โดย กาญจนา หงษ์ทอง

เป็นคนที่รู้ตัวเองว่า ถ้าเก็บเงินไว้แล้วจะเก็บไม่อยู่ จะเป็นเพราะดวงหรือนิสัยก็ไม่รู้ เราก็ไม่อยากเก็บเงินไว้กับตัว ก็เลยต้องแปรสภาพมาเก็บในรูปของสินทรัพย์แทน

************

คนเราเมื่อรู้ข้อเด่นข้อด้อยของตัวเอง รู้เท่าทันตัวเอง ทำอะไรก็มักหยิบจับถูกที่ถูกทางไปซะหมด "จิณณา สืบสายไทย" กรรมการผู้จัดการ บริษัท TONI&GUY (ประเทศไทย)ก็เช่นเดียวกัน

เมื่อเธอรู้ตัวว่าเป็นคนที่เก็บเงินไม่อยู่ จึงมักจะแปลงเงินสด และรายได้ที่มีเข้ามา ให้อยู่ในรูปของการลงทุนในสินทรัพย์ประเภทต่างๆ ที่ชื่นชอบและสนใจ

"เป็นคนที่รู้ตัวเองว่า ถ้าเก็บเงินไว้แล้วจะเก็บไม่อยู่ จะเป็นเพราะดวงหรือนิสัยก็ไม่รู้ เราก็ไม่อยากเก็บเงินไว้กับตัว ก็เลยต้องแปรสภาพมาเก็บในรูปของสินทรัพย์แทน ชอบเอาเงินไปต่อยอดลงทุน ทำธุรกิจส่วนตัว พวกอสังหาริมทรัพย์เนี่ยทำทุกอย่าง ทั้งซื้อทาวน์เฮ้าส์ บ้าน ซื้อคอนโดมิเนียมให้เช่า ทำอพาร์ตเมนต์ แต่บางอย่างก็ไม่ได้ซื้อเงินสด แต่เรากู้มาแล้วเอาค่าเช่ามาผ่อน" แต่ถ้ามองในแง่ของการทำธุรกิจ จะเป็นคนไม่หยุดนิ่ง คิดหาทางต่อยอดไปเรื่อย ฉะนั้นก่อนอื่นเธอจึงเริ่มจากการจัดสรรค่าใช้จ่ายก่อน ให้สมดุล และดูความจำเป็นในการใช้จ่าย เพราะภาระของแต่ละคนไม่เท่ากัน บางคนต้องเลี้ยงพ่อแม่ เลี้ยงลูก

"ทุกวันนี้ถามว่าภาระหนี้สินมีมั้ย มี เพราะต้องผ่อนบ้าน ผ่อนรถ ผ่อนคอนโดมิเนียม ส่วนที่เหลือเราก็ถามตัวเองว่าเก็บทั้งหมดดีมั้ย เพราะบางคนก็อาจจะปันส่วนเพื่อความสุขในชีวิต แต่เราไม่อยากเอาเงินใส่ไว้ในแบงก์อย่างเดียว แต่ก่อนได้ดอกเบี้ยเงินฝาก 14% มีเงินฝาก 10 ล้านได้ดอกเบี้ยแสนสี่ ไม่ต้องทำอะไรแล้ว แต่เดี๋ยวนี้ฝากแล้วไม่คุ้มค่า เราก็ได้คำตอบว่าเอามาทำอย่างอื่นดีกว่า "

จิณณาเป็นคนใส่ใจเรื่องเงินทองค่อนข้างมาก เธอบอกว่าอาจจะเป็นเพราะพื้นฐานของครอบครัวที่พ่อเป็นคนขยัน และเก็บเงินเก่ง แต่ไม่ใช้เงินซะจนเธอเองรู้สึกอึดอัดคือ มีเงินแต่ไม่ใช้ ไม่แต่งตัว ไม่เที่ยว

การที่ได้เห็นตัวอย่างดี เป็นการสร้างนิสัยทางการเงินที่ดีให้เธอด้วย แต่จิณณาก็เลือกที่จะหยิบนิสัยบางอย่างมาใช้ เช่น ชอบขยันแบบพ่อ เป็นคนกล้าลงทุนกล้าได้กล้าเสียแบบเขา แต่ไม่เก็บเงินอย่างเดียวแบบพ่อ

การลงทุนที่เธอชื่นชอบมากที่สุดคงเป็นด้านอสังหาริมทรัพย์ ทีแรกเธอคิดว่าที่ชอบอาจเพราะเป็นความพอใจเรื่องผลตอบแทน แต่เอาเข้าจริงๆ แล้วกลับไม่ได้ดูผลตอบแทนที่จะได้รับ แต่ดูนิสัยของตัวเองเป็นหลัก และเธอไม่ได้คิดว่าเป็นการลงทุน แต่คิดว่าเป็นการเก็บเงิน

