เมื่อสถานการณ์ตลาดหุ้นไทยช่วงของการจัดงานไทยแลนด์ โฟกัส 2004 หรือโรดโชว์ในประเทศครั้งยิ่งใหญ่ปรับตัวผันผวนลงแทนที่จะปรับตัวขึ้น แม้นักลงทุนต่างประเทศมียอดซื้อสุทธิ4,637.14 ตลอดระยะเวา 3 วันที่มีการนำเสนอข้อมูลเศรษฐกิจประเทศไทยและข้อมูลบริษัทจดทะเบียนชั้นนำของเมืองไทย ที่สำคัญภาวะการลงทุนในวันนี้ (23ก.ย.)เปิดตลาดมาดัชนีดิ่งเหวทันที ตลาดหุ้นไทยหลังปิดฉากงานไทยแลนด์โฟกัส 2004 จะเป็นอย่างไรกำลังเป็นที่น่าสนใจ! ขณะที่บรรดาโบรกเกอร์ต่างก็อ่านสถานการณ์ตลาดหุ้นไทยอยู่ในทิศทางขาลง หลังมีปัจจัยลบเรื่องราคาน้ำมันที่ปรับตัวสูงขึ้นเหนือ 48 เหรียญสหรัฐฯต่อบาร์เรล **ดัชนีขึ้นล่วงหน้าเกือบ 50 จุด ย้อนกลับไปดูสำหรับภาวะการลงทุนในตลาดหลักทรัพย์ก่อนหน้านี้เรียกได้ว่าคึกคักต้อนรับงานโรดโชว์ในประเทศครั้งแรกของประเทศไทย ในชื่อว่า ไทยแลนด์ โฟกัส 2004 ด้วยการปรับตัวขึ้นจากระดับต่ำกว่า 620 จุดในปลายเดือนสิงหาคม ก่อนจะพุ่งขึ้นอีกกว่า 44 จุดระหว่าง 1-17 กันยายน ก่อนถึงวันเริ่มงานในวันที่ 20 กันยายน มาร์เก็ตแคป หรือความมั่งคั่งของตลาดหุ้นไทยเพิ่มขึ้น 2.6 แสนล้านบาท สร้างความสดใสให้กับนักลงทุนในตลาดหุ้นไทยได้ไม่น้อยทีเดียว ด้านบรรยากาศการจัดงานโรดโชว์ 21-23 ก.ย.พูดได้ว่า ไฮไลท์สำคัญอยู่ที่นายกรัฐมนตรี พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ที่มาปฐกถาหัวการเพิ่มขีดความสามารถทางการแข่งขัน ตลอดจนพูดถึงยุทธศาสตร์ประเทศไทย ให้กับบรรดานักลงทุนผู้จัดการกองทุนต่างประเทศ ตลอดจนบริษัทจดทะเบียนชั้นนำในเมืองไทยก็เป็นจุดขายที่ทำให้บรรดานักลงทุนต่างประเทศสนใจร่วมรับฟังข้อมูลทั้งแบบการเสวนาใหญ่ และแบบตัวต่อตัว วันแรกของการจัดงานจึงเต็มไปด้วยผู้คนทั้งที่เป็นนักวิเคราะห์และผู้จัดการกองทุนทั้งในประเทศและต่างประเทศเข้ารวมงานกันอย่างคึกคัก **คนฟังล้นหลามดีเกินคาด จากการรวบรวมตัวเลขผู้เข้าร่วมงานเบ็ดเสร็จของ ตลาดหลักทรัพย์ฯ พบว่ามีผู้เข้าร่วมงานไทยแลนด์ โฟกัส ซึ่งมีจำนวนรวมกันถึง1,035คน ในจำนวนนี้เป็นผู้จัดการกองทุน 411 คนจาก 161 สถาบันซึ่งแบ่งเป็นสถาบันจากต่างประเทศ 136แห่งและสถาบันในประเทศ 25 แห่ง ผู้นำองค์กรและผู้บริหารจากภาครัฐกว่า200 คน ผู้บริหารของบริษัทจดทะเบียน 250 คนจาก 54 บริษัทจดทะเบียนรวมทั้งเป็นงานที่ได้รับความสนใจจากสื่อมวลชนทั้งในและต่างประเทศในสาขาต่างๆอีก 178 คน นักลงทุนต่างประเทศที่เข้ามาร่วมงานในครั้งนี้ก็มีกองทุนประเภทกองทุนบำเหน็จบำนาญด้วยซึ่งเป็นกองทุนที่มีนโยบายการลงทุนระยะยาว นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง กรรมการและผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์กล่าวไว้ นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยภายหลังพูดคุยกับผู้จัดการกองทุนต่างประเทศส่วนหนึ่ง ว่า ในช่วง 3 วันที่ผ่านมา ภาพรวมนักลงทุนต่างประเทศได้แสดงความพอใจในการจัดงานครั้งนี้ของประเทศไทยเป็นอย่างมาก