April 30, 2024   1:28:17 PM ICT
บทเรียนจากอัตราดอกเบี้ย

ดารบุษป์ ปภาพจน์ : darabusp@primavest.com

ในช่วง 2 เดือนที่ผ่านมา หากใครติดตามการปรับตัวของอัตราดอกเบี้ย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในส่วนของอัตราดอกเบี้ยเงินฝาก คงจะใจหายวาบกันพอสมควรค่ะ เนื่องจากอัตราดอกเบี้ยอ่อนตัวลงอย่างมากและรวดเร็ว ไม่ว่าจะเป็นอัตราดอกเบี้ยเงินฝากของธนาคารพาณิชย์ หรืออัตราผลตอบแทนของกองทุนรวมที่กำหนดระยะเวลาทั้งประเภท 3 เดือน 6 เดือน หรือ 1 ปี จากเดิมอยู่ที่ระดับประมาณ 4-5% ต่อปี ก็ปรับลดลงเหลือเพียง 2-3% ต่อปีเท่านั้น

คนที่ฝากเงิน ซื้อพันธบัตรรัฐบาล หรือลงทุนในกองทุนตราสารหนี้ความเสี่ยงต่ำอายุ 1-2 ปีไว้ ก็ถือว่าได้เปรียบผู้ที่ฝากเงินช่วงสั้นๆ ซึ่งเมื่อเงินลงทุนครบกำหนดก็ต้องฝากหรือลงทุนต่อโดยได้รับผลตอบแทนที่ต่ำกว่าเดิมค่อนข้างมาก

เหตุการณ์ครั้งนี้ น่าจะเป็นสติเตือนใจผู้ลงทุนในอนาคตได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับผู้ที่มีเงินเย็นแต่ลงทุนระยะสั้นตลอดเวลา โดยไม่สนใจว่าแนวโน้มดอกเบี้ยจะเป็นเช่นไร หรือบางท่านถือคติว่าลงทุนระยะเวลาใดก็ได้ ขอให้ผลตอบแทนสูงที่สุดก็เพียงพอ

ซึ่งในช่วงที่ผ่านมา หากสังเกตดีๆ จะพบว่าตราสารที่กองทุนรวมหลายแห่งลงทุน ต่างให้ผลตอบแทนระยะสั้นสูงกว่าระยะยาว ส่วนหนึ่งก็เนื่องมาจากผู้กู้เงินเห็นว่าอัตราดอกเบี้ยมีแนวโน้มปรับตัวลดลง จึงต้องการดึงดูดให้ผู้ลงทุนปล่อยกู้ในระยะสั้นมากกว่าระยะยาวนั่นเอง ดังนั้น ผู้ลงทุนระยะยาวจึงดูเหมือนเสียเปรียบผู้ลงทุนระยะสั้นในช่วงแรก แต่หากอัตราดอกเบี้ยปรับตัวลดลงอย่างต่อเนื่องและนานพอ ผู้ที่ลงทุนในระยะเวลาที่นานกว่า ก็จะกลับมาอยู่ในฐานะที่ได้เปรียบจากการที่ได้รับอัตราผลตอบแทนที่สูงกว่าในระยะเวลาที่ยาวนานกว่านั่นเอง

หลายคนอาจสงสัยค่ะว่า แล้วเราจะรู้ได้อย่างไรว่าอัตราดอกเบี้ยถึงจุดสูงสุดเมื่อใด และควรจะเริ่มลงทุนระยะยาวเมื่อไหร่ และควรจะเลือกช่วงเวลาที่ยาวแค่ไหน อันที่จริงแล้วผู้จัดการกองทุนตราสารหนี้จะมีเครื่องมือในการพิจารณาแนวโน้มอัตราดอกเบี้ย โดยดูประกอบกับการวิเคราะห์ภาวะเศรษฐกิจทั้งในและต่างประเทศ แต่ถึงกระนั้นก็ใช่ว่าผู้จัดการกองทุนจะสามารถเลือกจังหวะและเวลาในการลงทุนได้ถูกต้องแม่นยำเสมอไปค่ะ

