรก็ดีบล.กิมเอ็งฯ เปิดเผยอีกว่า ภาพตลาดวันนี้(21ก.ย.)จะยังไม่เปลี่ยนไปจากวานนี้นัก โดยวานนี้ได้ให้คำแนะนำการบริหารพอรท์ไว้คือ 1) เลือกขายหุ้นเพื่อทำกำไร/เงินสดในระดับราคาที่ดี เข้าสะสมใหม่หากเป็นหุ้นดี จำกัดความเสี่ยงจากการไปไล่หุ้นทั่วตลาดได้ 2) เลือกหุ้นที่ดีแต่ยังไม่ขึ้นเพื่อเก็งกำไรเป็นตัวตาม แต่ต้องหลีกเลี่ยงหุ้นกลุ่มเสี่ยงที่มีพื้นฐานไม่แกร่ง 3) ควรทำการจำกัดหุ้นให้เหลือพอที่จะจัดการได้ในระยะที่ตลาดคึกคัก โดยหากมีหุ้นมากตัวก็จัดกลยุทธในตัวหุ้นไว้ชัดเจน โดยหุ้นที่แนะนำแบ่งตามขนาดคือ
       
       หุ้นขนาดใหญ่-PTT, KTB, BBL, SHIN
       หุ้นขนาดกลาง- DELTA, NPC, RCL
       หุ้นขนาดเล็ก- DCC, HMPRO, PF, SKR, S-PAC, TPC VNG
       
       สำหรับการคาดการณ์การปรับดอกเบี้ยสหรัฐ + 0.25% ในคืนนี้จะมีผลไม่หนักต่อตลาดไทย- รองรับส่วนต่างได้ 0.25%-0.50% ซึ่งปัจจัยหลักคือ สภาพคล่องในประเทศราว 9 แสนล้านบาท จากเงินสดส่วนเกิน และ การลงทุนแปรเป็นเงินสดได้เร็ว, ความต้องการสินเชื่อภายในยังไม่ได้เติบโตเร็วมาก เป็นไปแบบต่อเนื่อง ซึ่งเป็นผลดีต่อเสถียรภาพ และ การเตรียมตัวของธนาคาร และ บริษัทต่าง ๆ ในการวางแผนการเงินในอีก 1 ปีข้างหน้า,
       
       ดุลบัญชีเดินสะพัดยังเป็นบวกราวเดือนละ 400- 500 ล้าน US$ จากการท่องเที่ยวเป็นสาระสำคัญ จึงกระแสเงินสุทธิเป็นบวก และค่าเงินดอลล่าร์น่าจะยังอยู่ในสภาวะอ่อนตัว เพราะการขาดดุลเงินเดินสะพัดของสหรัฐในไตรมาส 2/47 ออกมาสูงถึง $1.60 แสนล้าน จากที่ไตรมาส 1/47 ออกมา $144.9

ที่มา www.manager.co.th