"อย่างน้อยเราสบายใจได้ว่า ไม่เหลือสตางค์ก็จริง แต่ก็เพราะหมดไปกับของพวกนี้ อย่างช่วงนี้ก็อาจต้องใช้เงินเยอะอีกรอบ เพราะกำลังจะลงทุนทำอพาร์ตเมนต์ที่ใหม่ แต่เรื่องเล่นหุ้น ไม่เล่นเด็ดขาด เพราะเราไม่ใช่นักเล่นหุ้น เคยเล่นครั้งแรกครั้งเดียวแล้วตูมเลย ลงทุน 2 ล้านเหลือกลับมา 2 แสน คือ ไม่รู้จักเรื่องการเล่นหุ้นเท่าไร คิดว่าคนที่จะเล่นแล้วชนะ ต้องมีเวลาเกาะติดหน้าจอ"

จิณณาพูดถึงไลฟ์สไตล์การใช้เงินของตัวเอง ว่าเป็นคนที่ถ้าจะซื้ออะไร จะไม่มองว่าถูกหรือแพง แต่จะมองว่าได้ใช้หรือเปล่า มองหาคุณค่าของชิ้นนั้น ถ้าราคาถูกหรือซื้อมาแล้วไม่ได้ใช้ ก็ไม่ซื้อ เช่น ถ้าจะซื้อกระเป๋าใบหนึ่งราคา 5 หมื่นบาท จะเอา 365 หารเลย ว่าถ้าถือทุกวัน แล้วคุ้มมั้ย ถูกแพงไม่ว่า แต่ถามหาความคุ้มค่าไว้ก่อน แต่โดยรวมๆ ก็ถือว่าไม่ได้ใช้เงินเกินความจำเป็น

อย่างบัตรเครดิต ก็ถือว่าชอบใช้ ถ้าที่ไหนใช้บัตรเครดิตได้ จะใช้มากกว่าใช้เงินสด แต่เวลาใช้จะต้องดูด้วย เพราะมีบัตรหลายใบ ดูว่าครบดีลเมื่อไร บัตรไหนให้มูลค่าสูงสุดกับเรา ข้อสำคัญคือ ใช้เท่าไรก็ชำระให้ครบ ไม่ให้เกิดหนี้

"เป็นคนที่ใช้เงินเป็น กล้าใช้เงิน อาจเป็นเพราะเติบโตมากับตัวเลข เรียนเศรษฐศาสตร์ เรียนบริหาร เอ็มบีเอ ก็คลุกคลีเรื่องการเงินมาตลอด ทำอะไรก็ต้องบวก ลบ คูณ หาร แต่เอาเข้าจริงๆ แล้วคำว่าคุ้มไม่จำเป็นต้องคำนวณออกมาเป็นตัวเลข แค่บางทีเจอกันแล้วคุยกันสนุก ตรงนี้ก็ถือว่าคุ้มแล้ว"

จิณณาบอกว่าเมื่อคิดจะทำอะไร ทุกอย่างจะต้องผ่านการคำนวณก่อน ไม่ทำอย่างฉาบฉวย ถ้าจะลงทุนอะไรสักอย่าง ต้องคิดแล้วว่าเราจะได้อะไร

หลักใหญ่คือ มีกำลังหรือเปล่า กำลังในที่นี้หมายถึง กำลังกาย กำลังทรัพย์ กำลังใจ และกำลังในการชำระ ถ้ามีถือเป็นจุดเริ่มต้นที่ดี ถ้าพร้อมทุกอย่างก็เดินไปข้างหน้าได้

แต่การลงทุนทุกอย่างมีความเสี่ยง จึงต้องเผื่อใจรับความผิดพลาดเอาไว้บ้าง ซึ่งเรื่องของการลงทุนนั้นต้องมองทุกมุม ไม่ได้มองด้านบวกด้านเดียว

"อย่างร้านทำผมทั่วไป ใช้ทุนน้อยกว่าก็จริง แต่ก็เสี่ยงตรงที่เราไม่รู้ว่าจะไปรอดหรือเปล่า เราวิเคราะห์ทุกอย่างแล้วว่าคุ้ม เราถึงซื้อแฟรนไชส์ของโทนี่แอนด์กาย ศึกษาทุกอย่างและเมื่อลงทุนแล้วก็ศึกษาความเป็นไปได้ของธุรกิจ ว่ามีแค่ไหน เมื่อลงมือทำก็ทำเต็มที่ เมื่อเจอของที่ดีอยู่แล้ว ก็กลายเป็นความสำเร็จ"

จิณณาบอกว่า อะไรก็ตามที่แม้ลงทุนเยอะ แต่ถ้ามั่นใจว่าได้ผลตอบแทน ก็น่าทำ ทุกๆ เรื่อง ทุกๆ การลงทุนมีความเสี่ยงทั้งนั้น เมื่อเจอปัญหาก็ต้องแก้ไขไปให้ได้

นี่เป็นตัวอย่างของผู้หญิงที่ใส่ใจเรื่องเงินๆ ทองๆ เธอรู้จักใช้เงิน และถามหาความคุ้มค่าจากเงินทุกบาททุกสตางค์อยู่เสมอ