เนื่องจากนักลงทุนจะได้รับข้อมูลครบถ้วนทั้งของรัฐบาลและบริษัทเอกชน โดย เฉพาะข้อมูลของบริษัทเอกชนที่เข้าถึงได้ยาก ดังนั้นการที่ผู้บริหารระดับสูงสุด หรือ เบอร์1 ของแต่ละแห่งมาให้ข้อมูลถือเป็นสิ่งที่ดีมาก นอกจากนี้นักลงทุนได้เห็นความเปลี่ยนไปของประเทศไทย และมองว่า เศรษฐกิจไทยไม่ได้อยู่ในช่วงฟื้นฟูแต่ก้าวเข้าสู่ช่วงของการก้าวกระโดด **งานจบหุ้นไม่แจ่ม สำหรับภาวะการลงทุนในตลาดหุ้นไทยเช้านี้(23ก.ย.) ปรากฏว่าดัชนีปรับตัวลงไปต่ำสุดที่653.31จุด ปิดที่655.07จุด ลดลง8.44จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขายทั้งสิ้น10,760.29ล้านบาท หลังจากที่ปัจจัยร้ายเรื่องราคาน้ำมันแพงกลับมามีอิทธิพลปกคลุมตลาดหุ้นไทยแทน เหตุใกล้ช่วงฤดูหนาวความต้องการใช้พลังงานสูงขึ้น แม้จะมี ปัจจัยบวกกองทุนวายุภักษ์ 1 จะเพิ่มสัดส่วนการลงทุนในหุ้นขนาดใหญ่ SET 50 บทวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ฟาร์อีสท์ มองการลงทุนในตลาดหุ้นไทยวันนี้เรื่องงาน Thailand Focus ตลาดหุ้นตอบรับไปมากแล้ว ในขณะที่ข่าวในเชิงลบทยอยเข้ามาในตลาดมากขึ้นเรื่อย ๆ ไม่ว่าจะเป็นข่าวดุลการค้าติดลบ เนื่องจากราคาน้ำมันที่อยู่ในระดับสูงอย่างต่อเนื่อง และมีแนวโน้มว่าจะทำจุดสูงสุดใหม่เร็ว ๆ นี้ โดยถ้าหาก SET Index ปรับตัวลงต่ำกว่า 650-655 จุด SET Index มีโอกาสที่จะตกลงไปถึงระดับ 630 จุดได้ ส่วนประเด็นสำคัญการลงทุนวันนี้ ได้แก่ การเร่งพิจารณาเปลี่ยนเงื่อนไขให้กองทุนรวมวายุภักษ์สามารถลงทุนในตลาดหุ้นได้มากขึ้นไม่น่าจะมีผลมากนัก สำหรับความไม่ชัดเจนเกี่ยวกับการแต่งตั้ง MD คนใหม่ของ KTB ซึ่งกำลังมีผลต่อการดำเนินธุรกิจของธนาคารจะทำให้มีแรงกดดันจากการขาย KTB ได้อีก ด้านความเคลื่อนไหวของราคาหุ้นในกลุ่มธนาคารหลังจากมีการขายหุ้น KBANK เนื่องจากความกังวลเกี่ยวกับ NPL จะมีส่วนที่กำหนดทิศทางของ SET Index ในวันนี้ด้วยเพราะหุ้นในกลุ่มนี้มี Market Cap สูง ส่วนความเคลื่อนไหวของตลาดหุ้นไทยขณะที่มีการจัดงาน 20-22 ก.ย. ดัชนีแกว่งตัวในกรอบระหว่าง656.89จุด ถึง676.40จุด โดยดัชนีขึ้นไปจุดสูงสุดที่676.40จุด แต่ไม่สามารถฝ่าแนวต้านไปได้ แม้นักลงทุนต่างประเทศจะซื้อหุ้นไทยมาตั้งแต่ก่อนหน้าการจัดงานจนถึงตลอด 3 วันที่มีการจัดงาน รวมแล้วเกือบ 2 หมื่นล้านบาทก็ตาม ในขณะที่คนไทยขายตลอด นาทีนี้ มุมมองที่เป็นบวกของต่างประเทศที่ออกมาในช่วงการจัดงานไทยแลนด์โฟกัส ตลอดจนการปรับน้ำหนักการลงทุนของบรรดากองทุนต่างประเทศบิ๊ก ๆ ทั้งหลายยังจะมีความหมายหรือไม่ ที่สำคัญเมื่อปัจจัยเก่าราคาน้ำมันแพงซึ่งทรงอิทธิพลมากกว่าได้กลับมารบกวนบรรยากาศการลงทุนอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ดังนั้นสิ่งที่นักลงทุนต้องตระหนักคงหนีไม่พ้นการดูปัจจัยพื้นฐานของหุ้นที่ลงทุน ขณะเดียวกันก็ต้องไม่พลาดการติดตามปัจจัยราคาน้ำมัน โดยเฉพาะพวกเล่นสั้นยังต้องเข้า-ออกให้ถูกจังหวะด้วยเช่น!
ที่มา www.manager.co.th
|