ด้วยเหตุนี้จึงมีคำแนะนำการลงทุนให้กับนักลงทุนทั่วไป ให้กระจายการลงทุนในหลายช่วงเวลา ตั้งแต่ระยะสั้น ระยะกลาง จนถึงระยะยาว เพื่อให้เงินลงทุนมีโอกาสที่จะครบในช่วงที่อัตราดอกเบี้ยสูงบางส่วนได้ (และมีบางส่วนครบในช่วงอัตราดอกเบี้ยต่ำเช่นเดียวกัน) ซึ่งวิธีนี้ก็ช่วยให้ผู้ลงทุนไม่ต้องคาดเดาทิศทางอัตราดอกเบี้ย ในขณะเดียวกันก็มีโอกาสได้ดอกเบี้ยสูง แบบไม่ตกรถทีเดียวนัก

บทเรียนจากอัตราดอกเบี้ย มิได้มีเพียงแค่ช่วงดอกเบี้ยปรับตัวลดลงเท่านั้นนะคะ แต่ช่วงอัตราดอกเบี้ยปรับเพิ่มขึ้น ก็มีบทเรียนที่พึงระลึกถึงเช่นเดียวกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ที่ต้องการลงทุนระยะสั้นๆ แต่ได้รับผลตอบแทนสูง โดยลงทุนในกองทุนเปิดที่ลงทุนในตราสารหนี้ระยะยาวเกินกว่า 1 ปีขึ้นไป

อัตราผลตอบแทนของกองทุนตราสารหนี้ระยะยาว จะปรับตัวในทิศทางตรงกันข้ามกับอัตราดอกเบี้ยของตราสาร กล่าวคือ หากอัตราดอกเบี้ยอ่อนตัวลง ผลตอบแทนของกองทุนจะเพิ่มขึ้น และจะเพิ่มขึ้นมาก หากอายุของตราสารยาวขึ้น

ดังนั้น อาจกล่าวได้ว่ากองทุนเปิดที่ลงทุนในตราสารหนี้ระยะยาวนั้น โดยทั่วไปแล้วจะเหมาะกับผู้ที่มีเงินเย็นและสามารถลงทุนได้นานใกล้เคียงกับอายุตราสารที่กองทุนลงทุน โดยในบางช่วงเวลาที่อัตราผลตอบแทนของกองทุนเพิ่มขึ้น เนื่องจากอัตราดอกเบี้ยลดลง (หวังว่าจะไม่สับสนนะคะ) ผู้ลงทุนมีโอกาสขายกองทุนออกเพื่อทำกำไรได้ ซึ่งอัตรากำไรดังกล่าวอาจมากกว่าผลตอบแทนจากการฝากเงินหรือการลงทุนในกองทุนรวมตลาดเงินหลายเท่านัก

อย่างไรก็ตามผู้ลงทุนก็พึงระลึกด้วยค่ะว่า หากเมื่อใดอัตราดอกเบี้ยปรับตัวเพิ่มสูงขึ้น และผู้ลงทุนไม่สามารถลงทุนในระยะเวลาที่นานใกล้เคียงกับตราสารที่กองทุนลงทุนได้ การขายหน่วยลงทุนออกในช่วงดอกเบี้ยเพิ่มสูงขึ้น อาจทำให้ผู้ลงทุนมีโอกาสขาดทุน หรือได้รับเงินคืนน้อยกว่าที่คาดหมายไว้ ดังนั้น ก่อนที่จะลงทุนในกองทุนประเภทนี้ ผู้ลงทุนควรจะเตรียมเงินและเตรียมใจให้เย็นเพียงพอที่จะรับความผันผวนที่อาจเกิดขึ้นได้ค่ะ

เข้าชม: 1,720

 
 

Copy Right © 2009-2012 © Thaihoon.Com