May 15, 2024   9:01:10 AM ICT
แบงค์ชาติชี้ปัจจัยที่จะมีผลกระทบเศรษบกิจไทยปีหน้า

ธนาคารแห่งประเทศไทยชี้ปัจจัยที่จะมีผลกระทบต่อเศรษฐกิจไทยในปีหน้า ต้องติดตามสถานการณ์ราคาน้ำมัน เพราะจากการประเมินสถานการณ์ราคาน้ำมันในตลาดโลกตามที่ไอเอ็มเอฟระบุจะเฉลี่ยอยู่ที่ 40 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล นานถึง 8 ปี พร้อมส่งสัญญาณปีหน้า อัตราดอกเบี้ยภายในประเทศต้องปรับขึ้นอีกแน่
       
       ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) วิเคราะห์ถึงแนวโน้มเศรษฐกิจไทยในช่วงครึ่งหลังของปีนี้และปีหน้า ให้ข้าราชการกระทรวงพาณิชย์ ได้รับทราบถึงทิศทางเศรษฐกิจไทยโดยรวมว่า เท่าที่ได้ประเมินภาพรวมเศรษฐกิจไทยในช่วงครึ่งปีหลัง ยังมีความแข็งแกร่ง และเชื่อว่าเศรษฐกิจไทยโดยรวมในปีนี้ยังมีการเติบโตเป็นไปตามเป้าหมายที่คาดการณ์ไว้จะเติบโตไม่ต่ำกว่าร้อยละ 6 อัตราเงินเฟ้อจะอยู่ที่ร้อยละ 2 ? 3
       
       ส่วนแนวโน้มเศรษฐกิจในปี 2548 ม.ร.ว.ปรีดิยาธร กล่าวว่า ยังเป็นเรื่องที่ต้องจับตามองอย่างใกล้ชิด เนื่องจากตามการรายงานของที่ประชุมกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) ที่ทาง ธปท.ได้เข้าร่วมประชุมด้วยนั้น ได้มองว่าแนวโน้มราคาน้ำมันในตลาดโลกจะอยู่ที่ระดับไม่ต่ำกว่า 40 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล นานไปอีก 8 ปี หลังจากนี้ แม้ว่ากลุ่มโอเปก จะเพิ่มกำลังการผลิตน้ำมันก็ตาม แต่ราคาน้ำมันก็ต้องใช้เวลาในการปรับตัวอย่างน้อยอีกไม่ต่ำกว่า 8 ปี จึงจะทำให้ราคาน้ำมันในตลาดโลกปรับตัวลดลงมาอยู่ในระดับที่เหมาะสมได้ ดังนั้น มาตรการประหยัดการใช้พลังงานของรัฐบาลยังมีความจำเป็นที่ทุกฝ่ายควรจะร่วมมืออยู่ต่อไป
       
       ผู้ว่าการ ธปท. กล่าวอีกว่า เท่าที่ได้มีการติดตามนโยบายของรัฐบาล คาดว่าหลังการเลือกตั้งใหญ่ในต้นปีหน้า รัฐบาลจะปล่อยให้ราคาน้ำมันดีเซลปรับตัวขึ้น ขณะที่ ธปท.ยังมองว่าเศรษฐกิจไทยปีหน้ายังเป็นเศรษฐกิจขาขึ้นที่น่าจะมีอัตราการเติบโตได้ไม่ต่ำกว่าร้อยละ 6 แม้ปัจจัยภายนอกโดยเฉพาะในเรื่องของราคาน้ำมันในตลาดโลกยังมีแนวโน้มสูงอยู่ รวมถึงอัตราดอกเบี้ยในตลาดโลกก็สูง ทำให้ ธปท.คาดการณ์ว่า อัตราเงินเฟ้อน่าจะอยู่ที่ร้อยละ 3.5 - 4 ซึ่ง ธปท.จำเป็นต้องปรับอัตราดอกเบี้ยภายในประเทศขึ้นตามภาวะอัตราดอกเบี้ยในตลาดโลก แต่การขึ้นอัตราดอกเบี้ยจะพยายามให้กระทบต่อผู้ที่ผ่อนชำระหนี้ประเภทต่างๆ ให้น้อยที่สุด เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (เอ็นพีแอล) กลับมาเพิ่มขึ้นอีกได้
       
       ม.ร.ว.ปรีดิยาธร กล่าวด้วยว่า เศรษฐกิจไทยจะมีความแข็งแกร่งขึ้นมาได้ ปัจจัยสำคัญน่าจะอยู่ที่เรื่องการส่งออก ซึ่งกระทรวงพาณิชย์ จะเป็นหน่วยงานหลักที่จะต้องออกแรงช่วยกันผลักดันให้การส่งออกเติบโตสูงขึ้น และเป็นสิ่งที่น่ายินดี แม้ว่าการส่งออกจะสูงขึ้น แต่กระทรวงพาณิชย์ สามารถควบคุมไม่ให้ตัวเลขการนำเข้ามีอัตราสูงมากเกินไป และเวลานี้ กระทรวงพาณิชย์สามารถหาตลาดใหม่ๆ เพื่อผลักดันการส่งออกสินค้าไทยไปในทุกกลุ่มประเทศทั่วโลกได้เพิ่มขึ้น อย่างไรก็ตาม ปัจจัยที่ทำให้การส่งออกของไทยได้รับผลกระทบน่าจะมาจากความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยน ซึ่งกระทรวงพาณิชย์คงจะต้องช่วยติดตามเกี่ยวกับอัตราแลกเปลี่ยนอย่างใกล้ชิด และอย่ามองหรืออิงดอลลาร์สหรัฐมากเกินไป แต่ควรมองอัตราแลกเปลี่ยนอื่นๆ มาปรับใช้กับภาคการส่งออกของไทยด้วย หากค่าเงินดอลลาร์สหรัฐมีการอ่อนค่าหรือแข็งค่ามากเกินไป ควรเปลี่ยนมาใช้ค่าเงินเยนหรือค่าเงินยูโร เพื่อเป็นการบรรเทาผลกระทบของภาคการส่งออกสินค้าไทยด้วย
       

ที่มา www.manager.co.th

เข้าชม: 1,184

 
 

Copy Right © 2009-2012 © Thaihoon.Com